วารุณีมองดูเธอ “ทำไมคะ?”
“ตอนเช้าที่คุณผู้ชายลงมา ป้าถามว่าทำไมคุณยังไม่ลงมาอีก สีหน้าของคุณผู้ชายก็เปลี่ยนไปทันที ข้าวเช้าก็ไม่กินแล้วออกไปเลย” ป้าส้มกล่าว
วารุณีกำมือแน่น “เขาไปแล้วเหรอคะ ?”
“ใช่ค่ะ”ป้าส้มพยักหน้าให้ จากนั้นก็ถามต่อว่า“คุณผู้หญิง เกิดอะไรขึ้น ระหว่างคุณกับคุณผู้ชายเหรอคะ? เมื่อคืนป้าก็สังเกตเห็นว่าระหว่างพวกคุณมันดูแปลกๆไป”
วารุณีส่ายหัว “หนูก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ห๊ะ?”ป้าส้มตะลึงงัน “คุณผู้หญิงก็ไม่รู้เหมือนกันเหรอคะ?”
“ค่ะ”ป้าส้มยิ้มหน้าเจื่อน“หนูถามเขาไปแล้ว แต่เขาไม่ยอมบอก ”
“แล้วคุณผู้ชายแกเป็นอะไรกันแน่ ?”ป้าส้มพึมพำด้วยความสงสัย
วารุณีไม่ได้พูดอะไรต่อ เดินจูงมือเด็กๆไปยังห้องอาหาร
ระหว่างทาง อารัณก็เงยหน้าขึ้นถาม “หม่ามี๊ ยังไม่คืนดีกับคุณพ่ออีกเหรอครับ ?”
“ยังเลย คุณพ่อ ไม่ให้โอกาสหม่ามี๊เลย ”วารุณีลูบไปที่ศีรษะของเด็กน้อย
ไอริณกะพริบตาปริบๆ “ทำไมล่ะคะ?”
“หม่ามี๊ก็ไม่รู้เหมือนกัน”สีหน้าของวารุณีมืดมน
อารัณยกมือขึ้นลูบไปที่คาง ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากที่กินมื้อเช้าเสร็จ วารุณีก็พาเด็กๆออกจากบ้าน ส่งเด็กทั้งสองคนไปที่โรงเรียนอนุบาลแล้ว ก็ขับรถมุ่งตรงไปยังบริษัทของตัวเอง
ระหว่างทาง เพราะวารุณีที่เอาแต่เหม่อลอย คิดเรื่องของนัทธี ก็จึงไม่ได้มองถนนเบื้องหน้า เกือบจะชนท้ายรถที่อยู่ข้างหน้า
โชคดีที่ได้สติกลับมา เหยียบเบรกได้อย่างทันท่วงที จึงเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุไปได้
แต่เธอก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หน้าผากกระแทกเข้ากับกระจกหน้ารถ เจ็บไปทั้งตัว หัวสมองก็ดังวิ้งๆ
เธอหยิบกระจกจากกระเป๋าออกมาดู มีลูกกลมแดงๆปูดขึ้นที่ตรงหน้าผาก เห็นชัดและดูตลกมาก
ในตอนนี้เอง มีคนมาเคาะกระจกรถ
วารุณีวางกระจกส่องลงแล้วเปิดกระจกรถ ด้านนอกมีตำรวจจราจรนายหนึ่งยืนอยู่
“สวัสดีครับคุณผู้หญิง กรุณาแสดงใบขับขี่ด้วยครับ”ตำรวจจราจรทำความเคารพให้วารุณี แล้วพูดขึ้นมา
วารุณีรู้ว่าเธอเบรกกะทันหัน แล้วหยุดรถ จึงถูกเรียก เพราะเหตุนี้จึงไม่ได้พูดมากอะไร หยิบใบขับขี่ออกมา
จากนั้น ก็ถูกหักไปสามคะแนน ปรับสองร้อย ตำรวจจราจรจึงได้ปล่อยเธอไป
วารุณีเห็นใบสั่งบนมือ ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
เธอรู้สึกว่า ตั้งแต่เมื่อวาน อะไรๆก็ดูจะไม่ราบรื่นไปหมด
เมื่อครู่ตอนที่ไปส่งเด็กๆที่โรงเรียน เธอก็เกือบจะลื่นหกล้ม
ส่ายหัวไปมา ไม่อยากจะคิดอะไรมาก วารุณีก็สตาร์ทรถแล้วขับออกไป
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงที่บริษัท
วารุณีหอบเอากระเป๋าแล้วเดินเข้าไปในที่ทำงาน หน้าผากที่ปูดโปน ทำเอาพนักงานต่างพากันตกใจ
“บอส หน้าคุณไปโดนอะไรมาค่ะ?”มีคนชี้ไปที่หน้าผากของเธอแล้วถาม
วารุณียิ้มให้อย่างขมขื่น“อย่าพูดถึงมันเลย เกือบเกิดอุบัติเหตุแล้ว ”
“อะไรนะ อุบัติเหตุเหรอ?” ปาจรีย์ที่เดินออกมาจากห้องทำงานของตัวเอง ก็ได้ยินที่วารุณีพูด ตกใจจนขวัญกระเจิง วางแก้วในมือลง ดึงเธอเข้ามาสำรวจ“วารุณี โดนชนที่ไหนหรือเปล่า ?”
“ไม่”วารุณีมองดูความเป็นห่วงของเพื่อนรัก ในใจก็รู้สึกดีขึ้นมา ตอบด้วยรอยยิ้มว่า“ ไม่มี โดนแค่ที่หน้าผากนี่แหละ”
“ไม่เป็นอะไรแน่นะ ?”ปาจรีย์ยังคงไม่วางใจ
วารุณีพยักหน้ายืนยัน “ไม่เป็นอะไรจริงๆ”
เมื่อเห็นดวงตาที่ชัดเจนของวารุณี ปาจรีย์ก็ถึงได้เชื่อ และรู้สึกโล่งอก“ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ตกใจหมดเลย”
“ขอโทษนะ”วารุณียิ้มให้อย่างรู้สึกผิด
ปาจรีย์โบกมือให้ “ ไม่เป็นไร ว่าแต่เธอ มานี่เลย ฉันจะไปหาน้ำแข็งมาประคบให้ ไม่งั้นมันจะบวมเอาได้ ?”
พูดจบ เธอก็ดึงตัววารุณีเข้าไปในห้องทำงาน
ในห้องทำงานมีตู้เย็น ปาจรีย์หยิบเอาน้ำแข็งออกมาแล้วห่อด้วยผ้าขนหนู ส่งมาให้กับวารุณี “อ่ะนี่”
“ขอบใจนะ”วารุณียิ้มแล้วรับมันมา จากนั้นก็วางไปที่หน้าผาก
ความรู้สึกเย็นๆ ปัดเป่าความมึนเบลอในหัวของวารุณี ทำให้เธอกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก
ปาจรีย์พิงไปที่ขอบโต๊ะ จ้องมองเธอ“วารุณี เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ ขอบตาคล้ำเชียว !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...