วารุณีไม่ได้ตอบรับคำทักทายของเธอ ทำเพียงแค่เอ่ยถามขึ้นอย่างเย็นชา “คุณหนูนวิยา ทำไมถึงได้ออกมาจากของสามีฉันได้ล่ะ ?”
นวิยาลูบวิกผมของเธอเบา ๆ “อันที่จริงแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะต้องปิดบังหรอกนะ นัทธีเพิ่มดื่มเหล้าเมากลับมา ฉันก็เลยช่วยประคองเขาเข้าไปในห้อง”
นัทธีออกไปดื่มเหล้าจนเมา ?
วารุณีขมวดคิ้ว เธอรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
เขาออกไปดื่มเหล้าโดยไม่บอกเธอสักคำ
อีกทั้งเมาเหล้ากลับมา ยังให้นวิยาช่วยประคองเข้าไปในห้องอีก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ วารุณีก็กำมือแน่น แล้วพูดออกมาเสียงแข็ง “อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณคุณหนูนวิยามากนะ ที่ช่วยดูแลสามีของฉันเป็นอย่างดี
“ไม่เป็นไรหรอก นัทธีต้องการดื่มน้ำ ในห้องไม่มีน้ำแล้ว ฉันจะลงไปรินน้ำมาในนัทธีสักหน่อย”
ขณะที่พูด นวิยาก็กำลังจะก้าวเท้าลงบันได
วารุณีเรียกเธอเอาไว้ “ไม่ต้องหรอกคุณหนูนวิยา ในเมื่อฉันออกมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นหน้าที่ดูแลเขาก็ควรจะเป็นหน้าที่ของภรรยาถึงจะถูก ดังนั้นคงไม่ต้องรบกวนคุณหนูนวิยาแล้วล่ะ”
นวิยาหัวเราะ “รบกสนอะไรกัน นัทธีดีกับฉันขนาดนี้ ฉันช่วยดูแลเขาก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”
“ไม่มีอะไรสมควรทั้งนั้น คุณหนูนวิยาอย่าลืมสิว่าฉันต่างหากที่เป็นภรรยาของเขา เขามีฉันอยู่ทั้งคน ทำไมต้องให้เธอคอยดูแลด้วยล่ะ คนที่เธอควรดูแลคือคุณหมอพิชิตต่างหาก ดังนั้น คุณหนูนวิยา ฉันหวังว่าเธอจะรู้จักวางตัว และไม่ทำให้คุณหมอพิชิตต้องเสียใจนะ”
พูดจบ วารุณีก็เบนสายตากลับมา แล้วเดินลงบันไดไปโดยไม่หันกลับไปมองเธออีก
นวิยายืนอยู่ที่เดิม มือทั้งสองข้างของเธอจับราวบันไดเอาไว้แน่น รอยยิ้มบนใบหน้าจางหายไป กลายเป็นใบหน้าที่บึ้งตึงขึ้นมา
ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของวารุณี เห็นได้ชัดว่าเป็นการตักเตือนเธอ
แต่ก็ไม่เป็นไร เธอจะรอดูซิว่า วารุณีจะลอยหน้าลอยตาอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่
วารุณีไม่รู้ว่านวิยากำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากดื่มน้ำเสร็จ เธอก็รินน้ำหนึ่งแก้วแล้วเดินถือขึ้นมาชั้นบน จากนั้นจึงเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องของนัทธี
ภายในห้องเปิดไฟสว่างไสว นัทธีนอนอยู่บนเตียง ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท แก้มทั้งสองข้างเป็นสีแดงระเรื่อ บนร่างกายมีกลื่นเหล้าคละคลุ้ง เป็นสภาพของคนที่เมามายจนไม่ได้สติ
เสื้อคลุมด้านนอกของเขาหายไปแล้ว สวมใส่อยู่เพียงแค่เสื้อเชิ้ต เสื้อเชิ้ตยับยู่ยี่และถูกปลดกระดุมคอออกไปสองเม็ด ส่วนเนกไทถูกแขวนอยู่บนคออย่างหลวม ๆ เป็นภาพที่น่าอายอย่างมา
วารุณีถอนหายใจออกมา แล้วตะโกนเรียกชื่อเขาเบา ๆ “นัทธี ตื่นสิคะ”
ไม่รู้ว่าชายหนุ่มได้ยินหรือไม่ แต่คิ้วของเขาขมวดแน่นขึ้นเล็กน้อย
วารุณีเห็นเขาไม่ตื่นขึ้นมาก็จนปัญญา จึงทำได้เพียงดื่มน้ำเข้าไปในปากหนึ่งอึก จากนั้นจึงก้มหน้าลง แล้วใช้ปากของเธอป้อนน้ำเข้าไปในปากของเขา
ทำซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง จนน้ำในแก้วเกือบจะหมด
เมื่อวารุณีเห็นคิ้วของนัทธีที่ขมวดอยู่ค่อย ๆ คลายลง ก็รู้สึกโล่งใจ
“นี่ดื่มไปเยอะแค่ไหนเนี่ย ?” วารุณีได้กลิ่นเห้าที่ลอยคละคลุ้งก็บ่นพึมพำออกมา
จากนั้น เธอใช้มือแตะลงบนหน้าผากของนัทธี เพื่อตรวจดูว่าเขามีอาการไข้หรือไม่
เพราะบางครั้งการดื่มเหล้ามากเกินไป ก็อาจส่งผลให้เป็นไข้ได้
โชคดีที่นัทธีไม่เป็นไข้ เขาเพียงแค่เมาเท่านั้น
วารุณีรู้สึกเบาใจลงไปมาก จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปน้ำจากในห้องน้ำออกมาหนึ่งอ่าง แล้วเช็ดตัวให้กับเขา
หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น วารุณีจึงห่มผ้าให้กับเขา และเตรียมที่จะเดินออกจากห้องไป
ทันใดนั้น นัทธีก็คว้าแขนของเธอเอาไว้ แล้วตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงแหบพร่า : “อย่าไปนะ !”
วารุณีคิดว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้ว จึงรีบหันกลับไปมองเขา แต่กลับพบว่าเขากำลังละเมอเท่านั้น
“อย่าไปนะ !” นัทธีตะโกนออกมาอีกครั้ง
“ฉันไม่ไปค่ะ” วารุณีกลับไปนั่งที่ข้างเตียงดังเดิม
ดูเหมือนเขาจะได้ยิน มือที่จับเธอเอาไว้แน่นจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย
วารุณีนั่งมองดูเขาอยู่เช่นนั้น
ไม่รู้ว่าดูอยู่นานแค่ไหน สีแดงระเรื่อบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ จางหายไป ดูเหมือนจะได้สติขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
เป็นไปตามคาด หนังตาของนัทธีกระตุกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมา
เมื่อเห็นวารุณีเขาก็ขมวดคิ้ว “คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ?”
วารุณีได้ยินน้ำเสียงที่เย็นชาของเขา ใบหน้าที่เดิมทีเต็มไปด้วยความสุขกลับแข็งทิ่อขึ้นทันที “นัทธี คุณเมาแล้ว ฉันจึงเข้ามาดูแลคุณ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...