พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ นิยาย บท 390

วารุณีฟังคำพูดของเขาก็รู้สึกโกรธจัดจนหัวเราะออกมา ขณะที่หัวเราะ น้ำตาของเธอก็ยิ่งไหลออกมาหนักขึ้น “นัทธี คุณยังไม่เข้าใจอีกหรือไง ฉันต้องการให้คุณพูดความจริงกับฉัน ความจริง ! ฉันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรผิดกันแน่ คุณถึงทำเช่นนี้กับฉัน ถ้าหากคุณคิดว่าไม่อาจอภัยให้ฉันได้ คุณก็ควรบอกฉันตรง ๆ จะหย่ากับฉันก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำสงครามเย็นกับฉัน คุณรู้ไหม......”

เธอสะอึกสะอื้นสักพัก “รู้ไหมว่าคุณทำกับฉันเช่นนี้ ทำให้ฉันทุกข์ใจมาก ฉันยินดีที่จะให้คุณขอหย่ามาตรง ๆ แต่ไม่อยากให้คุณทำเย็นชากับฉันเช่นนี้”

“ผมไม่หย่า” เมื่อได้ยินคำว่าหย่า นัทธีก็รู้สึกตกใจ แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

อย่างไรก็ตาม คำพูดนี้ไม่อาจปลอบโยนวารุณีได้ วารุณีถอนหายใจออกมา “ไม่หย่า แล้วคุณจะเป็นแบบนี้ต่อไปอย่างนั้นหรือ ?”

นัทธีหลับตาลงโดยไม่พูดอะไร

วารุณีปิดตา “ฉันเข้าใจแล้ว แค่นี้แหละ”

พูดจบ วารุณีก็วางสายโทรศัพท์ จากนั้นจึงเดินขึ้นชั้นบนด้วยความอ่อนล้า และขังตัวเองเอาไว้ในห้อง แม้แต่อาหารเย็นก็ไม่ลงมาทาน

ป้าส้มรู้สึกกังวลใจอย่างมาก เธอขึ้นไปเคาะประตู วารุณีไม่เปิดประตู นั่นหมายความว่าไม่ต้องการให้ใครมายุ่ง

แต่ป้าส้มได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอ เช่นนี้จะให้วางใจได้อย่างไรว่าเธอไม่เป็นอะไรจริง ๆ แต่ก็ไม่อาจกล่าวเตือนอะไรเธอได้ จึงส่ายหน้าพลางถอนหายใจ แล้วเดินกลับลงมา

ผ่านมาสองวัน วารุณียังคงจิตใจเลื่อนลอย หลายครั้งที่งานออกแบบที่ส่งให้ลูกค้าเกิดความผิดพลาด

หากไม่ใช่เพราะปาจรีย์ปรากฏตัวได้ทันท่วงที แล้วเก็บงานออกแบบกลับมาเสียก่อน คงไม่ต้องคิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา

ปาจรีย์เห็นวารุณีมีสภาพเหมือนศพเดินได้ ก็รู้สึกทั้งสงสารและโกรธ เธอทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงผลักประตูห้องทำงานแล้วเดินเข้าไป “วารุณี เธอดูผลงานของเธอตลอดสองวันมานี้สิ !”

ปาจรีย์โยนผลงานออกแบบลงบนโต๊ะของวารุณี “สิ่งที่ควรแก้ก็ไม่ยอมแก้ สิ่งที่ควรวาดออกมาก็ไม่ได้วาด สิ่งที่ควรตกแต่งก็ไม่ได้ตกแต่ง แม้กระทั่งเอกสารที่ทางโรงงานส่งมาเธอก็ไม่ได้เซ็น การทำงานที่ผิดพลาดแบบนี้ ยังใช่เธอคนเดิมที่เคยมีความมุมานะคนนั้นหรือเปล่า ?”

“......” วารุณีมองผลงานออกแบบที่วางอยู่บนโต๊ะ ก็ก้มหน้าก้มตาอย่างสำนึกผิด แต่ไม่พูดอะร

ท่าทางของปาจรีย์อ่อนลงเล็กน้อย “วารุณี เธอดูสภาพของเธอตอนนี้สิ เมื่อก่อนเธอเคยยอดเยี่ยมแค่ไหน มาตอนนี้ในตัวของเธอกลับมีแต่พลังงานด้านลบแผ่ซ่านออกมา การแต่งตัวก็ไม่พิถีพิถันดังเดิม ก็แค่ผู้ชายคนเดียว ทำไมต้องทรมานตัวเองเช่นนี้ด้วย !”

วารุณียกมือขึ้นมาปิดหน้า “ปาจรีย์ เธอไม่เข้าใจ......”

“มีอะไรที่ฉันไม่เข้าใจ ใช่ว่าฉันไม่เคยเจ็บปวดจากความรักสักหน่อย เพื่อที่จะได้รักกับพงศกร มีอะไรที่ฉันไม่เคยผ่านมาบ้าง แต่ฉนไม่เหมือนกับเธอ ไม่ทรมานตัวเองเหมือนเธอเช่นนี้ อย่างน้อยฉันก็เข้มแข็งมาโดยตลอด” ปาจรีย์พูดตัดบทเธออย่างเย็นชา

ริมฝีปากของวารุณีขยับ เหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายกลับไม่พูดอะไรออกมา

ปาจรีย์พูดถูก ถึงแม้จะเสียใจ แต่ก็ไม่ควรทำตัวไร้ค่าเช่นนี้

เรื่องนี้เธอเทียบไม่ติดจริง ๆ

“เอาล่ะวารุณี รีบจัดการกับอารมณ์ของตัวเองให้เรียบร้อยได้แล้ว” ปาจรีย์เดินเข้าไปแล้วกอดวารุณีเอาไว้ จากนั้นจึงปลอบโยนเธอด้วยนำเสียงอบอุ่น “เมื่อก่อนเธอเคยงดงามขนาดไหน แล้วดูเธอตอนนี้สิ ทำให้ฉันทนดูไม่ได้เลยจริง ๆ ฉันรู้ว่าเธอรักนัทธีมาก นัทธีทำให้เธอเสียใจ แต่เธอก็ไม่ควรที่จะทรมานตัวเองเช่นนี้ คนที่เธอควรทรมานก็คือนัทธีต่างหาก”

“ทรมานนัทธี ?” วารุณีเงยหน้าขึ้น

ปาจรีย์พยักหน้า “ก็ใช่นะสิ เขาทำให้เธอเสียใจ ทำไมจะทรมานเขาไม่ได้ล่ะ ? การทรมานตัวเองไม่ใช่วิธีที่สมควรและไม่ใช่วิธีที่ฉลาด อีกอย่าง ผู้ชายมีอยู่เยอะแยะมากมาย หากนัทธียังปฏิบัติต่อเธอเช่นนี้ต่อไป เธอก็แค่หย่ากับเขาซะ แล้วหาคนใหม่”

วารุณีถูกเธอพูดหยอกล้อจนหัวเราะออกมา “เธอคิดว่ามันง่ายขนาดนี้เลยหรือ”

“ทำไมจะไม่ง่ายล่ะ อีกอย่างสภาพของเธอกับนัทธีในตอนนี้ ก็ไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนก่อนได้อีกแล้ว ก็ยอมจบกันไปเร็ว ๆ เสียยังดีกว่า ยิ่งรั้งไว้ก็จะยิ่งทรมาน ถึงแม้เธอจะไม่นึกถึงตัวเอง ก็ควรนึกถึงลูก ๆ ทั้งสองคนบ้าง”

“ลูก......” แววตาของวารุณีสั่นคลอน

ปาจรีย์ขานรับหนึ่งคำ “ก็ใช่นะสิ เธอคงไม่ปล่อยให้ลูก ๆ ทั้งสองคนต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงาอันมืดมนของเธอกับนัทธีหรอกนะ มันไม่เป็นผลดีกับการเติบโตของเด็กทั้งสองเลย อีกอย่าง เมื่อก่อนที่เธอยังไม่แต่งงานกับนัทธี และเด็ก ๆ ทั้งสองคนยังไม่มีพ่อ ก็มีความสุขดีไม่ใช่หรือ ?”

มันก็จริง

วารุณีไร้ข้อโต้แย้ง

อีกทั้งสิ่งที่ปาจรีย์พูดมาก็ถูก ถ้าหากเธอและนัทธีไม่สามารถกลับไปคืนดีกันได้ และทำให้บรรยากาศภายในบ้านต้องตึงเครียดอยู่เช่นนี้ ก็คงส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อเด็ก ๆ ทั้งสองคน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ