นวิยายิ้ม “ฉันมาทำงานที่นี่น่ะ พอดีฉันหายป่วยเป็นปลิดทิ้งแล้ว อยู่บ้านก็น่าเบื่อเลยออกมาหานัทธีเขาน่ะ ทำงานฆ่าเวลาซะหน่อย”
“ทำงาน?” ปาจรีย์มองสำรวจไปที่หล่อน “อย่าถือโทษที่ฉันพูดมากเลยนะคะ คุณหนูนวิยาทำงานอะไรเหรอ?”
“เป็นเลขาของนัทธีน่ะค่ะ” นวิยาตอบด้วยรอยยิ้ม
ปาจรีย์กลอกตามองบน “เลขานี่เอง เป็นเลขาประเภทที่มีงานสั่งให้ทำก็ทำ ไม่มีงานให้ทำก็ทำอย่างอื่นกันแบบนั้นหรือเปล่าคะ?”
คำพูดนี้ถือว่าประสบความสำเร็จที่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของนวิยานั้นหายไป การแสดงออกทางสีหน้าดูจริงจังขึ้นมา “คุณปาจรีย์คะ โปรดระมัดระวังคำพูดคุณด้วย”
“อะไรกัน ฉันแค่ถามเองก็มาบอกให้ฉันระมัดระวังคำพูดตัวเองซะงั้น ปฏิกิริยาของหล่อนเยอะขนาดนี้คงไม่ใช่ว่าฉันพูดถูกแล้วหรอกเหรอ การที่หล่อนมาที่นี่มันก็คือการทำตัวแบบใครมือยาวสาวได้สาวเอา ท้ายที่สุดแล้วความรู้สึกที่หล่อนมีต่อประธานนัทธี มีใครบ้างที่ไม่รู้กันล่ะ” ปาจรีย์ขดริมฝีปาก
ดูเหมือนว่านวิยาจะโกรธเป็นอย่างมาก หล่อนบีบฝ่ามือแน่น “คุณปาจรีย์คะ ฉันมีแฟนอยู่แล้วซึ่งก็คือพิชิต ดังนั้นในตอนนี้การที่คุณมาพูดจาแบบนี้มันก็คือสิ่งที่สมมุติขึ้นมาเอง ฉันสามารถฟ้องร้องข้อหาที่คุณใส่ความฉันได้เลยนะ”
“งั้นหล่อนก็ฟ้องเลย ใครกลัวกันล่ะ ดีด้วยจะได้พูดทุกอย่างออกมาให้หมด จะพูดว่าหล่อนมีแฟนอยู่แล้วแต่ก็ยังสถิตอยู่ในบ้านของประธานนัทธีอยู่ได้ไม่ยอมไปซะที ตอนนี้ก็ยังไล่ตามมาถึงที่บริษัทอีก ดูซิว่าใคร...”
“พอแล้ว” นวิยาตะโกนออกมาเสียงดังด้วยร่างกายที่สั่นเทา “คุณปาจรีย์ นี่มันจะเกินไปแล้วนะ ฉันรู้ว่าคุณไม่ชอบฉันแต่คุณจะมาทำกับฉันขนาดนี้ไม่ได้?”
“เหอะ รู้เหมือนกันเหรอว่าฉันไม่ชอบหล่อนน่ะ แล้วทำไมฉันจะทำกับหล่อนขนาดนี้ไม่ได้กันล่ะ” ปาจรีย์พูดพร้อมกับกลอกตามองบนอีกครั้ง
นวิยากัดริมฝีปากล่างแน่น ดวงตาแดงก่ำ
มารุตที่อยู่ด้านข้างยังคงดูการแสดงละครนี้อยู่ เมื่อเห็นนวิยาที่กำลังจะร้องไห้ออกมาก็รู้สึกว่าจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เขาทำเสียงอ่ะแฮ่มออกมาเบาๆพร้อมกับลุกขึ้นยืนและเข้าไปห้ามอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะครับทั้งสองคน หยุดทะเลาะกันได้แล้ว คุณปาจรีย์มาที่นี่ทำไมเหรอครับ?”
เขาเปลี่ยนเรื่อง
ปาจรีย์จึงนึกถึงจุดประสงค์ของการที่เธอมาที่นี่และได้หยุดทะเลาะกับนวิยา เธอตอบไปด้วยสีหน้าที่ดูเป็นมิตรขึ้นมาเล็กน้อย “ฉันมาหาประธานนัทธี”
“มาหาประธานนัทธี?” มารุตขมวดคิ้ว
นวิยาหรี่ตาลง “คุณปาจรีย์มาหานัทธีมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ฉันมาหาประธานนัทธีมีเรื่องอะไรแล้วเกี่ยวอะไรกับหล่อน รู้อยู่แล้วว่าฉันไม่ชอบก็ยังมาถามอยู่ได้ ชอบแกว่งเท้าหาเสี้ยนหรือไงกัน?” ปาจรีย์กล่าวอย่างเยือกเย็น
สีหน้าท่าทางของนวิยาดูน่าเกลียด
มารุตรีบหัวเราะออกมาเป็นพิธี “คุณหนูนวิยาครับ เชิญกลับก่อนได้เลยนะครับ คนขับรถรออยู่ด้านนอก พรุ่งนี้ค่อยมาทำงานนะครับ”
นวิยารู้ว่าเขากำลังช่วยตนให้พ้นจากปัญหานี้ หล่อนยิ้มและขอบคุณจากนั้นยกฝีเท้าก้าวออกไป
อย่างไรก็ตามขณะที่หล่อนได้เดินผ่านปาจรีย์ หล่อนหยุดฝีเท้าลงพร้อมกับหันมามองปาจรีย์ด้วยสายตาที่เย็นชา ในดวงตาแฝงความเย็นยะเยือกอย่างถึงที่สุด
ความอับอายในวันนี้ หล่อนจะจำมันเอาไว้
มันจะมีสักวันที่หล่อนจะกลับมาเอาคืนให้เป็นเท่าตัวเลย
เมื่อนวิยาออกไป มารุตก็ได้หันมามองปาจรีย์ “งั้นผมขอโทรหาประธานนัทธีก่อน คุณปาจรีย์ของสักครู่นะครับ”
“ค่ะ” ปาจรีย์พยักหน้า
มารุตหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับโทรหานัทธีและโอนสายไปยังห้องทำงานของเขา
ไม่นานนัก นัทธีก็รับสายพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและเย็นชาออกมา “มีเรื่องอะไร?”
“ท่านประธาน คุณปาจรีย์ต้องการพบท่านครับ” มารุตตอบพร้อมกับมองไปที่ปาจรีย์
นัทธีขมวดคิ้วเล็กน้อย “ปาจรีย์?”
“ครับ”
“เธอมาหาฉันมีเรื่องอะไรกัน?”
“เธอไม่ได้พูดครับ ท่านประธานต้องการพบเธอไหมครับ?”
นัทธีเม้มริมฝีปากอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ได้ตัดสินใจ “ให้เธอมา”
“ได้ครับ” มารุตวางโทรศัพท์ลง “ท่านประธานได้ตอบรับแล้ว ตามผมมาเลยครับ”
เมื่อพูดจบ เขาก็เข้าไปในลิฟต์ ส่วนปาจรีย์เองก็ตามเข้าไปติดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...