เมื่อได้ยินคำถามของเด็กๆ นัทธีก็เอื้อมมือไปลูบศีรษะของเด็กน้อย พูดอย่างอ่อนโยนว่า“หม่ามี๊ยังนอนอยู่ คงไม่ลงมาแล้ว วันนี้หม่ามี๊ยังต้องไปแข่งขันอีก ดังนั้นเราไม่ให้หม่ามี๊ไปส่งเราแล้วนะ ให้หม่ามี๊ได้พักผ่อน ”
“ก็ได้ ให้หม่ามี๊พักผ่อน การแข่งขันของหม่ามี๊ก็เหนื่อยเหมือนกัน”ไอริณพยักหน้าให้อย่างเชื่อฟัง
มีเพียงอารัณที่เหล่มองนัทธี รู้แก่ใจดีว่าทำไมหม่ามี๊ถึงลงมาไม่ได้
หม่ามี๊ไม่ใช่คนประเภทที่พรุ่งนี้มีการแข่งขัน แล้วจะไม่ลงมาส่งพวกเขาเป็นแน่
ตรงกันข้าม ระหว่างเรื่องการแข่งขันกับพวกเขา หม่ามี๊ให้ความสำคัญกับพวกเขามากกว่า
ต้องเป็นพ่อที่เมื่อคืนรังแกหม่ามี๊อีกแน่ ไม่อย่างนั้นหม่ามี๊ไม่มีทางลุกไม่ไหวเด็ดขาด
แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่ให้หม่ามี๊ไปส่ง เวลาที่พวกเขาไป จะได้ไม่ต้องมาอาลัยอาวรณ์กัน ไม่แน่ไอริณก็อาจจะร้องไห้ขึ้นมาอีก
ตอนนี้หม่ามี๊ไม่อยู่ ไอริณไม่เห็นหม่ามี๊ ก็ยังจะไม่ร้องไห้
“ประธานนัทธี พวกคุณจะไปกันแต่เช้าแบบนี้ ไม่ให้วารุณีไปส่งจริงๆเหรอคะ?”ที่บันได ไม่รู้ว่าลีน่าตื่นมาตอนไหน มองไปยังสามคนพ่อลูกในห้องนั่งเล่นและเอ่ยถาม
นัทธีผละมือออกจากศีรษะของเด็กน้อย ตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง“ เธอเหนื่อยแล้ว ปล่อยให้เธอได้นอนเถอะ”
ลีน่าจิ๊ปาก“ที่วารุณีเหนื่อย ไม่ใช่เพราะคุณหรอกเหรอ ช่างมันเถอะ ในเมื่อมันเป็นการตัดสินใจของพวกคุณ ฉันคงจะพูดอะไรมากไม่ได้ แต่หากวารุณีตื่นแล้วไม่เห็นพวกคุณ ต้องเสียใจมากแน่ๆ ถึงตอนนั้น ฉันจะช่วยปลอบเธอให้เอง”
นัทธีแสดงท่าทีขอบคุณที่ไม่ค่อยจะมีให้เห็นกับเธอ“ขอบคุณมาก”
“มาขอบคุณอะไรกัน วารุณีเป็นเพื่อนของฉัน ที่ฉันทำมันก็สมควรแล้ว” ลีน่าโบกมือให้แล้วกล่าว
นัทธีจูงมือของเด็กทั้งสอง “งั้นพวกเราไปก่อนนะ”
“ลาก่อนครับ/ค่ะคุณน้าลีน่า ”เด็กทั้งสองคนโบกมือให้ลีน่าอย่างว่าง่าย
ลีน่าโบกมือให้อย่างอาลัย “ลาก่อน อย่าลืมคิดถึงน้าด้วยนะ ”
“ครับ/ค่ะคุณน้าลีน่า เราจะคิดถึงแน่นอน” เด็กน้อยสองคนรับคำ
หลังจากนั้น นัทธีก็จูงมือของเด็กทั้งสอง เดินไปที่ประตูคฤหาสน์
สำหรับกระเป๋าเดินทางของพวกเขา บิ๊กและบอดี้การ์ดคนอื่น ได้เอามันขึ้นรถไปก่อนแล้ว
ไม่นาน สามคนพ่อลูกก็เดินทางออกจากคฤหาสน์ไป จนตอนที่วารุณีตื่น สามคนพ่อลูก ก็ใกล้จะถึงบ้านแล้ว
เมื่อวารุณีรู้ว่าสามคนพ่อลูกได้จากไปตอนรุ่งสาง แถมยังไม่บอกลาเธออีก ภายในใจก็รู้สึกเศร้ามาก
แต่เธอก็รู้ว่าที่สามคนพ่อลูกทำแบบนี้ นอกจากจะอยากให้เธอได้นอนเต็มอิ่มแล้ว ก็ไม่อยากให้บรรยากาศในการจากลานั้นหดหู่จนเกินไป
ดังนั้นวารุณีภายใต้การปลอบประโลมของลีน่า ก็ปรับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินทางไปยังสนามแข่ง
แต่ในตอนเที่ยง ระหว่างที่โทรคุยกับนัทธี วารุณีก็ไม่วายจะพูดบ่นกับชายหนุ่ม
หากไม่ใช่เมื่อคืนเขาเอาแต่รังแกเธอ เธอจะนอนสลบแบบนี้ได้ยังไง ?
นัทธีฟังคำต่อว่าของหญิงสาว นอกจากหัวเราะเสียงเบา ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะทุกอย่างมันเป็นเรื่องจริง
และเขาก็รู้ด้วยว่า หญิงสาวไม่ได้โกรธจริงจัง
แต่แล้ว หลังจากที่วารุณีพูดบ่นอยู่นาน ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นทั้งคู่ก็คุยกันอีกสักพัก แล้วจึงวางสายไป
เพราะเป็นเวลาพักเที่ยงวารุณีก็จึงได้ใช้โอกาสนี้ กดโทรหานัทธี
ตอนนี้เกมการแข่งขันในช่วงบ่ายกำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง ก็จึงคุยต่อไม่ได้
กลับมาที่สนามแข่ง ลีน่าตะโกนเรียกเธอ “วารุณี”
“ว่ายังไง?”วารุณีเงยหน้ามองไป เห็นเพียงน้ำขวดหนึ่งลอยเข้ามาทางตัวเอง
วารุณีรีบยื่นมือมา รับน้ำนั้นเอาไว้ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบใจนะ ”
“ขอบใจอะไรกัน การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ฉันคิดว่าเธอจะมาสายเสียอีก กำลังจะออกไปตามเชียว” ลีน่ากล่าวพร้อมเปิดขวดน้ำของตัวเอง
วารุณีเดินไปแล้วนั่งลง “ จะมาสายได้ยังไง ฉันกะเวลาได้ ”
“ฉันกลัวเธอจะคุยกับประธานนัทธีจนลืมนะสิ ความสัมพันธ์ของพวกเธอสองคน ฉันจะไม่รู้ได้ยังไง ? ” ลีน่าพูดด้วยรอยยิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...