มาที่ห้องนั่งเล่น คุณแม่ปารวีอดใจรอไม่ไหวที่จะถามขึ้นอีกครั้งว่า“สิทธิ์ ว่ายังไง วารุณีตอบกลับมาแล้วใช่ไหม?”
คุณพ่อประสิทธิ์พยักหน้า “ตอบกลับมาแล้ว วารุณีให้เรารอสักสองสามชั่วโมง ประธานนัทธีจะให้คนมาพาเราไปจากที่นี่ ก่อนรุ่งสางคนก็น่าจะมาถึง ”
เมื่อได้ยินดังนี้ ความกังวลใจของคุณแม่ปารวีที่มีมาตลอด ก็ได้ปล่อยวางลง “ดีเลย ดีมากๆเลย”
เธอตีไปที่อก “เรารบกวนวารุณีกับประธานนัทธีอีกครั้งแล้ว”
คุณพ่อประสิทธิ์ถอนหายใจ “ใช่ แต่ตอนนี้ก็มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่สามารถช่วยเราได้ รอให้เราได้อยู่กันอย่างปลอดภัยจริงๆ ถึงตอนนั้นเราค่อยมาคิดกันว่าจะตอบแทนพวกเขายังไง ”
“คุณพูดถูก”คุณแม่ปารวีพยักหน้า
จากนั้น คุณพ่อประสิทธิ์ก็มองไปยังนาฬิกาแขวนที่ผนัง เป็นเวลาตีสามแล้ว
เขาพูดกับคุณแม่ปารวีว่า“อีกหลายชั่วโมงกว่าฟ้าจะสาง คุณไปนอนสักงีบเถอะ ผมจะไปเก็บข้าวของเอง”
คุณแม่ปารวีส่ายหัว “ไม่ดีกว่า ฉันจะไปนอนหลับได้ที่ไหนกัน ฉันช่วยคุณเก็บของดีกว่า ช่วยๆกัน จะได้เร็วขึ้น”
“ก็ได้”คุณพ่อประสิทธิ์ได้ยินคำพูดของคุณแม่ปารวี ก็ไม่ได้บังคับอะไรอีก
เพราะได้ยินว่าพงศกรตามหาพวกเขาเจอแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องนอนไม่หลับเป็นแน่ ไม่สู้มาออกแรงด้วยกัน ไม่แน่แบบนี้ อาจทำให้เวลาผ่านไปได้เร็วยิ่งขึ้น
“ไปกันเถอะ ฉันจะไปเก็บของที่ห้องของเรา ของปาจรีย์ค่อยว่ากัน ให้ปาจรีย์ได้นอนพักสักหน่อย ”คุณแม่ปารวีพูดพลางเหลือบมองไปที่ประตูห้องของปาจรีย์
คุณพ่อประสิทธิ์ตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง “ควรให้เธอได้นอนพัก เมื่อครู่เธอคงหวาดกลัวมาก ”
“ใช่ ตอนที่ฉันกอดเธอ ยังรู้สึกได้ถึงร่างของเธอที่สั่นสะท้าน ”
“ไม่รู้จริงๆ ว่าชีวิตแบบนี้จะสิ้นสุดเมื่อไร” คุณพ่อประสิทธิ์เงยหน้าขึ้นมองไปบนเพดาน ดวงตาเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
คุณแม่ปารวีไม่ได้พูดอะไร ถอนหายใจอย่างเงียบๆ
คุณพ่อประสิทธิ์คลึงไปที่ขมับ“เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว ไปกันเถอะ เก็บของกัน เก็บแต่ที่จำเป็น ที่ไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องเอาไปด้วย ของเยอะแยะ เอาไปด้วยก็ลำบากเปล่าๆ”
“อืม”คุณแม่ปารวีเข้าใจในสิ่งที่คุณพ่อประสิทธิ์พูด
ตอนนี้พวกเขากำลังหนีพงศกร ไม่ใช่จะย้ายบ้าน
ดังนั้นของบางอย่างที่ไม่จำเป็น ไม่เอาไปด้วยก็จะดีกว่า
หลังจากที่ทั้งคู่พูดคุยกันจบ ก็แยกย้ายกันลงมือ
เพื่อไม่ทำให้ปาจรีย์ตื่น การเคลื่อนไหวของคนทั้งคู่ ก็ทำกันอย่างเงียบๆและเบามาก พยายามไม่ให้มีเสียงมากที่สุด
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง สองสามีภรรยาก็เก็บของแทบจะเรียบร้อยหมดแล้ว
คุณพ่อประสิทธิ์มองไปยังกระเป๋าเดินและกล่องใส่ของสารพัดในห้องนั่งเล่น หายใจเข้าอย่างไม่มีทางเลือก จากนั้นก็มองไปยังภรรยาที่อยู่ข้างๆ“หกโมงเช้าแล้ว คนของประธานนัทธีคงใกล้จะมาถึงแล้ว คุณไปปลุกปาจรีย์เถอะ แล้วเก็บข้าวของของปาจรีย์ด้วย อะไรที่เอาไปได้ก็เอาไป”
“ได้ ฉันรู้แล้ว” คุณแม่ปารวีพยักหน้ารับคำ
อันที่จริงถึงเขาจะไม่บอก เธอก็จะไปปลุกอยู่แล้ว
คุณแม่ปารวีเดินไปที่ห้องนอนของปาจรีย์
คุณพ่อประสิทธิ์มองไปยังสัมภาระที่วางในห้องนั่งเล่น ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ว่าจะขนมันไปไว้ที่หน้าบ้าน อีกประเดี๋ยวจะได้สะดวกกับการขนขึ้นรถ
คิดจะทำก็ลงมือทำในทันที คุณพ่อประสิทธิ์ถือกระเป๋าเดินทางสองใบ เดินไปที่ประตู
ไม่นาน คุณพ่อประสิทธิ์ก็ย้ายกระเป๋าเดินทางทั้งสองใบไปไว้นอกบ้าน
หลังจากที่วางมันลง คุณพ่อประสิทธิ์ก็กำลังจะกลับเข้าบ้าน เพื่อขนของที่เหลือต่อ
ในจังหวะที่กำลังจะหันหลังกลับนั้น จู่ๆก็มีร่างร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา มองมาที่เขาด้วยดวงตาที่มืดมน“นี่อะไรครับ กำลังจะย้ายบ้านเหรอ?”
เสียงนี้!
เท้าของคุณพ่อประสิทธิ์ก็ชะงัก สีหน้าเปลี่ยนในทันที รูม่านตาหดเกร็งเท่ารูเข็ม แม้แต่ร่างกายเอง ก็สะท้านไปด้วยเล็กน้อยเช่นกัน
พงศกร!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...