“ถูกจ้ะ!” คุณแม่ปารวีพยักหน้าอย่างจริงจัง “ตราบใดที่ลูกไม่มีความรู้สึกต่อพงศกร พวกเราในฐานะพ่อแม่ ก็จะได้ไม่กังวลเกี่ยวกับพงศกรอีกต่อไป ดังนั้น ถ้าจะจัดการกับพงศกรก็ไม่มีปัญหา”
ปาจรีย์ยิ้ม “ค่ะ งั้นครอบครัวของเราจะร่วมแรงร่วมใจจัดการกับเขาด้วยกัน หนูไม่เชื่อหรอกค่ะว่าเราสามคนจะสู้เขาคนเดียวไม่ได้”
พอคิดดูแล้ว ที่จริงพงศกรก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรพงศกรก็ตัวคนเดียว
ความสามารถของคนคนเดียวล้วนมีจำกัด ตราบใดที่ครอบครัวของพวกเขาต่อสู้กับพงศกรอย่างจริงจัง พงศกรก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่แท้จริงด้วยซ้ำ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ปาจรีย์พบว่าความกลัวที่เธอมีต่อพงศกรลดลงไปไม่น้อย
คุณแม่ปารวีก็รู้สึกว่าเธอพูดจามีเหตุผล แค่เพียงแค่ครอบครัวของเราต่อสู้กับพงศกร ไม่ต้องพะว้าพะวังต่อพงศกรครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนแต่ก่อน ถ้าอย่างนั้น พงศกรก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย
พวกเขาก็ไม่ต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ ใช้ชีวิตอย่างหวาดหวั่นในทุก ๆ วันอีกแล้ว
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล คุณแม่ปารวีได้ตัดสินใจในใจแล้ว รอคุณพ่อประสิทธิ์กลับมา ก็จะคุยเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งนี้
คุณพ่อประสิทธิ์ต้องเห็นด้วยแน่นอน อย่างไรเขาก็ไม่ได้อยากที่จะย้ายบ้านตลอดเวลา
ในเวลานี้ ก็มีเสียงรถมาจากนอกประตู
ปาจรีย์เงยหน้าขึ้นมอง เห็นรถสองคันจอดอยู่นอกลานบ้าน เป็นรถบริษัทและรถขนสินค้าคันเล็ก ๆ
“คุณแม่คะ คงจะเป็นคนของนัทธีมาถึงแล้วละค่ะ” ปาจรีย์ชี้ไปที่ด้านนอกพลางบอก
คุณแม่ปารวีมองตามไป เนื่องจากประตูไม่ได้ปิด จึงมองเห็นคนที่อยู่ข้างนอกได้อย่างง่ายดาย
คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าเป็นชายร่างใหญ่ในชุดดำ
คุณแม่ปารวีรู้จักชายร่างใหญ่คนนั้น เขาเป็นคนที่พาพวกเขามาที่นี่ในตอนแรก
“คนของนัทธีมาถึงแล้วจริง ๆ ด้วย พวกเราออกไปกันเถอะจ้ะ” คุณแม่ปารวีมองไปยังปาจรีย์
ปาจรีย์พยักหน้าพลางลุกขึ้น
แม่ลูกทั้งสองออกไปด้วยกัน
ชายร่างใหญ่ที่กำลังจะกดกริ่งก็เห็นพวกเขาออกมาพอดี จึงรีบลดมือลง “คุณหญิงปารวี คุณปาจรีย์”
“คุณธีภพ” คุณแม่ปารวีทักทายชายร่างใหญ่
ชายร่างใหญ่ผู้นี้เป็นคนของตระกูลราชเสภา เป็นคนของมารุต
ชายร่างใหญ่มองมายังคุณแม่ปารวี “คุณหญิงปารวี พวกเรามารับพวกคุณออกไปตามคำสั่งของคุณนัทธีครับ จัดกระเป๋าเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ?”
คุณแม่ปารวีพยักหน้า “เรียบร้อยจ้ะ อยู่ข้างนอกนั่นแน่ะ”
เธอชี้ไปที่ข้างนอก
ชายร่างใหญ่มองผ่านไป “ครับ งั้นเดี๋ยวเราจะให้คนขนขึ้นรถนะครับ พวกคุณเองก็รีบขึ้นรถเถอะครับ อ้อ แล้วคุณประสิทธิ์ล่ะครับ”
ชายร่างใหญ่เพิ่งจะนึกขึ้นได้ ตั้งแต่ตัวเขาเองมาถึงที่นี่ ยังไม่เห็นคุณพ่อประสิทธิ์เลย
ปาจรีย์ตอบกลับ “คุณพ่ออยู่ที่โรงพยาบาลน่ะค่ะ”
“อะไรนะครับ? คุณประสิทธิ์อยู่ที่โรงพยาบาล? คุณประสิทธิ์ป่วยหรือครับ?” ชายร่างใหญ่ตกใจสุดขีด
ปาจรีย์ส่ายศีรษะ "เปล่าค่ะ คุณพ่อไม่ได้เป็นอะไร พงศกรต่างหากค่ะ เขาโดนคุณพ่อทุบตีจนต้องเข้าโรงพยาบาล และตอนนี้คุณพ่อก็ไปกับเขาด้วย"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายร่างใหญ่ก็งงงวยเป็นที่สุด “คุณปาจรีย์ คุณหมายถึงพงศกรหรือครับ?”
“ค่ะ” ปาจรีย์ส่งเสียงตอบ
ชายร่างใหญ่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ “พงศกรมาถึงแล้วหรือครับ? เขามาถึงเมื่อไหร่ครับ?”
ปาจรีย์ตอบกลับ “ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนค่ะ”
ครึ่งชั่วโมงก่อน......
ชายร่างใหญ่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่า ครึ่งชั่วโมงที่แล้วพวกเขายังอยู่ระหว่างทางที่จะมาที่นี่
นึกไม่ถึงเลยว่าตอนนั้นพงศกรจะมาถึงแล้ว เขามาเร็วพอสมควร
“คุณปาจรีย์ครับ พงศกรไม่ได้ทำอะไรคุณใช่ไหมครับ?” ชายร่างใหญ่ถามพลางสำรวจปาจรีย์ด้วยความเป็นห่วง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...