ปาจรีย์ส่ายหน้า “ไม่รู้ค่ะ ฉันไม่กล้าบอกพวกเขา หากบอกพวกเขาไป พวกเขาต้องเป็นห่วงฉันแน่นอน ฉันทำเรื่องที่ทำให้พวกเขาเป็นห่วงมาเยอะแล้ว ฉันไม่อยากสร้างปัญหาอะไรอีก พวกเขาอายุมากแล้ว ทนความกดดันมากมายไม่ไหว ดังนั้น......”
คำพูดข้างหลัง เธอไม่ได้พูดออกมา แต่พงศกรเข้าใจมันดี
เขาเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเธอไม่ได้บอกพ่อแม่เธอ
ไม่งั้น พ่อแม่เธอพูดยังไงก็คงไม่เห็นด้วย ที่จะให้เธอมาดูแลเขา และต้องขอร้องให้เธอพักฟื้นร่างกายที่โรงพยาบาลอย่างแน่นอน
ทันใดนั้น สีหน้าพงศกรไม่ค่อยดีนัก และขมวดคิ้วอย่างแน่น
ปาจรีย์รู้สึกว่าตอนนี้เขากำลังไม่พอใจ ริมฝีปากขยับไปมา ในใจเต็มไปด้วยความกลุ้ม
ทำไมเขาต้องไม่พอใจ
ทำไมเขาต้องโมโห
และโมโหอะไรกันแน่
ปาจรีย์ไม่เข้าใจพงศกร จึงก้มหน้าเล็กน้อย ไม่พูดอะไร
ในเวลานี้ พงศกรก็พูดขึ้นอีกครั้ง “สองสามวันนี้ เธอมีอาการแพ้ท้องไหม”
ปาจรีย์พยักหน้า “มีค่ะ แต่ส่วนมากจะเป็นช่วงกลางคืนค่ะ ตอนกลางวันเกิดน้อยมากค่ะ”
พงศกรพยักหน้า “เป็นแบบนี้นี่เอง ผมเข้าใจแล้ว”
ถึงว่าเขาไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง บวกกับเธอยังท้องได้ไม่กี่เดือน หน้าท้องจึงไม่ได้นูนออกมา ดังนั้นเขาก็ลืมเรื่องที่เธอท้องไปเลย
ปาจรีย์กะพริบตา จ้องเขาด้วยความสงสัย “คุณพงศกร คุณเข้าใจอะไรเหรอคะ”
เธอไม่เข้าใจ
ยิ่งไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาต้องถามคำถามเธอมากมายขนาดนี้ เป็นเพราะกำลังเป็นห่วงเธอเหรอ
หลังจากนั้นปาจรีย์ก็ยิ้มอย่างขมขื่น
จะเป็นไปได้ยังไง เขาเกลียดเธอขนาดนั้น จะเป็นห่วงเธอได้ยังไง
เขาแค่อยากถามสถานการณ์ให้ชัดเจน จากนั้นในเวลาที่เธอเป็นแบบนี้ ก็จะหาวิธีมาทำให้เธอยิ่งทรมานมั้ง
เมื่อเห็นท่าที่สลดของปาจรีย์ พงศกรก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก ก็เดาได้คร่าวๆแล้วว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงขมวดคิ้ว “คุณอย่าคิดเองเอ่อเองทั้งวันได้ไหม”
“ห๊ะ”ปาจรีย์มึนงงครู่หนึ่ง ไม่สามารถเข้าใจความหมายของเขาได้ทันที
พงศกรเหมือนไม่ได้อธิบายอย่างละเอียด หลังจากก็จิ้มหน้าผากของเธอ แล้วหมุนตัวเดินโซเซไปทางโต๊ะ
ปาจรีย์เบิกตากว้าง ลูบหน้าผากที่โดนเขาจิ้มอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณพงศกร......”
เขาจิ้มหน้าผากเธอ
ท่าทีสนิทสนมเช่นนี้ เขากลับทำมันกับเธอ
นี่......
ปาจรีย์ตกใจจนไม่สามารถนิ่งได้ เธออยากจะถามเขา ว่าทำไมต้องทำท่าทีที่สนิทสนมเช่นนี้กับเธอ แต่เปิดปากตั้งนาน ก็ไม่ส่งเสียงสักนิด
ทางนั้น พงศกรได้เดินถึงหน้าโต๊ะแล้วเมื่อเห็นว่าปาจรีย์ยังยืนอึ้งอยู่ที่เดิม ไม่ได้ตามมาด้วย ดวงตาก็หรี่ลง “คุณยังยืนอยู่ตรงนั้นทำไม มานี่”
เขาโบกมือเรียก
ปาจรีย์สงบอารมณ์ได้ชั่วคราว แล้วกะพริบตา “คุณพงศกร มีอะไรที่ต้องการมอบหมายคะ”
“คุณมาก็จะรู้เอง ” พงศกรโบกมือเรียกอีกครั้ง
ปาจรีย์ไม่อยากเดินไป แต่กลัวจะทำเขาไม่พอใจมากกว่า
ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือก เธอจึงต้องฝืนใจเดินไป “คุณพงศกร คุณ......”
เธอยังพูดไม่จบ จู่ๆก็มีแก้วน้ำหนึ่งโผล่ตรงหน้าเธอ
ปาจรีย์ตกตะลึง เงยหน้ามองชายหนุ่ม ด้วยความไม่เข้าใจว่านี่ชายหนุ่มหมายความว่ายังไง คืออยากให้เธอดื่มน้ำเหรอ
“มองผมทำไม เอาไป” พงศกรเห็นเธอจ้องตัวเอง นิ่งไม่ขยับไปสักพัก ก็เม้มปากแล้วพูดเร่ง
ปาจรีย์ยื่นมือไปรับแก้วน้ำไว้ “คุณพงศกร คุณให้ฉันช่วยคุณถือไว้ใช่ไหมคะ”
“ให้คุณดื่ม” พงศกรพูด
“อะไรนะ” ปาจรีย์ตะลึงจนพูดไม่ออก และชี้ที่จมูกของตัวเอง
“ฉัน......ฉันดื่มเหรอ”
“อือ” พงศกรพยักหน้า
ปาจรีย์กลืนน้ำลาย ขอยืนยันอีกครั้ง “ให้ฉันดื่มจริงเหรอคะ”
พงศกรเม้นปาก “ผมรู้สึกว่าผมก็พูดชัดเจนมากพอแล้วนะไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะๆๆ”ปาจรีย์รีบพยักหน้าทันที “คุณพูดชัดเจนแล้วค่ะ เพียงแค่ฉันมีความไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อยค่ะ”
“มีอะไรไม่น่าเชื่อ” พงศกรขมวดคิ้ว
ปาจรีย์กระตุกมุมปาก ไม่พูดอะไร
ทำไมไม่เชื่อ นี่มันยังมีอะไรน่าสงสัยอีกเหรอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...