“นั่นน่ะสิคะ” วารุณีพยักหน้า “เมื่อเทียบกับพี่ชายพี่สาวของเขาแล้ว สุขใจดูสุภาพเรียบร้อยมากกว่า เหมือนกับสาวน้อยที่เงียบสงบคนหนึ่งเลย ตื่นมาแล้วก็ไม่ร้องไห้งอแง มีแค่ตอนหิวหรือปัสสาวะถึงจะส่งเสียงฮื้อฮื้อ ปกติหากไม่นอน ก็จะจ้องเพดานห้องตาโตอยู่เงียบๆ”
“ใช่แล้ว คุณชายน้อยสุขใจเป็นคนที่สุภาพเรียบร้อยจริงๆ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เลี้ยงเด็กที่เลี้ยงง่ายขนาดนี้ค่ะ” พี่นันทาพูดอย่างเห็นด้วย
วารุณีมองลูกชายที่อยู่ในอ้อมแขน
เจ้าตัวเล็กเป็นอย่างที่เธอพูดเมื่อกี้ นอนอยู่ในอ้อมกอดเธออย่างเชื่อฟัง ไม่ร้องไห้งอแง ไม่แม้แต่จะขยับตัว แค่มองเธอด้วยดวงตากลมโตสีดำสองลูกก็เท่านั้น เอาแต่จ้องเธอ
บางครั้งก็ยังหัวเราะออกมา น่ารักจนไม่ไหวแล้ว
วารุณีทนไม่ไหวก้มลงไปจูบหน้าผากเจ้าตัวเล็กหนึ่งที “ไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าตัวเล็กอย่างหนูเนี่ยกำลังขำอะไรอยู่”
“คุณชายน้อยสุขใจอาจจะเห็นว่าคุณหญิงสวยเกินไป และด้วยที่ตนเองมีแม่ที่สวยแบบนี้คงขำเพราะรู้สึกมีความสุขนะคะ” พี่นันทากล่าวชม
วารุณีหน้าแดง “พี่นันทา อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ ฉันเขินไปหมดแล้ว”
พี่นันทาพูดแก้เก้อ “ที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงนะคะ คุณหญิงท่านเป็นคนที่สวยจริงๆ ดูดีกว่าพวกดาราเหล่านั้นเป็นไหน ๆ”
“คำพูดนี้ผมเห็นด้วย” วารุณียังไม่ได้ตอบรับ ก็มีเสียงจากด้านหลังดังขึ้นมา
วารุณีและพี่นันทาหันกลับไปมองพร้อมกัน
พี่นันทาไม่รู้จักพงศกร ดวงตาที่มองพงศกรเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ก็มีชายแปลกหน้าปรากฏตัวขึ้นในวิลล่าได้
ก็จริง เพราะตอนที่พงศกรมา พี่นันทายังเลี้ยงเด็กอยู่ในห้องอยู่เลย ไม่มีทางรู้ได้ว่ามีคนมา
“คุณหญิงคะ คุณชายท่านนี้คือ?” พี่นันทามองพงศกร และเอ่ยปากถามอย่างสงสัย
วารุณีหัวเราะพลางตอบกลับ “คนนี้เป็นเพื่อนของฉัน นามสกุลอิสริยานนท์ เขาเพิ่งมาวันนี้”
“แบบนี้นี่เอง” พี่นันทาพยักหน้าเบาๆ จากนั้นยิ้มอย่างสุภาพให้พงศกร “สวัสดีค่ะคุณชายพงศกร”
พงศกรก็ยิ้มอ่อนๆ กลับไป “สวัสดีครับ”
“พงศกรคนนี้เป็นแม่เลี้ยงของสุขใจ” วารุณีแนะนำพี่นันทาให้แก่พงศกรอีกครั้ง
พงศกรส่งเสียงอืม “ผมรู้ เมื่อกี้ได้ยินพวกคุณคุยกัน พอจะเดาได้คร่าวๆ แล้ว”
“อย่างนั้นเหรอ” วารุณีพยักหน้าเบาๆ จากนั้นมองไปทางพี่นันทา” พี่นันทา พี่ไปทำงานเถอะ รอให้สุขใจหลับแล้ว ฉันค่อยไปเรียกพี่นะ”
“ได้ค่ะคุณหญิง” พี่นันทาตอบด้วยรอยยิ้ม หันกลับและเดินลงไป
ภายในห้องรับแขกเหลือเพียงผู้ใหญ่อย่างวารุณีกับพงศกรสองคน และเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนวารุณี
พงศกรเดินเข้ามา ก้มลงมองไปยังอ้อมแขนของเธอ เห็นเด็กน่ารักคนนั้นนอนอยู่ในผ้าห่มอย่างเป็นเด็กดี ดวงตากลมโตมองไปทุกที่ บางครั้งเด็กน้อยก็เผยรอยยิ้มซื่อๆ ออกมา สักพักสีหน้าก็ตกตะลึง หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ก็กลับมาเหมือนเดิม เผยให้เห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“นี่ก็คือสุขใจใช่ไหม? ” พงศกรนั่งลงตรงข้าม มองสุขใจ พลางถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
วารุณีฟังออก ว่าความอ่อนโยนที่เขาเผยออกมานั้น คือความอ่อนโยน ที่แบบออกมาจากใจจริงๆ ไม่ใช่ความอ่อนโยนที่เสแสร้งแกล้งทำออกมาเหมือนในอดีต
ก็จริง ต่อหน้าเด็กคนหนึ่ง ถ้ายังปรากฏความอ่อนโยนที่จอมปลอมแบบนี้ งั้นคนนี้ ก็คงน่าสิ้นหวัง และเป็นปีศาจตัวจริงแล้ว
โชคดี ที่พงศกรไม่ใช่ปีศาจแบบนั้น
อีกอย่างวารุณีมองออกว่า พงศกรชอบสุขใจจริงๆ เช่นนั้นก็คงไม่แสดงท่าทีที่มีความสุขและความอ่อนโยนออกมา ตั้งแต่แรกที่เจอสุขใจเช่นนี้หรอก
สำหรับเรื่องที่คนอื่นมาชื่นชอบลูกตัวเอง ในใจของวารุณีก็มีความสุข
เพราะมันแสดงให้เห็นว่า เจ้าตัวน้อยของตัวเอง มีเสน่ห์มากอย่างไงล่ะ
วารุณีเช็ดน้ำลายที่ไหลออกมาจากมุมปากเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขน หัวเราะพลางตอบกลับ “ใช่แล้ว นี่ก็คือสุขใจ เจ้าขี้เกียจตัวน้อย ที่วันๆ มีแต่กินและนอนนอนและกิน แถมยังเป็นจอมขี้เกียจที่ไม่ชอบขยับตัวอีก”
พงศกรมองสุขใจ “สุขใจเป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนด จะขี้เกียจหน่อยก็ดี เพราะมันจะสามารถทำให้เขาอ้วนขึ้นได้ ซึ่งดีต่อสุขภาพ”
วารุณีพยักหน้า “จริงสิ คุณหมอของสุขใจเมื่อก่อนก็พูดแบบนี้”
เหมือนจะฟังเข้าใจ เจ้าตัวเล็กก็ส่งเสียงอ่าอ่าอย่างให้ความร่วมมือสองเสียง
วารุณีได้ยินลูกส่งเสียงที่น่ารักเช่นนี้ออกมา หัวใจจะละลายแล้ว เขย่าเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดเบาๆ ยากที่จะเห็นะเนี่ย “โธ่ พระเจ้าช่วย สุขใจ ทำไมหนูถึงได้น่ารักขนาดนี้เนี่ย?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...