ในห้องที่มีสีสันงดงามแบบโบราณมีตัวอักษรคำว่ายินดีติดอยู่รอบห้อง หญิงสาวคนหนึ่งที่สวมชุดเจ้าสาวทั้งตัวนั่งอยู่หน้ากระจกทองแดงเดี๋ยวทำหน้าโกรธเดี๋ยวทำหน้ายิ้ม ฝึกฝนใบหน้าหนังมนุษย์ใบนี้
หญิงสาวในกระจก มีคิ้วใบหลิวที่สวยงาม ริมฝีปากบาง ใบหน้ารูปเมล็ดแตงโม ดวงหน้างดงาม ผิวหน้าขาวดุจหิมะ เหมือนสาวงามที่ป่วยมาก
มีเพียงดวงตาที่อยู่ภายใต้แพขนตางามงอนเท่านั้น ที่แวววาวดุจดวงดาว แต่กลับแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งและดื้อรั้น ราวกับว่าไม่มีเรื่องราวใดๆบนโลกนี้ที่จะสามารถทำให้นางสนใจได้
ใต้เท้าเฉิงเซี่ยงที่ยืนอยู่ข้างๆกำลังพูดย้ำอยู่ข้างใบหูของนางซ้ำๆว่า “ชิงหัว หลังจากที่เจ้าแต่งงานออกเรือนแทนน้องรองของเจ้าไปแล้วต้องทำตัวให้ดี อย่าได้ทำเรื่องผิดกฎระเบียบอย่างเด็ดขาด ท่านอ๋องเป็นคนละเอียดลออ อย่าให้ความเอาแต่ใจในชั่วขณะทำให้ต้องถึงแก่ชีวิต”
“พอแล้ว”เฟิ่งชิงหัวหันร่างไปทันที แววตาที่เดิมทีดูเกียจคร้านเต็มไปด้วยความคมกริบ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเอือมระอา “อย่ามาเสแสร้งทำเป็นห่วงข้าเลย เป็นเพราะท่านเสียดายที่จะส่งลูกสาวสุดที่รักของตนเองไปตายจึงได้ให้ข้าเป็นตัวแทนมิใช่หรือ”
“ชิงหัว ทำไมเจ้า ทำไมเจ้าจึงพูดเช่นนี้ ข้า ข้าย่อมต้องเป็นห่วงเจ้าจากใจอยู่แล้ว”
“เป็นห่วงข้า ท่านมีลูกสาวทั้งหมดสามคน ลูกสาวคนโตหนานกงเยว่หลี ลูกสาวคนรองหนานกงเยว่ลั่ว ลูกสาวคนที่สามหนานกงลู่ซิ่ว แม้ว่าตอนนี้ลูกสาวคนโตของท่านกำลังจะกลายเป็นพระชายารัชทายาทซึ่งมีสถานะสูงส่ง แต่ลูกสาวคนที่สามของท่านก็เป็นแค่ลูกเมียน้อยเท่านั้น ทำไมท่านไม่ให้นางแต่งงานเล่า หรือเป็นเพราะรู้ว่าท่านอ๋องเจ็ดนั้นมีนิสัยโหดร้าย เกรงว่าลูกสาวตนเองจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ฉะนั้นจึงให้ลูกบุญธรรมที่เก็บมาจากข้างทางอย่างข้าไปแต่งงานแทน”
ผู้ชายคนนี้คิดว่านางเป็นหญิงสาวกำพร้าที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรือ
นางมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดที่เจริญรุ่งเรือง เป็นหญิงสาวสมัยใหม่ สติปัญญาจากทั้งสองชาติภพทำไมจะดูไม่ออกว่าในใจของคนโบราณคนนี้คิดแผนการอะไรอยู่
ถ้าหากไม่ใช่เพราะในอดีตท่านแม่ของนางถูกเฉิงเซี่ยงในขณะนั้นที่กำลังเดินทางไปสอบในเมืองหลวงช่วยชีวิตเอาไว้ และได้สาบานเป็นพี่น้องกัน นางแทบจะไม่อยากคุยกับเขาเลยด้วยซ้ำไป
ได้ยินดังนั้น ผู้ชายที่เดิมทียังทำท่าทีเป็นพ่อที่แสนจะมีเมตตาก็เกิดความละอายจนยืนนิ่งอยู่กับที่
เฟิ่งชิงหัวเห็นดังนั้น ก็ยกมือขึ้นมาค้ำไว้ที่หน้าผากของตนเองพลางพูดด้วยเสียงเกียจคร้านว่า “การช่วยท่านครั้งนี้ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ท่านได้ช่วยแม่ข้าไว้ในอดีต ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปข้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับจวนเฉิงเซี่ยงอีก ใต้เท้าเฉิงเซี่ยงอย่าลืมเด็ดขาด บางเรื่อง ทางที่ดีอย่าได้เอ่ยขึ้นมาอีก”
“ได้ได้ได้ ข้า ข้าขอตัวออกไปก่อน ดูซิว่าเกี้ยวเจ้าสาวมาถึงหรือยัง”เฉิงเซี่ยงพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก รีบหมุนตัวออกไปจากห้องอย่างลุกลี้ลุกลน
เฟิ่งชิงหัวยิ้มเยาะ และยังคงนั่งมองเงาตนเองในกระจกอย่างรู้สึกสงสาร ไม่พอใจกับใบหน้าในตอนนี้ที่ดูอ่อนแอและสวยงามมากขึ้นทั้งที่รู้สึกเป็นทุกข์เลยแม้แต่น้อย อารมณ์ก็หงุดหงิดตามไปด้วย
เสียงเสียดสีของเนื้อผ้าดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงพูดคุยของหญิงสาวอยู่ที่หน้าประตู ย่อมลอยเข้าหูของเฟิ่งชิงหัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...