หน้าผากของหลิวหยิ่งปรากฏเหงื่อซึมออกมา และยังรู้สึกหนาวสันหลังอีกด้วยจึงรีบกล่าวว่า “ท่านอ๋องยังเป็นหนุ่มอยู่ แน่นอนว่าไม่ใหญ่ ความหมายของบ่าวคือพระชายาเป็นคนที่มีนิสัยร่าเริง การล้อเล่นกับพวกเราเป็นเพียงแค่การคบหากันธรรมดาเท่านั้น”
จ้านเป่ยเซียวจ้องเขาอย่างไร้อารมณ์ เพื่อดูว่าเขาจะกลิ้งกลอกไปทางไหน
หลิวหยิ่งกลืนน้ำลายแล้วเอ่ยปากว่า “เจ้านาย ข้าน้อยคิดว่า พระชายาชอบการสืบคดีไม่ใช่หรือ อย่างนั้นท่านก็จัดคดีให้ทางสักสองคดีดีหรือไม่”
จ้านเป่ยเซียวหรี่ตา “ความหมายของเจ้าคือ ให้ข้าไปฆ่าคนสักสองคนเพื่อให้พระชายาตามสืบหาคนร้ายงั้นหรือ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับ ที่กรมคลังมีคดีเก่าเก็บนานปีเป็นจำนวนมากไม่ใช่หรือ นายท่านสามารถให้พระชายาใช้เวลาที่มีไปลองตรวจสอบดูเล่นๆ” หลิวหยิ่งพยายามใช้ความคิดอย่างหนัก
จ้านเป่ยเซียวลูบคาง เขาไม่ได้ตอบปฏิเสธออกมาทันที จากนั้นจึงโบกมือให้หลิวหยิ่งออกไปข้างนอก
เขาต้องการใช้ความคิดอยู่ในห้องคนเดียว
“อะไรนะ?” วันรุ่งขึ้น เฟิ่งชิงหัวกำลังกินอาหารเช้าอยู่ และได้ยินคำพูดของจ้านเป่ยเซียวโดยที่นางไม่ได้ตั้งตัว นางจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ท่านให้ข้าปลอมตัวเป็นผู้ชายไปทำงานที่ศาลาว่าการพระนครหรือ”
จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้วเป็นการบ่งบอกว่าเจ้าฟังไม่ผิดหรอก ยังไม่รีบขอบคุณข้าอีกหรือ
เฟิ่งชิงหัวหัวเราะแห้งๆ “ท่านอ๋อง ท่านนี่มีความคิดใหม่ๆ ตลอดเลยนะ”
จะจัดการข้าให้ถึงตายเลยใช่หรือไม่?
จ้านเป่ยเซียวกล่าวว่า “เจ้าอยู่ในจวนทั้งวันทั้งคืนก็เบื่อเปล่าๆ คิดๆ ดูแล้วให้เจ้าคัดกฎระเบียบจวนทั้งวันก็คัดไม่เสร็จอยู่ดี ไม่สู้ให้เจ้าไปทำในสิ่งที่เจ้าชอบจะดีกว่า”
เฟิ่งชิงหัวเอานิ้วมือชี้หน้าตัวเอง “ท่านเอาตาข้างไหนดูว่าข้าชอบ”
จ้านเป่ยเซียวเอานิ้วทั้งสองชี้ดวงตาของตนเอง แสดงให้เห็นว่าดวงตาทั้งสองข้างนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...