หลิวหยิ่งกัดฟันพูด “พระยาชาอ๋อง ท่านรีบเข้าไปด้านในเถิด ช่วงนี้ท่านนาย ความอดทนไม่ค่อยดีเท่าใด”
เฟิ่งชิงหัวตอบ “เขาใจร้อน ข้าก็ยังอารมณ์ไม่ดี ช่างเขาสิ”
“พระยาชาอ๋อง ท่านรีบเข้าไปเถิด การเผชิญหน้ากันแบบนี้ไม่ใช่วิธีที่ดีเลย พรุ่งนี้เช้าตรู่ท่านยังคงต้องจัดการคดีอีก รีบเข้าไปพักผ่อนเสียจะเป็นการดีกว่า” หลิวหยิ่งเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง
คำพูดนี้เมื่อเฟิ่งชิงหัวได้ยินกลับกลายเป็นคนละความหมาย
เฟิ่งชิงหัวพยักหน้า “หลิวหยิ่งเจ้าพูดมาก็ถูก จะรบกวนเวลานอนของข้าเพียงเพราะเขาก็ใช่เรื่อง รีบจัดการให้เสร็จรีบพักผ่อน เช่นนั้นเจ้าไปเตรียมตักน้ำมาให้ข้า ข้าจะไปรายงานเขา ผู้ชายคนหนึ่งที่ถูกข้าจับได้ว่าแอบลักลอบพบเจอกับคนรักเก่า ยังกล้าทำตัวภาคภูมิเช่นนี้อีก นี่มันคือหลักการอะไรกันแน่”
ระหว่างที่พูด จากนั้นเฟิ่งชิงหัวก็เดินเข้าไปในห้องด้วยท่าทีเย่อหยิ่งจองหอง
เหลือไว้แค่เพียงหลิวหยิ่งที่ยืนส่ายศีรษะไปมาอยู่นอกประตู
“อยากรู้เรื่องใด ถามมา” ทันทีที่เฟิ่งชิงหัวเข้ามาในห้อง ก็นั่งลงที่ข้างโต๊ะ ไม่แม้แต่จะมองหน้าจ้านเป่ยเซียว เชิดหน้าขึ้น จงใจวางมาด
จ้านเป่ยเซียวที่กำลังหงุดหงิดอยู่ในใจ “……”
เมื่อเวลาผ่านไปสักพักกลับยังไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด เฟิ่งชิงหัวยังคงเชิดหน้าขึ้นและเอียงศีรษะเล็กน้อย จากมุมหางตา ชายผู้นี้จ้องมองมายังตนด้วยสายตานิ่งเรียบ เมื่อมองอย่างละเอียด กลับพบว่ามีความรังเกียจเต็มประดาอยู่ในสายตาคู่นั้น
เฟิ่งชิงหัวเมื่อเห็นเช่นนี้ก็พลันไม่พอใจ จ้องเขม็งไปที่เขาแล้วเอ่ยว่า “มองเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
“เจ้าสวมอาภรณ์เช่นนี้มาพบข้ารึ?” ตอบกลับน้ำเสียงเย็นชา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งชิงหัวก็เบิกตากว้างและชี้ไปที่ตนเอง “ข้า... เจ้า... แฮ่ม ๆ ท่านอ๋องช่างถามได้ดีเสียจริงเชียว ก็ไม่รู้ว่าใครกันที่ทำให้ข้าต้องสวมใส่อาภรณ์เช่นนี้ ตอนนี้กลับมารังเกียจกันเสียได้ อย่างไร ในที่สุดดวงตาของท่านก็หายดีแล้วหรือว่ามาตรฐานความงามของท่านอยู่ดี ๆ ก็ปกติขึ้นมา?”
ในเวลานี้เฟิ่งชิงหัวได้วินิจฉัยออกมาแล้วว่า จ้านเป่ยเซียวเป็นผู้ป่วยมะเร็งที่ตาบอดด้านมาตรฐานความงามระยะสุดท้ายแล้ว
“ข้าไม่ได้หมายความถึงสิ่งนี้” จ้านเป่ยเซียวพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...