“เจ้ามีแผนในใจก็ดีแล้ว กลับกันเถอะ” จ้านเป่ยเซียวเท้าคางเอาไว้แล้วกล่าวออกมาด้วยความเกียจคร้าน
เฟิ่งชิงหัวมองมายังทั้งซ้ายขวาหน้าหลังของเขานี้ที่รายล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย แล้วก็ส่ายศีรษะ: “ไม่ดีกว่า ข้าเองชอบติดดินมากกว่า เจ้าดึงดูสายตาของผู้คนมากเกินไป”
นางน่ะไม่อยากจะเป็นเหมือนจ้านเป่ยเซียว นั่งอยู่บนเกี้ยวนี้ แต่เมื่อใดที่พบเจอกับชนชั้นที่ด้อยกว่าหรือว่าคนในวังก็จะโค้งคำนับตัวลง
ในขณะที่กำลังคคิดเช่นนี้อยู่นั้น รอบเอวของนางจู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างมารัดเอาไว้ เฟิ่งชิงหัวได้เพียงก้มศีรษะลงไปทันมองอยู่ครู่หนึ่ง เป็นไหมขาวเส้นหนึ่ง จากนั้นก็ถูกม้วนขึ้นไปบนเกี้ยวเลย
“เคลื่อนเกี้ยว!” คนวังพูดลากเสียงยาวออกมา จากนั้นก็แบกพวกเขาเคลื่อนออกไปทางด้านนอกวัง
“โอ๊ย ข้าไม่นั่งเกี้ยว!” เฟิ่งชิงหัวกล่าวออกมาด้วยอาการโมโห
ได้ยินดังนั้นจ้านเป่ยเซียวก็เลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็โอบเฟิ่งชิงหัวเอามาไว้บนร่างของตน: “ไม่ยอมนั่งเกี้ยว อยากนั่งบนตัวของข้า เจ้าช่างตรงไปตรงมาจริงๆ เลยนะ”
“อะไรกันเนี่ย!” เฟิ่งชิงหัวตื่นเต้นหวั่นไหวจนเกือบจะกระโดดขึ้นมาแล้ว: “เจ้ารียปล่อยข้าลงไปนะ กลางวันแสกๆ เจ้าไม่รักษาหน้าตาแต่ว่าข้าต้องนะ!”
“เจ้าก็รู้ว่ากลางวันแสกๆ เจ้าร้องเสียงดังเช่นกัน หรือว่าไม่กลัวถูกคนคิดว่าพวกเรากำลังทำอะไรกันอยู่?” ดวงตาลึกล้ำของจ้านเป่ยเซียวจ้องไปยังเฟิ่งชิงหัว เอนกายลงมาเพื่อที่จะแนบชิดนาง มุมปากปรากฏเป็นรอยยิ้มแคบๆ ขึ้นมาหนึ่งรอย
เหนือศีรษะแสงอาทิตย์แสบตา อารมณ์ร้อนของฝ่ายชายปะทุอยู่บนใบหน้า เฟิ่งชิงหัวเอะอะจนหน้าแดงไปหมด
ยกมือก็กดไปบนหน้าของจ้านเป่ยเซียว: “เจ้าอยู่ไกลข้าหน่อย”
จ้านเป่ยเซียวจับใบหน้าของเฟิ่งชิงหัวเชิดขึ้น เล่นหูเล่นตา ในดวงตานั้นแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มอยู่ จ้องไปยังใบหน้าของเฟิ่งชิงหัว แอบแฝงไว้ด้วยความขบขัน: “เจ้าก็ดูเองแล้วกันว่าเจ้าหนีไปได้ไหม?”
เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้นก็อยากจะกระโดดลงรถ แต่ของที่อยู่รอบเอวกลับรัดนางแน่นขึ้นเรื่อยๆ นางก้มศีรษะไปดูก็กล่าวออกมาอย่างประหลาดใจว่า: “นี่คือ? เส้นไหมสวรรค์?”
“พอมีความรู้อยู่บ้างนี่” จ้านเป่ยเซียวยิ้มอยู่
“ทำไมเจ้าจึงมีของสิ่งนี้ได้? ข้าได้ยินว่าของสิ่งนี้ไฟไหม้ก็ไม่ละลาย ถูกน้ำก็ไม่เปียกชื้น มีดฟันก็ไม่ขาด ยังสามารถถอนพิษได้อีกด้วย จริงหรือลวงกันแน่?” เฟิ่งชิงหัวกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น นางศึกษาวิชาเกราะกลไกมาเป็นเวลานาน แน่นอนว่าก็ย่อมเคยได้ยินของล้ำค่าแบบนี้ เพียงแต่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนก็เท่านั้นเอง
ไหมสวรรค์เดิมนั้นก็เป็นของหายากอยู่แล้ว สามารถเย็บปักให้กลายเป็นผืนใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไงก็ไม่ง่ายเลย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีรอยตำหนิในผืนหนึ่งได้เช่นนี้ก็ยิ่งไม่มีเลย ลักษณะเป็นผ้าไหมสีขาวหิมะผืนหนึ่ง
จ้านเป่ยเซียวกระแอมออกมาเบาๆ : “มีของแบบนี้มันยากมากเลยหรือ?”
เฟิ่งชิงหัวกลอกดวงตาไปมา คิดถึงใบหน้าหยิ่งทะนงที่หลบอยู่หลังหน้ากากของคนผู้นี้ จู่ๆ ยื่นมือออกไปโอบไหล่ของจ้านเป่ยเซียวเอาไว้แน่น น้ำเสียงก็อ่อนยวบลงมาไม่น้อย: “ท่านอ๋อง”
สองพยางค์ เรียกได้จับใจคนจริงๆ ช่างอ่อนโยนเป็นพิเศษ
จ้านเป่ยเซียวก้มศีรษะลง มองมายังบางคนที่กำลังยิ้มแย้มออกมาราวกับดอกไม้ให้ตนเอง แผ่นหลังเย็นวาบไปในทันใด จากนั้นก็ดูลำพองใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
จะว่าไปแล้วหลิวหยิ่งก็มีข้อดีอยู่บ้าง
กระแอมออกมาเบาๆ จ้านเป่ยเซียวแหงนคอมองไปยังเบื้องหน้า ก็คือว่าไม่ได้ดูเฟิ่งชิงหัว แล้วก็กล่าวออกมาด้วยเสียงเฉื่อยชาว่า: “เรียกข้าทำไมหรือ?”
เฟิ่งชิงหัวแอบขบฟันแล้วก็ด่าว่าเย่อหยิ่งให้ตายไปเลยออกมาหนึ่งคำ
แต่เพื่อให้สามารถทำการศึกษาค้นคว้าไหมสวรรค์นี้ว่าเป็นจริงดังในตำนานหรือไม่นั้น ในตอนนี้นางก็คันไม้คันมือไปหมดแล้ว
เฟิ่งชิงหัวทำการหารือกับจ้านเป่ยเซียว: “ท่านอ๋อง สามารถยืมไหมสวรรค์นี้ของท่านให้ข้าสองวันได้หรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...