เนื่องจากเฟิ่งชิงหัวหลับไปเพราะเมา ดังนั้นตอนที่นางตื่นมาจึงปวดหัวจนหัวแทบร้าว จนนางอยากจะเอาหัวกระแทกสักสองสามครั้งเพื่อเอาของที่วุ่นวายอยู่ภายในรื้อออกมาอีกครั้ง
ก็แค่เหล้าผลไม้ ผลสุดท้ายกลับออกฤทธิ์น่าหวาดกลัวขนาดนี้
พอคิดถึงตรงนี้ นางก็เริ่มรู้สึกระลึกถึงตนเองตอนที่อยู่ในยุคปัจจุบัน ที่นางเป็นผู้หญิงร่ำรวยที่กินเบียร์เข้าไปมากแค่ไหนก็ทำอะไรนางไม่ได้
แต่หลังจากที่นางย้อนอดีตกลับมา นางยอมไม่กินเนื้อสัตว์ไม่แตะสุราเพราะว่านางต้องการฝึกประสาทสัมผัสที่มีต่อการรับรู้สมุนไพร ตอนนี้นางจึงเป็นเพียงคุณหนูคนหนึ่งเท่านั้น
กว่านางจะได้รับอิสระนั้นไม่ง่าย สุดท้ายกลับโดนเหล้าผลไม้เพียงไม่กี่แก้วทำให้เมาได้ หากเหล่าศิษย์พี่ ศิษย์น้องรู้เรื่องนี้เข้า จะต้องหัวเราะเยาะนางแน่ๆ
“องค์หญิงตื่นแล้วหรือ” เสียงของเหลียนซินดังออกมาจากด้านนอก
“อืม”
เมื่อเหลียนซินได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว นางก็เดินถือถ้วยเข้ามา “องค์หญิง นี่คือยาแก้เมา ดื่มแล้วจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมากทีเดียว”
หลังจากเฟิ่งชิงหัวดื่มเข้าไปแล้วก็เอ่ยว่า “เมื่อวานหลังจากที่ข้าดื่มจนเมาแล้วไม่ได้ก่อเรื่องอะไรใช่หรือไม่”
เหลียนซินได้ยินดังนั้นตัวจึงแข็งทื่อขึ้นมาและตอบอย่างระมัดระวังว่า “องค์หญิงจำไม่ได้แล้วจริงหรือเจ้าคะ”
เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้นก็เริ่มหวั่นใจขึ้นมา “ข้าทำอะไรหรือ”
เหลียนซินได้ยินดังนั้นก็กล่าวอย่างรู้สึกลำบากใจขึ้นมา “คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรกระมัง”
“ไหนเจ้าลองอธิบายมาให้ละเอียดทีซิ”
เหลียนซินเล่าเรื่องที่ตนเองรู้ออกมา พอเฟิ่งชิงหัวได้ยินว่าตัวเองเป็นฝ่ายเข้าไปกอดจ้านเป่ยเซียวเองและบอกว่าจะแกล้งเขา หลังนางก็แข็งทื่อขึ้นมา “แล้วหลังจากนั้นล่ะ”
เหลียนซินส่ายหน้า
เฟิ่งชิงหัวถอนใจ ยังดี แค่นี้ยังไม่นับว่ายากต่อการรับมือเท่าไหร่นัก
หลังจากนั้นเหลียนซินก็เอ่ยออกมาอีกว่า “หลังจากนั้นก็หายไปกับท่านอ๋อง แล้วบอกว่าจะพานางไปทำเรื่องที่มีความสุขด้วยกัน บ่าวไม่วางใจจึงแอบตามไปดู หลังจากนั้นจึงเห็นว่าพวกท่านไปที่ห้องพระเครื่องต้นด้วยกัน แต่บ่าวอยู่ไกลมากเลยมองไม่เห็น แต่ว่าหลังจากนั้นไม่นานบ่าวก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากห้องพระเครื่องต้นว่า “จับโจร” บ่าวกลัวว่าจะมีคนเห็นก็เลยกลับไปที่วังลั่วเซี๋ยหลังจากนั้นหนึ่งชั่วยามท่านอ๋องก็อุ้มองค์หญิงออกมาเจ้าค่ะ”
ในหัวของเฟิ่งชิงหัวว่างเปล่า ทุกอย่างที่เหลียนซินเล่าให้ฟังนั้น นางนึกอะไรไม่ออกเลยแม้แต่เรื่องเดียว
ด้วยเหตุนี้ นางจึงอยู่กับจ้านเป่ยเซียวเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม สรุปแล้วมันเกิดเรื่องอะไรกันขึ้นบ้าง
คำถามนี้ดังสะท้อนอยู่ในหัวของเฟิ่งชิงหัวตลอดเวลา สะท้อนดังก้องวกวน แม้แต่ตอนที่นางออกไปนอกวังแล้ว จิตใจของนางก็ยังไม่อยู่กับร่องกับรอย
เฟิ่งชิงหัวเข้าไปในเรือนด้านหลังตามลำพังเช่นเดิม ส่วนคนในวังที่เหลือก็พากันรออยู่ด้านนอก
อู่ตู๋จื่อเวลานี้รออยู่ที่ประตูแล้ว “อาจารย์ย่า สืบเจออะไรบ้างหรือไม่”
“อืม ก็พอได้เบาะแสมาบ้าง ช่วงนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง ยังไม่ตื่นขึ้นมาอีกหรือ”
“ยัง หมดสติอยู่ตลอดเลย คาดว่าอีกประมาณหนึ่งชั่วยามถึงจะตื่น”
“เอาล่ะ งั้นที่นี่ให้เป็นหน้าที่ของเจ้า ข้ามีเรื่องอื่นต้องทำอีก ขอตัวก่อน”
เมื่อเฟิ่งชิงหัวเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วก็กลับไปที่จวนอ๋องเจ็ด องครักษ์ของจวนอ๋องต่างพากันทำความเคารพนาง แววตาที่มองมาที่นางเต็มไปด้วยความตื้นตันใจ
เฟิ่งชิงหัวยังไม่ได้ทันถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลิวหยิ่งก็เดินโซเซเข้ามาหา ใบหน้าของเขามีรอยเขียวช้ำ เห็นได้อย่างขัดเจนว่าเป็นแผลที่เกิดเมื่อสองวันที่ผ่านมานี้
“พระชายากลับมาเสียที” หลิวหยิ่งกล่าวอย่างดีใจ
“ที่จวนโดนโจมตีหรือ ทำไมหน้าของเจ้าถึงเป็นแบบนี้ ไหนจะยังองครักษ์คนอื่นๆ อีก ทำไมถึงเดินด้วยท่าทางแปลกประหลาดแบบนั้น” เฟิ่งชิงหัวกล่าวด้วยความสงสัย นางหายไปแค่สามวันทำไมถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายขนาดนี้
หลิวหยิ่งส่ายหน้า แล้วถอนใจราวกับไม่อยากพูดถึงอดีต “สรุปแล้วการที่พระชายากลับมาได้เป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว วันหน้าหากท่านมีธุระอะไรสั่งให้พวกเราไปทำได้เลยนะขอรับ พระชายาจะได้ไม่เหนื่อย” และท่านอ๋องจะได้ไม่โมโหเพราะท่านอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...