พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว นิยาย บท 70

วันรุ่งขึ้น เฟิ่งชิงหัวเข้าวังและรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ฮ่องเต้เซวียนถ่งฟังโดยละเอียด โดยจงใจปิดบังเรื่องที่ตนเองต่อสู้กับชายชุดดำ รวมไปถึงเรื่องที่จ้านเป่ยเซียวปรากฏตัวขึ้นในที่เกิดเหตุ

ฮ่องเต้เซวียนถ่งรู้ข่าวก่อนหน้านี้นานแล้ว เมื่อเห็นว่าสิ่งที่เฟิ่งชิงหัวรายงานมาไม่ต่างกับสิ่งที่รู้มา ก็กล่าวชื่นชมนาง และตกรางวัลด้วยเงินทองจำนวนมหาศาล

คำพูดทั้งหมดไม่มีการกล่าวถึงเสี่ยวเอ๋อร์ รวมไปถึงเรื่องที่เขาถูกสวมเขา

เฟิ่งชิงหัวย่อมไม่เอ่ยถึงแน่นอน ตอนนี้เสี่ยวเอ๋อร์เข้าไปอยู่ในคุกหลวงแล้ว เรื่องที่เหลือ ไม่ใช่สิ่งที่พระชายาอย่างนางต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว

ดูเหมือนว่าฮ่องเต้เซวียนถ่งต้องการตกรางวัลให้กับนาง จึงตั้งใจให้นางเข้าร่วมการล่าสัตว์ที่จะเกิดขึ้นในอีกสามวันให้หลัง เฟิ่งชิงหัวรู้สึกแปลกใจว่าทำไมจึงไม่เอ่ยถึงจ้านเป่ยเซียว แต่กลับไม่ได้เอ่ยถามออกมาตรง ๆ

พื้นที่ล่าสัตว์ของราชวงศ์ เริ่มจัดเตรียมเอาไว้ตั้งแต่ที่ฮ่องเต้เซวียนถ่งตัดสินใจว่าจะมีการล่าสัตว์ ระยะเวลาเพียงครึ่งเดือน ก็สามารถจัดขึ้นได้อย่างอลังการราวกับพระราชวัง

พื้นที่ล่าสัตว์ของราชวงศ์ ถูกจัดขึ้นท่ามกลางหุบเขาแห่งหนึ่ง มีมุมมองที่กว้างไกล มีพื้นที่ราวกว้างขวาง สามารถได้ยินเสียงร้องของสัตว์ป่าดังมาจากที่ไกล ๆ

ธงรบปลิวไสว กระโจมถูกตั้งตระหง่านขึ้นทีละหลัง ๆ เมื่อมองลงมาจากเนินเขา ทำให้ยิ่งดูสง่างาม

การล่าสัตว์ในครั้งนี้ถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ ไม่เพียงแค่ขุนนางระดับสูงผู้มีเกียรติ รวมไปถึงข้าราชบริพาลชั้นสูงเท่านั้น ยังมีทูตจากต่างเมืองอีกหลายคนก็เข้าร่วมด้วย นับว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่

ฮ่องเต้เซวียนถ่งนั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธาน ถัดลงมาหนึ่งขั้นคือองค์รัชทายาท รวมไปถึงบรรดาท่านอ๋องและองค์หญิง ฝั่งตรงข้ามคือทูตจากต่างเมือง ถัดไปทางด้านหลังคือบรรดาเฉิงเซี่ยง

ตำแหน่งเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย หรือกล่าวได้ว่าปีนี้ มีเพียงตำแหน่งรองจากองค์รัชทายาทเท่านั้นที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเปลี่ยนจากอ๋องแปดก่อนหน้านี้ เป็นพระชายาอ๋องเจ็ด

เฟิ่งชิงหัวสวมใส่ชุดฝ่ายใน นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น และปล่อยให้ผู้คนจากทุกทิศทุกทางมองมาที่ตนเองด้วยสายตาพิจารณา โดยที่ใบหน้าของนางกลับเต็มไปด้วยความสงบและรอยยิ้มตั้งแต่ต้นจนจบ

อันที่จริงแล้วในใจของนางแทบอยากกลอกตานับร้อยครั้ง

ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้จัดกิจกรรมล่าสัตว์ ท้องฟ้ายังไม่ทันสาง ก็เริ่มรวมตัวกันด้านนอกพระราชวังแล้ว หลังจากขึ้นนั่งบนหลังม้าก็โอนเอนไปตลอดทาง รีบเดินทางให้ถึงพื้นที่ล่าสัตว์ก่อนมื้อเที่ยง หลังจากนั้นก็เต็มไปด้วยพิธีการ

เฟิ่งชิงหัวรู้สึกง่วงนอนจนแทบลืมตาไม่ขึ้น ไม่แปลกใจเลยที่จ้านเป่ยเซียวไม่เข้าร่วม หากรู้เช่นนี้นางเองก็คงปฏิเสธนานแล้ว เรื่องที่ต้องลงแรงโดยไร้ประโยชน์เช่นนี้ นางไม่ชอบเลยสักนิด

ขณะที่กำลังพร่ำบ่นอยู่ในใจ เฟิ่งชิงหัวก็เงยหน้าขึ้นด้วยความหงุดหงิด และสบตาเข้ากับฮูหยินเฉิงเซี่ยงที่นั่งอยู่ข้างกายของเฉินเซี่ยงตรงแถวล่าง ซึ่งกำลังหันมองนางพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย

เฟิ่งชิงหัวหันมองซ้ายขวา เมื่อมั่นใจว่าไม่มีเงาของหนานกงเยว่หลี ก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกอับอาย ที่ถูกองค์รัชทายาทปฏิเสธการแต่งงานก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงได้พยักหน้าตอบกลับฮูหยินเฉิงเซี่ยงหนึ่งครั้งพร้อมด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย

ขณะที่เฟิ่งชิงหัวเบี่ยงสายตากลับมา ก็สบตาเข้ากับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพอดี

ชายหนุ่มสวมชุดคลุมยาวสีขาวนวล ผมสีดำขลับเกล้ามวยสูง ใบหน้าดูอบอุ่น คาดผ้าผูกหน้าผากเนื้อละเอียดสีฟ้าอ่อน เต็มเปี่ยมไปด้วยท่าทางของคุณชายผู้สูงศักดิ์ เมื่อเห็นว่าตนเองถูกสังเกตเห็น ก็ไม่รู้สึกตื่นตระหนกแม้แต่น้อย แต่กลับหันมาพยักหน้าให้กับนางด้วยความนอบน้อมอย่างยิ่ง

เฟิ่งชิงหัวอดไม่ได้ที่จะหันไปมองจ้านถิงเฟิงที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของตนเอง สองคนนี้มีรูปลักษณ์ที่ดูใกล้เคียงกัน เป็นรูปแบบของผู้ชายอบอุ่นที่ดูสุภาพอ่อนโยน แต่ทูตผู้นี้เห็นได้ชัดว่างามทั้งภายนอกและภายใน ส่วนจ้านถิงเฟิงผู้นี้ งดงามเพียงรูปลักษณ์ภายนอกอันจอมปลอมเท่านั้น

บนหอคอยสูง ฮ่องเต้เซวียนถ่งพูดเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ขณะที่พูดให้กำลังใจอยู่นั้น ก็มองลงมายังฝูงชน ราวกับจะบอกว่า หวังว่าจะล่าสัตว์ดี ๆ มาได้สักตัว เฟิ่งชิงหัวฟังจนรู้สึกหูชาไปหมดแล้ว

ในขณะที่เฟิ่งชิงหัวกำลังเฝ้ารอให้ฮ่องเต้เซวียนถ่งพูดจบ ตนเองจะได้กลับไปนอนต่อที่กระโจมนั้น ก็ได้ยินเสียงคนเอ่ยเรียกชื่อของตนเองขึ้นมา

เฟิ่งชิงหัวเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ : “เสด็จพ่อ ทรงเรียกหม่อมฉันหรือเพคะ ?”

“สตรีอย่างพระชายาอ๋องเจ็ดย่อมไม่เป็นรองบุรุษ วันนี้ลองติดตามบรรดาเสด็จน้องของเจ้าไปล่าสัตว์ด้วยกันดีไหมล่ะ ?” ฮ่องเต้เซวียนถ่งยิ้มอย่างเอ็นดูเป็นพิเศษ เพียงแต่รอยยิ้มเอ็นดูนี้ จะดูอย่างไรก็รู้สึกแปลกประหลาด

เฟิ่งชิงหัวนึกสงสัยในใจ แต่ไม่แสดงออกมา และพยักหน้าตอบรับ : “เพคะ”

จากนั้นจึงเข้าไปในกระโจมเพื่อเปลี่ยนชุดสำหรับขี่ม้าออกมา เพียงก้าวเท้าออกมาจากกระโจมก็ต้องเผชิญกับสายตาอันร้อนผ่าวที่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง

เฟิ่งชิงหัวเลิกคิ้วเล็กน้อย จากนั้นจึงก้มลงมองร่างกายของตนเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว