ตอนที่ 32องค์หญิงน้อยที่น่ารัก
พอเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ จ้าวซินซินก็ยิ่งเกิดความอิจฉาทับทวีขึ้นไปอีก นางติดตามจางยวี่โหร่วเข้าวังมาก็ตั้งหลายครั้งแล้ว เสียนเฟยไม่เคยเป็นฝ่ายเข้ามาพูดคุยกับนางก่อนเลย แต่ครั้งแรกที่เจอหน้าหลินจือก็ดีกับนางถึงขนาดนี้เชียว ซ้ำยังวางตัวสบายๆไม่เคร่งตามธรรมเนียมปฏิบัติอีกด้วย
ไม่ยุติธรรม ช่างไม่ยุติธรรมเอาเลย เห็นชัดๆว่านางมาก่อน ทำไมตอนนี้กลายเป็นว่าหลินจือแย่งหน้าไปหมดเลยล่ะ
ในใจนางรู้สึกโมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน จางยวี่โหร่ว เจ้ากล้าปฏิบัติต่อข้าแบบนี้ งั้นเจ้าคอยดูแล้วกัน คิดจะหาสามีดีๆให้หลินจือ คิดจะชนะเดิมพันกับเฉินซูเสียน ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่ให้เจ้าได้สมปรารถนาไปได้
ในตอนนี้ ก็มีสาวรับใช้ในวังคนหนึ่งเดินเข้ามา กระซิบกระซาบที่ข้างหูเสียนเฟย เสียนเฟยหัวเราะพูดขึ้นว่า “ใกล้ได้เวลาเริ่มงานแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ”
นางดึงตัวจางยวี่โหร่วขึ้นมา หลินจือกับจ้าวซินซินเดินตามอยู่ที่ด้านหลัง จากนั้นจึงได้ไปที่ชุนจิ่งไถพร้อมกัน
งานวันเกิดของเสียนเฟย มีทั้งที่มาอวยพรอย่างจริงใจ มีทั้งที่มาหาความสนุกรื่นเริง ในวังหลวง ไม่มีใครที่ทำอะไรโดยไม่ดูสีหน้าของฮ่องเต้ให้ดีก่อน
เดิมในวังมีพระสนมอยู่ไม่มาก เสียนเฟยทั้งสาวทั้งสวย ถึงแม้ให้กำเนิดองค์หญิงแต่เพราะเป็นที่ทรงโปรดปรานยิ่ง หลายคนจึงอยากมาประจบเอาใจและร่วมสนุกในงานนี้ด้วย
หลังจากที่กลุ่มของจางยวี่โหร่วมาถึง ก็พบว่าคนมากันเกือบครบแล้ว บรรดาขุนนางตำแหน่งใหญ่ระดับสามผิ่นขึ้นไปต่างก็หนีบเอาครอบครัวตัวเองเข้าวังมาด้วย บอกว่าอยากมาร่วมอวยพรให้เสียนเฟย แต่ที่จริงคิดจะมาหาผู้ชายดีๆเพื่อให้แต่งงานกับลูกสาวของตน ไม่แน่ว่าเกิดมีองค์ชายองค์ใดองค์หนึ่งเห็นเข้า ต่อไปก็อาจได้โบยบินไต่เต้าได้เป็นถึงพระชายาขององค์ชายก็เป็นได้นี่?
ในเวลานี้ บรรดาคุณหนูส่วนหนึ่งพูดคุยกันอยู่ที่ด้านล่าง
“เห็นหรือเปล่า คนที่นั่งอยู่บนที่นั่งสูงด้านล่างนั่นก็คือองค์ไท่จื่อ”
ไท่จื่อเป่ยจื่อเฉินมีสีหน้าเหมือนคนป่วยอย่างที่คนเล่าลือกันไม่ผิด รูปร่างหน้าตาก็ดูค่อนข้างธรรมดา ความรู้ความสามารถของเขาเทียบกับหน้าตาแล้วยิ่งธรรมดาเข้าไปใหญ่ แต่ก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เพราะเขามีพระมารดาเป็นถึงฮองเฮาของฮ่องเต้ เป็นฮองเฮาแต่เพียงผู้เดียว ฮองเฮาได้จากโลกนี้ไปนานหลายปีแล้ว แต่ฮ่องเต้กลับทรงรักใคร่พระโอรสองค์นี้อย่างยิ่ง ถึงกับทรงนำทรัพย์สินทั้งหลายของราษฎรที่มีอยู่ทั้งหมดประทานให้กับไท่จื่อ
พระโอรสองค์อื่นล้วนแล้วแต่ได้รับการศึกษาอบรมจากพระอาจารย์ในแต่ละวิชา แต่สำหรับไท่จื่อทั้งเรื่องการเรียน การขี่ม้ายิงธนู เป็นต้น ฮ่องเต้กลับเป็นคนสอนด้วยพระองค์เอง นับว่าเป็นเกียรติยศที่ไม่มีใครอื่นทำตามได้ แต่ถึงแม้จะอย่างนั้นแล้ว เขาก็ยังไม่สามารถพัฒนาตัวเองขึ้นไปอยู่อันดับสูงได้ ใครๆต่างก็รู้สึกเสียดาย
“เป็นไท่จื่อจริงด้วย ได้ยินว่าพระองค์ทรงอยู่ที่ตำหนักตงกงตลอดแทบไม่เสด็จออกมาเลย ไม่นึกว่าวันนี้จะได้พบพระองค์ด้วย”
แม้หน้าตาจะไม่หล่อเหลา แต่เพราะว่ามีฐานะสูงเป็นถึงไท่จื่อ วันหลังหากได้เป็นพระชายาของไท่จื่อขึ้นมา ต่อไปย่อมมีโอกาสได้เป็นถึงพระแม่ของแผ่นดิน เป็นตำแหน่งที่สูงส่งอย่างที่ไม่มีใครกล้าเฝ้าฝันถึงได้
“ที่นั่งตรงข้ามไท่จื่อ ก็คือองค์ชายรอง เห็นหรือเปล่า คนที่กำลังดื่มชาคนนั้นไง”
สายตาของบรรดาคุณหนูได้มองตามไป พอมองไปแล้ว สายตาก็บังเอิญประสานกันพอดี
องค์ชายรองเป่ยจื่อหัวมีหน้าตาที่หล่อสง่า แถมทรงมีบุคลิกเป็นคนอบอุ่น นิสัยใจคอก็อ่อนโยน โดยเฉพาะเวลาที่ทรงแย้มยิ้ม รู้สึกเหมือนได้สัมผัสถึงลมฤดูใบไม้ผลิ
ทรงสวมเสื้อคลุมยาวสีม่วงอันวิจิตรเลอค่า ชายแขนเสื้อปักด้วยด้ายทองคำ ยิ่งขับให้เห็นถึงลักษณะที่สูงส่งผิดกับบุคคลทั่วไปของพระองค์ ทำให้ไม่มีใครหลีกสายตาจากพระองค์ไปได้
พระมารดาขององค์ชายรอง เป็นองค์หญิงจากชนเผ่าอื่น ตำแหน่งของตระกูลฝ่ายมารดานั้นมีชื่อเสียงอย่างมาก บวกกับองค์ชายรองมีความสามารถด้านการอักษร กิริยาก็ต่างจากคนทั่วไป ดังนั้นพระองค์จึงเป็นชายในอุดมคติที่บรรดาคุณหนูทั้งหลายในเมืองหลวงอยากแต่งงานด้วยมากที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉินซูเสียน สายตาของนางที่มององค์ชายรองราวกับมีคำว่า”ตกหลุมรัก”เขียนอยู่ สายตาคอยแต่จับจ้องที่ตัวขององค์ชายตลอด
“ผู้ที่อยู่ด้านขวามือของไท่จื่อ ก็คือองค์ชายสาม อืม พวกเจ้าส่วนมากก็น่าจะเคยเห็นองค์ชายสามแล้วนะ”
ถูกแล้ว…..ในบรรดาองค์ชายทั้งหมด มีเขาเพียงคนเดียวที่ชอบเสนอหน้าออกมา ดังนั้นองค์ชายสามในสายตาของทุกคนเมื่อเทียบกับคนอื่นแล้วยิ่งดูใกล้ชิดเหมือนเป็นคนในระดับเดียวกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ
เรื่องนี้ยังไม่จบเลยค่ะ ทำไมสถานะเสร็จสิ้น ไม่อัพแล้วหรอ...