พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ นิยาย บท 70

สรุปบท ตอนที่70 ข่าวดีและข่าวร้าย: พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ

สรุปตอน ตอนที่70 ข่าวดีและข่าวร้าย – จากเรื่อง พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ โดย ฝูซูกงจื่อ

ตอน ตอนที่70 ข่าวดีและข่าวร้าย ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ โดยนักเขียน ฝูซูกงจื่อ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่70 ข่าวดีและข่าวร้าย

ในตอนนี้ ณ ห้องหนังสือตำหนักสาม

สาวงามผิวขาวนวลเนียนกำลังนอนเย้ายวนอยู่ในอ้อมอกของเป่ยจื่อห้าว ในตอนนั้นเองอยู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดออก เรือนร่างงดงามในชุดกระโปรงสีขาวเดินผ่านเข้ามา

เมื่อเป่ยจื่อห้าวมองเห็นเธอ เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วเล็กๆ ขึ้นมาไม่ได้

ทำไมเธอถึงได้ไม่เข้าใจกฎเกณฑ์และเข้ามาผลีผลามโดยไม่แจ้งก่อน?

ตอนนี้ทั้งตำหนักสามต่างก็รู้ฐานะของจ้าวซินซินแล้ว แม้ว่าองค์ชายสามจะยังไม่ได้รับเธอเข้ามาเป็นชายาอย่างเป็นทางการ แต่มันก็เป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นทุกคนจึงทำอะไรโดยมองจากสีหน้าของเป่ยจื่อห้าว เมื่อเห็นว่าเขารักเอ็นดูจ้าวซินซินมาก เวลาพบเจอเธอก็จะต้องให้ความเคารพ ไม่อาจจะหมางเมินได้

แต่ว่าที่ทางเป่ยจื่อห้าวนั้น ความรักและเอ็นดูของเขามีจำกัด ไม่อาจจะไม่เคารพกฎของเขาเช่นนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่พอใจกับการเสียมารยาทของจ้าวซินซินเป็นอย่างมาก

หลายวันที่ผ่านมานี้เป่ยจื่อห้าวยุ่งวุ่นวายมาก สาวงามหวังหาโอกาสเข้ามาเกาะแกะเขาได้อย่างยากลำบาก แน่นอนว่าเธอจะต้องต้องการรั้งตัวเขาเอาไว้ และให้เขาไปเดินสนุกกับตัวเองในยามค่ำคืน

แต่ว่าในตอนที่เธอกำลังพยายามใช้กำลังทั้งกายในการแสดงความสามารถ จ้าวซินซินก็พุ่งตัวเข้ามารบกวนช่วงเวลาดีๆ ของเธอเสียก่อน แน่นอนว่าสาวงามหวังไม่พอใจเป็นอย่างมาก และเพื่อสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของเป่ยจื่อห้าวเช่นกัน เธอก็รีบอาศัยหาประโยชน์จากสถานการณ์ทันที

“แม้ว่าอีกไม่นานน้องจ้าวก็จะเขาสู่ตำหนักหลวงแล้ว หลังจากนี้ทุกคนก็จะกลายเป็นพี่น้อง แต่ว่าตามกฎของตำหนักสาม น้องจ้าวก็ยังควรจะเคารพรักษาเอาไว้ให้ดี ด้วยตัวข้าที่เป็นพี่ ข้าจึงอดเอ่ยตักเตือนไม่ได้ ห้องหนังสือห้องนี้เป็นสถานที่สำคัญของตำหนักสาว ไม่สามารถเข้ามาตามใจโดยไม่แจ้งได้ น้องทำตัวไม่สนใจกฎเกณฑ์เช่นนี้ ถ้าหากไปยั่วยุทำให้องค์ชายสามโกรธเข้าคงจะไม่ดีนัก”

เห็นได้ชัดว่าสาวงามหวังพูดความในใจของเป่ยจื่อห้าวออกมา ในตอนนี้สีหน้าของเขามืดมนลงทันที

เพียงแค่มองดูสาวงามหวังก็รู้แล้วว่าเขากำลังโกรธ ภายในใจของเธอรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมาก แต่สีหน้ากลับยังคงดูเต็มไปด้วยความสงบนิ่งราวกับไม่รับรู้ถึงความโมโหของเป่ยจื่อห้าว มันไม่ได้ดูเหมือนกับความน่าสงสารราวกับกระต่ายขาวตัวน้อยในยามปกติของเธอเลย

“ข้าขออวดดีเอ่ยถามองค์ชายสาม กฎของตำหนักหลวงสำคัญ หรือแผนการใหญ่ขององค์ชายสามสำคัญกว่า? ซินเอ๋อร์มาที่นี่ก็เพราะมีเรื่องจะมารายงาน ถ้าหากท่านต้องการจะว่ากล่าวลงโทษ สู้รอให้ลงโทษเสร็จแล้วค่อยดูว่าซินเอ๋อร์จะยังมีกำลังพูดหรือไม่จะดีกว่า”

อะไรที่เรียกว่ามีกำลังสนับสนุนไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะเธอมีหมากตัวสำคัญอยู่ในกำมือ เธอจะกล้าองอาจได้ขนาดนี้?

สีหน้าของเป่ยจื่อห้าวสั่นไหวไปเล็กน้อย ก่อนที่จะรีบเอ่ยพูดออกมา : “ไม่มีกฎอะไรที่ไม่ครอบคลุม แต่ว่ากฎในตำหนักหลวงนั้นมีเอาไว้เพียงจำกัดพวกคนที่ไม่ฟังคำสั่งสอน ซินเอ๋อร์เป็นแก้วตาดวงใจของข้า นิสัยนุ่มนวลอ่อนโยน แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องถูกกฎเหล่านั้นจำกัดเอาไว้ หลังจากนี้ซินเอ๋อร์อยากจะเข้ามาในห้องหนังสือนี้เมื่อไหร่ก็สามารถมาได้ตามต้องการ ผู้ใดก็ไม่อาจขวางกั้น”

อะไรที่ว่าพลิกหน้าไวยิ่งกว่าพลิกหน้ากระดาษ ท่าทีก่อนหน้าและภายหลังของเป่ยจื่อห้าวเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถปรับรับได้ทัน โดยเฉพาะสาวงามหวัง เธอแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง ทำไมองค์ชายสามถึงพูดออกมาเช่นนี้ เมื่อสักครู่เขาไม่ได้กำลังโมโหมากอยู่หรอกหรือ? ทำไมเพียงเจ้าคนเลวนี่พูดเพียงไม่กี่คำก็......

“โอ้ เช่นนั้นหรือ? ที่แท้ซินเอ๋อร์ก็มีความสำคัญในใจขององค์ชายสามถึงเพียงนั้น แต่ว่าเท่าที่ซินเอ๋อร์มองดูแล้ว ในใจขององค์ชายสามคงจะไม่ได้รักเอ็นดูเพียงแค่ซินเอ๋อร์”

ด้วยนิสัยใจแคบของจ้าวซินซินแล้ว เมื่อสักครู่สาวงามหวังยั่วยุให้เป่ยจื่อห้าวลงโทษเธอ เธอจะปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไร? ในตอนที่เธอพูดประโยคนี้ออกมา สายตาของเธอก็มองไปยังสามงามหวัง และซ่อนความนัยเอาไว้โดยไม่จำเป็นต้องพูดออกมา

ในตอนนั้นสาวงามหวังยังคงอยู่ในอ้อมอกของเป่ยจื่อห้าว แต่ตอนนี้ร่างของเธอกลับถูกผลักออกมาในทันที หลังจากนั้นเขาก็ยังตบลงไปบนใบหน้าของเธออย่างรุนแรงจนตัวเธอล้มลงไปที่พื้น

ยังไม่ปล่อยให้เธอได้ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น น้ำเสียงที่เย็นชาของเป่ยจื่อห้าวก็ดังขึ้นมา : “สาวงามหวังฝ่าฝืนกฎบุกเข้ามาในห้องหนังสือ จะต้องถูกปรับเงินเป็นเวลาหนึ่งเดือน และห้ามเข้ามาที่นี่เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ยังไม่ไสหัวออกไปอีก”

จ้าวซินซินเขย่งปลายเท้าขึ้น จากนั้นก็จรดริมฝีปากที่ใบหูของเขา ก่อนจะเอ่ยความลับที่ได้รู้มาออกไป

ตัวของเป่ยจื่อห้าวนิ่งแข็งไป หลังจากที่ได้สติกลับมา เขาก็รีบสั่นไหวไหล่ของจ้าวซินซินอย่างรุนแรง : “เจ้าพูดจริงหรือไม่?”

“แน่นอนว่าเป็นความจริง ซินเอ๋อร์จะหลอกลวงท่านได้อย่างไร?”

เป่ยจื่อห้าวนิ่งไปอีกชั่วครู่ ก่อนที่แววตาของเขาจะประกายความมืดมนไม่ชัดเจนออกมา

สุดท้ายเขาก็กำหมัดแน่น และขบฟันพูดขึ้น : “เจ้าคนชั่วสมควรตายนั่น ที่แท้ก็หลอกลวงข้า”

จ้าวซินซินพูดขึ้นทันที : “ในตอนแรกที่ข้าได้รู้เรื่องนี้เข้า ข้าก็ตกใจมากเช่นกัน เดิมทีท่านพี่ก็ไม่ได้เสียตัวแก่ท่านอ๋องชิงผิง แล้วเหตุใดจึงต้องหลอกลวงท่าน? หรือว่าจะเป็นเพราะ......นางจะไม่อยากแต่งงานตั้งแต่แรก และการแต่งงานที่ผิดพลาดทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงการแสดงทั้งหมด?

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเป่ยจื่อห้าวก็มืดมนลงไปอีก

จ้าวซินยกมือขึ้นปิดปากของตัวเองด้วยความตื่นตกใจ หลังจากนั้นก็รีบคุกเข่าลงไปที่พื้น : “ซินเอ๋อร์พลั้งพูดออกไปแล้ว เมื่อก่อนท่านพี่รักท่านถึงเพียงนั้น นางจะไม่ยินดีแต่งงานกับท่านได้อย่างไร บางที......อาจจะมีความลับที่ปิดบังเอาไว้อย่างอื่น อาจจะเป็นเพราะถูกท่านอ๋องชิงผิงบังคับเอาก็ได้ องค์ชายสามอย่าได้โทษท่านพี่เลย”

เดิมทีการ “อธิบาย” นี้ของเธอก็ไม่อาจจะทำให้ความโมโหในใจของเป่ยจื่อห้าวสงบลงได้ อีกทั้งยังทำให้มันยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ด้วย

“ความลับ? หึ......ในวันถัดจากคืนวิวาห์ที่ห้องหนังสือหลวงต่อหน้าท่านพ่อ นางจะมีความลับอะไรไม่อาจพูดออกมาต่อสาธารณะได้ ข้ากับท่านพ่อจะไม่ช่วยร้องความเป็นธรรมแก่นางหรือ? อีกทั้งนางยังเป็นคนในตระกูลจางที่ร่ำรวยมากด้วยเงินทอง ถ้าหากนางไม่อยากแต่งใครจะสามารถบังคับนางได้ เจ้าคนชั่วสมควรตายนี่จะต้องหักหลังข้าอย่างแน่นอน” เป่ยจื่อห้าวโมโหจนตัวสั่น เขาอยากจะไปที่ตำหนักไท่ชือตอนนี้ และฉีกร่างของจางอวี่โหร่วให้แหลกละเอียดไปเสียให้ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ