ผมเกิดใหม่ เป็นหมอเทวดามือวิเศษ นิยาย บท 43

เฉียนปินรู้สึกรำคาญใจนัก เขาหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาอย่างรีบร้อน แล้วกล่าวกับหยูซือม่านว่า "ซือม่าน ผมขอชนแก้วฉลองให้เธอ วันนี้ตอนที่อยู่ในห้องคลอด ผมทำตัวไม่ค่อยดีเท่าไร ขอโทษด้วยนะ!"

หยูซือม่านคลี่ยิ้ม และหยิบแก้วไวน์ของเธอขึ้นมาด้วยท่าทีสบาย ๆ เธอแตะริมฝีปากละเลียดชิมไวน์ ก่อนจะวางแก้วลง ใบหน้าหันไปมองเซียวอี้ และพูดว่า "หมอเซียว ชูว่านคือเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน ผู้ชายที่ชอบเธอล้วนต่อแถวขอความรักยาวไปถึงอีกซีกโลก ถ้าคุณกล้าทำให้เธอเสียใจ ฉันจะไม่ไว้ชีวิตคุณแน่"

“คุณจะไม่ไว้ชีวิตผมได้อย่างไรกัน? อย่าลืมสิว่าจากเดิมพันครั้งที่แล้ว คุณคือศิษย์อย่างไม่เป็นทางการของผมนะครับ คุณจะทรยศอาจารย์ของตัวเองเหรอ?” เซียวอี้ยิ้ม และกล่าวอย่างสงบ

เมื่อหยูซือม่านได้ยินเซียวอี้กล่าวถึง "ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และศิษย์" อันน่าไร้สาระ ดวงหน้าสวยสดงดงามของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที เธอก็ก้มหน้างุดด้วยความอายแกมหงุดหงิดใจ

ณ ที่นั่งฝั่งตรงข้าม พอเฉียนปินห็นกิริยาเช่นนี้ของหยูซือม่าน ปากช่างจ้อของเขาก็เบื้อใบ้โดยพลัน เขาทั้งหึงหวงและโกรธเคืองมาก เขาไม่นึกไม่ฝันว่าการดื่มฉลองของเขาจะดึงดูดความสนใจของหยูซือม่านไม่สำเร็จ ทว่าวาจาของเซียวอี้กลับทำให้เธอเขินอายจนตัวม้วน

เฉียนปินจะยอมปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ ได้อย่างไร? เขารีบชูแก้วไวน์ขึ้นมา และหันไปพูดกับเซียวอี้ "หมอเซียว ขอดื่มฉลองให้คุณเช่นกัน ลองชิมลาฟิต ปี 1982 ขวดนี้ดูสิ นี่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่คุณโชคดีแบบนี้ ฮ่า ๆ ผมล้อเล่นนะ"

ครอบครัวของหยูซือม่านร่ำรวยมาก บางทีแค่ลาฟิตขวดเดียวคงไม่พอที่จะดึงดูดความสนใจของเธอได้ ดังนั้นเฉียนปินจึงต้องการข่มขวัญให้เซียวอี้ขายขี้หน้าแทน! ในเมื่อทั้งคู่ก็เมินเขามาโดยตลอด

เซียวอี้ไม่ได้เอ่ยอะไรในเรื่องนี้ เขาหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา มือเขย่าแก้วอย่างช่ำชอง เขายกแก้วจรดจมูก และสูดดมเบา ๆ ก่อนจะลิ้มชิมรสเล็กน้อย เซียวอี้วางแก้วลงบนโต๊ะดังเดิม กิริยาท่วงท่าดูสง่างามน่ามองกว่าเฉียนปินมาก

หยูซือม่านมองเซียวอี้ ในใจรู้สึกประทับใจขึ้นมา

"ไม่เลวเลย สมกับเป็นไวน์ชื่อดัง รสชาติกลมกล่อมมาก เป็นไวน์ที่ดีจริง ๆ!" เซียวอี้พูดชื่นชม

การดื่มไวน์ไม่ขัดต่อหลักการฝึกตน ในชาติที่แล้วของเซียวอี้ เขาก็เคยศึกษาค้นคว้าเรื่องเหล้าองุ่นมาก่อน ไวน์ลาฟิต ปี 1982 นี้รสชาติไม่เลวเลย

"บ้าเอ๊ย ทำเป็นปากดีไปได้ กระเพาะแกรับรสดีนักเรอะ เสื้อผ้าทั้งตัวราคาไม่ถึง 200 หยวนด้วยซ้ำ มีปัญญาซื้อก็แค่ขยะเท่านั้นแหละ" เฉียนปินไม่เพียงแต่ล้มเหลวในการทำให้เซียวอี้ขายขี้หน้า กลับยิ่งทำให้หยูซือม่านปลื้มเซียวอี้กว่าเดิม เฉียนปินรู้สึกหงุดหงิดมากเสียจนเขาเงยหน้ากระดกไวน์อึกใหญ่

“ทำอย่างกับวัวดื่มสุราไปได้ ถึงไวน์จะล้ำเลิศแค่ไหน แต่ดื่มแบบนี้ก็เสียของเปล่านะครับ” เซียวอี้ส่ายหัว พลางทอดถอนใจ

"พรวด..." เฉียนปินสำลักไวน์เต็มปากทันที เขาไอโขลกอย่างแรง ทำให้หยูซือม่านรู้สึกรังเกียจยิ่งนัก

"คุณลูกค้าครับ ขออภัยครับที่ขัดจังหวะ ลูกค้าท่านใดเป็นเจ้าของรถบีเอ็มดับเบิลยูคันนั้นครับ? ตอนนี้รถยนต์จอดขวางรถลูกค้าท่านอื่นอยู่ รบกวนลูกค้าช่วยเลื่อนรถให้หน่อยได้มั้ยครับ?" บริกรเดินมาที่โต๊ะของทั้งสาม และเอ่ยอย่างสุภาพ

“อะแฮ่ม” เฉียนปินรีบคว้ากระดาษทิชชู่เช็ดปากในทันใด เขาผุดลุกขึ้น และถามเสียงดังว่า "รถบีเอ็มดับเบิลยู 320 รึเปล่า? ของฉันเอง ฉันจะไปเลื่อนรถเดี๋ยวนี้เลย"

เมื่อพูดจบ เขาก็คว้ากุญแจรถหมับ ขากำลังจะก้าวออกไป

“เปล่าครับ เป็นรถบีเอ็มดับเบิลยู 750 ครับ” บริกรส่ายหน้า และรีบชี้แจงทันที

เฉียนปินตกตะลึง ทว่าเขาก็รีบฉีกยิ้มอย่างรวดเร็ว เขาพูดว่า "นั่นรถของเธอสินะ? ซือม่าน"

หยูซือม่านขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนตอบว่า "แต่ฉันจอดรถไว้ในลานจอดนะคะ คุณจำผิดรึเปล่า? เป็นรถสีแดงรึเปล่าคะ?"

“เปล่าครับ เป็นรถสีดำ!” บริกรตอบอย่างเคร่งขรึม

"บีเอ็มดับเบิลยู 750 สีดำเหรอ? ไม่ใช่ของพวกเราสักหน่อย เข้าใจผิดแล้ว ไปถามคนอื่นไป๊!" เฉียนปินโบกมือไล่ และพูดเสียงดัง เขาแทบรอไม่ไหวที่จะให้ทุกคนในภัตตาคารได้ยินว่าเขาขับรถยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู

ทว่าจู่ ๆ เซียวอี้กลับล้วงกุญแจรถยนต์ออกมาจากกระเป๋าของตน และกล่าวว่า "คงเป็นรถของผมเอง คุณครับ รับกุญแจรถไป แล้ววานให้ใครสักคนช่วยเลื่อนรถให้ผมที"

เซียวอี้โยนกุญแจรถใส่มือบริกร

เฉียนปินซวนเซจนแทบจะล้มทั้งยืน เขาขยี้ตาตัวเอง และจ้องกุญแจรถด้วยความระมัดระวัง มีสัญลักษณ์บีเอ็มดับเบิลยู 750 บนกุญแจจริง ๆ ด้วย รถยนต์รุ่นนี้แพงกว่ารถของเขามาก เซียวอี้ ไอ้หมอจีนปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจะมีปัญญาซื้อรถคันนี้ไหวได้อย่างไรกัน?

เฉียนปินเหงื่อแตกพลั่กโดยไม่ทราบสาเหตุ

“คุณลูกค้าครับ คุณดูหน้าซีด ๆ ไม่สบายตรงไหนรึเปล่าครับ?” บริกรถามอย่างใส่ใจ

"เปล่า ไม่มีอะไรหรอก" เฉียนปินทรุดตัวลง เขาส่ายศีรษะ และตอบบริการด้วยเสียงจืดเจื่อน

“ครับผม ผมจะเลื่อนรถให้คุณลูกค้าเดี๋ยวนี้เลยครับ” บริกรเอ่ยกับเซียวอี้อย่างนอบน้อม จากนั้นจึงหมุนตัวหันหลังเดินจากไป

เฉียนปินไม่มีอารมณ์จะดื่มต่อแล้ว หัวใจของเขาเย็นเยียบ เขาไม่คิดว่าเซียวอี้จะร่ำรวยถึงเพียงนี้ ดูเหมือนคืนนี้เขาจะหลอกตัวเองมาตั้งนาน เขาไม่คิดจะตามจีบหยูซือม่านอีกต่อไปแล้ว

แต่หยูซือม่านไม่สนใจท่าทีเปลี่ยนแปลงของเฉียนปิน เธอถามเซียวอี้อย่างเป็นกันเอง "คุณซื้อรถตั้งแต่เมื่อไร?"

"ผมไม่ได้ซื้อ รถคันนี้เป็นของคนจากตระกูลร่ำรวย เขาให้ผมยืมขับชั่วคราว ผมจะมีปัญญาซื้อรถบีเอ็มดับเบิลยูได้อย่างไรกันครับ?" เซียวอี้เหลือบมองเฉียนปินผู้โศกเศร้าเหงาหงอย และจงใจเอ่ยเสียงเรียบ

แน่นอนว่าทันทีที่เซียวอี้พูดจบ เฉียนปินก็เงยหน้าทันทีราวกับว่าเขาเพิ่งถูกฉีดยากระตุ้น สีหน้าเขาดีขึ้นทันตาเห็น และนรีบพูดว่า "คุณยืมรถมาขับเหรอ? ก็อย่างว่านะ คุณจะมีปัญญาซื้อบีเอ็มดับเบิลยู..."

หยูซือม่านชำเลืองมองเฉียนปิน รอยยิ้มซุกซนปรากฏบนใบหน้าสวยสดทันที เธอหยิบบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วยื่นมาตรงหน้าเซียวยี่ หยูซือม่านยิ้ม ก่อนจะเล่าว่า "นี่ค่ะ บัตรใบนี้เป็นบัตรที่ชูว่านฝากให้ฉันมอบให้คุณก่อนหน้านี้"

"นี่คืออะไรกันครับ?" เซียวอี้รับบัตรมา เขาเหลือบมองบัตรเล็กน้อย แล้วถามเสียงราบเรียบ

“นี่คือเงินจากการจำหน่ายครีมให้คุณนายฉีเมื่อคืนค่ะ เป็นจำนวนสามล้านหยวน นี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ เลยนะ” หยูซือม่านมองเฉียนปินด้วยหางตา และกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“สะ สามล้าน?” เฉียนปินเหมือนโดนฟ้าผ่ากลางกระหม่อม เขาไม่อยากจะเชื่อเลย ดีใจได้ไม่ถึงนาทีก็โดนน๊อคคว่ำอีกแล้ว เงินตั้งสามล้านหยวนเชียวนะ

ในชีวิตของคนเรา ทั้งสุขและทุกข์ต่างเกิดขึ้นดับไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน

เซียวอี้ไม่สนใจทุกข์สุขของเฉียนปิน เขาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ "ชูว่าน ทำไมถึงรีบร้อนจังนะ? ไม่เห็นต้องรีบมอบเงินให้ผมเร็วขนาดนี้เลย?"

“ฉันไม่ทราบค่ะ แต่ว่าหมอเซียว คุณนี่มารยาทแย่จริง ๆ ของดีขนาดนี้ทำไมคุณถึงไม่ยอมบอกฉันสักคำ? คุณกลัวว่าฉันจะไม่มีปัญญาจ่ายสามล้านเหรอ?” หยูซือม่านก้มมองปลายนิ้วของตัวเอง และบ่นอุบอย่างไม่พอใจเล็กน้อย

"ฮ่า ๆ ถ้าคุณอยากได้ เดี๋ยวผมจะมอบให้คุณภายหลังนะครับ" เซียวอี้วางบัตรมูลค่า 3 ล้าน และตอบด้วยรอยยิ้ม

"จริงเหรอคะ?" หยูซือม่านอุทานด้วยความแปลกใจ ท้ายที่สุดก็ไม่มีสตรีใดสามารถต้านทานอานุภาพของครีมผิวหยกได้

"แน่นอนครับ" เซียวอี้หัวเราะเบา ๆ

“เยี่ยม เยี่ยมเลย อาจารย์คะ ฉันอยากฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของคุณแล้ว!” หยูซือม่านใช้มือทั้งสองข้างเขย่าแขนเซียวอี้อย่างมีความสุข ริมฝีปากรีบพูดด้วยความตื่นเต้นเหมือนเด็ก ๆ

“ตอนนี้ยอมเรียกผมว่าอาจารย์แล้วเหรอ?” เซียวอี้แกล้งหยอกเธอด้วยรอยยิ้ม

"ถ้าฉันรู้ว่าคุณมีของดีแบบนี้ ฉันคงจะเรียกคุณว่า'อาจารย์'ตั้งนานแล้ว ฉันไม่มีอะไรจะเสียสักหน่อย" หยูซือม่านคลี่ยิ้มสว่างไสว ใบหน้าแดงเรื่อด้วยความตื่นเต้นดีใจ

อย่างไรก็ตามเฉียนปินกลับยิ่งตกใจกว่าเก่า เขาไม่เห็นจะเข้าใจเรื่องที่ทั้งสองกำลังคุยกันเลย ทว่าความงามของหยูซือม่านนั้นทำให้เขารู้สึกคันยิบ ๆ ในใจ ยามจ้องมองเซียวอี้ผู้ไม่สะทกสะท้านต่อความงามตรงหน้า เฉียนปินก็อดโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไม่ได้

บริกรทยอยเสิร์ฟอาหารให้พวกเขาทีละจาน ทั้งสามเริ่มรับประทานอาหาร ทว่าเมื่ออาหารประณีตเลิศหรูเข้าปากเฉียนปินแล้ว กลับให้รสชาติเหมือนขี้ผึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเหลือบมองไวน์แดงขวดเดิมที่ไม่เข้าตาเซียวอี้และหยูซือม่านแม้แต่น้อย เฉียนปินพลันรู้สึกว่าทุกอย่างในค่ำคืนนี้ช่างเป็นฝันร้ายจริง ๆ

จู่ ๆ มือถือของเซียวอี้ก็ส่งเสียงร้อง เมื่อเซียวอี้ก้มมอง และพบว่าเป็นหลี่ฉิงซานที่โทรมา เขาก็รีบรับสาย

“เซียวอี้ คุณอยู่ที่ไหน? ผมจะไปพบคุณเดี๋ยวนี้!” หลี่ฉิงซานเอ่ยปากอย่างเร่งร้อน

“เกิดอะไรขึ้นครับ? ผมอยู่ที่ภัตตาคารกรีนพาวิลเลียนครับ” เซียวอี้ถาม ขณะเคี้ยวอาหารในปาก

“ไว้เจอกันค่อยคุยเรื่องนี้นะ” หลี่ฉิงซานวางสายทันทีที่กล่าวจบ

ราว 10 นาทีให้หลัง หลี่ฉิงซานผู้มีเรือนผมสีเทาก็รีบเดินเข้ามาในภัตตาคาร

“หมอหลี่?” หยูซือม่านสังเกตเห็นหลี่ฉิงซานอย่างรวดเร็ว เธอรีบลุกขึ้นยืนเพื่อทักทายเขา

เฉียนปินสับสนตื่นเต้นมาก เมื่อได้ยินหยูซือม่านทักทายชายตรงหน้าว่า "หมอหลี่" เขาลุกขึ้นยืน และกระโดดเหยง ๆ มายืนหน้าหลี่ฉิงซานในเพียงไม่กี่ก้าว เฉียนปินทักทายอย่างกระตือรือร้นว่า "หมอหลี่ คุณมาที่นี่ทำไมกันครับ?"

หลี่ฉิงซานโบกมืออย่างเป็นกันเอง ก่อนจะตอบว่า "หมอเฉียน ผมมาที่นี่เพื่อพบเซียวอี้!"

จากนั้นหลี่ฉิงซานก็พุ่งตัวผ่านเฉียนปินซึ่งกำลังเคลิบเคลิ้มอยู่ หลี่ฉิงซานมุ่งตรงไปที่เซียวอี้ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "เซียวอี้ ครั้งนี้ผมมี 2 เรื่องจะคุยกับคุณ เรื่องแรกคือเราพบเคสผู้ป่วยมะเร็งเนื้อเยื่อบ็อกซิกา 2 คน! ทั้งคู่เป็นเพศหญิง และอาการของพวกเธอลุกลามเร็วมาก ผมคิดว่านอกจากคุณแล้ว ก็ไม่น่ามีใครรักษาพวกเธอได้อีกในตอนนี้"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉียนปินที่อยู่ข้าง ๆ พลันอ้าปากค้างด้วยตกใจ ราวกับเขาได้ยินเสียงฟ้าผ่าตอนกลางวันแสก ๆ แม้เขาจะเป็นแพทย์ในแผนกนรีเวชวิทยา แต่เขาก็เคยได้ยินชื่อโรคมะเร็งเนื้อเยื่อบ็อกซิกาที่ร้ายแรงมาก่อน มันคือโรคที่แม้แต่พวกหมอก็ยังทำอะไรไม่ได้ แล้วเมื่อกี้หมอหลี่พูดว่าอะไรนะ? เซียวอี้จะรักษาโรคนี้ได้อย่างไรกัน? มันจะเป็นไปได้เรอะ?

“ผู้อำนวยการเฉียน คุณยังไม่ทราบสินะคะ? หมอเซียวคือผู้สืบทอดเคล็ดวิชาเข็มจตุรงค์ค่ะ แม้แต่หมอหลี่ผู้ประสบความสำเร็จในแวดวงแพทย์แผนจีนอย่างมากก็ยังนับถือหมอเซียว หมอหลี่ยื่นเรื่องกับทางสมาคมแพทย์แผนจีนด้วยตัวเองเพื่อหมอเซียวโดยเฉพาะเลยนะคะ" เมื่อเห็นเฉียนปินยืนทึ่มทื่อเป็นตอไม้ หยูซือม่านก็โน้มตัวกระซิบเล่าให้เขาฟังด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมเกิดใหม่ เป็นหมอเทวดามือวิเศษ