ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) นิยาย บท 7

ตอนนี้อำนาจของตระกูลเจียงอยู่ในมือของคุณย่า เจียงเฉิงเย่เป็นที่รักของคุณย่ามาก เขาไม่เพียงแต่ได้ควบคุมดูแลองค์กรที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลเจียง แต่ยังมีสินทรัพย์ในมืออีกอย่างน้อย 100 ล้าน ถ้าไปทำให้เขาขุ่นเคือง ก็เท่ากับรนหาที่ตายไม่ใช่หรือไง?

เสิ่นหัวเพิ่งไปเยี่ยมแม่สามีกับสามีของเธอ แต่เมื่อออกมาเธอกลับเห็นว่าไอ้ขยะฉินเฟยกล้าตะโกนใส่เจียงเฉิงเย่ ดังนั้นเธอก็เข้าไปตบหน้าเขาทันที!

“แม่ แม่ตบฉินเฟยทำไม?” เจียงเยว่ถงเองก็ตกใจและรีบลุกขึ้นดึงเสิ่นหัวเอาไว้

แม้ว่าเธอไม่ชอบฉินเฟย แต่ยังไงเสียเมื่อครู่นี้เขาก็ออกหน้าแทนตน ฉินเฟยยืนอยู่ที่นั่น เขารู้สึกร้อนวาบบนใบหน้า ไม่ต้องคิดก็รู้ ว่าตอนนี้บนหน้าของตนกำลังมีรอยนิ้วมือทั้งห้าเด่นชัดขึ้นอยู่

แต่สายตาของเขากลับจับจ้องไปที่เจียงเยว่ถง มุมปากของเขาแสดงรอยยิ้มออกมา

สามปี!

เป็นเวลาสามปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงเยว่ถงปกป้องตัวเองแบบนี้ แถมยังตั้งคำถามว่าทำไมเสิ่นหัวถึงทุบตีเขา!

ฉินเฟยเองก็ไม่ได้พูดอะไร เขายิ้มและหันหลังกลับ

“ไอ้ขยะ ใครให้นายไป ไสหัวกลับมาให้ฉันเดี๋ยวนี้”

ฉินเฟยไม่สนใจคนที่มองเขาอยู่ด้วยสายตาที่แปลกประหลาดต่างๆ เหล่านั้น เขาเดินออกจากประตูวิลล่าไปและยังคงได้ยินเสียงด่าว่าด้วยความโกรธของเสิ่นหัว

ระหว่างที่ทุกคนรอชมความครื้นเครงอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงชราดังขึ้น

"มีเรื่องอะไรกัน ทำไมเอะอะกันขนาดนั้น?"

ขณะที่คุณย่าเจียงพูด เธอก็เดินขึ้นไปบนเวทีด้วยความช่วยเหลือของเจียงเฟิ่งหยุน ห้องโถงที่แต่เดิมกำลังเอะอะเงียบลงในทันใด

ตระกูลเจียงมีลูกชายสามคน เจียงเฟิ่งหยุนเป็นลูกชายคนที่สามของตระกูลเจียง

เจียงเฟิ่งหยู่เป็นลูกชายคนโตของตระกูลเจียง ซึ่งก็คือพ่อของเจียงเฉิงเย่ ตอนนี้เขาเป็นอัมพาตครึ่งตัวนอนติดเตียง ส่วนลูกชายคนที่สองของตระกูลเจียงก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ไปเมื่อหลายปีก่อน

เหลือก็แค่เจียงเฟิ่งหยุนคนเดียว แต่เขากลับมีนิสัยอ่อนโยน ไม่มีความทะเยอทะยาน และไม่มีความสนใจในกิจการบริษัทสักเท่าไหร่

ดังนั้น ตระกูลเจียงในจึงขาดคนมีความสามารถ

ตระกูลใหญ่เหล่านี้มักชอบลูกชายมากกว่าลูกสาว พวกเขาเชื่อว่ามีแค่ผู้ชายเท่านั้นที่สามารถสืบสานตระกูลให้มีลูกหลายสืบทอดกราบไหว้บรรพบุรุษต่อไปได้ เจียงเฉิงเย่เป็นหลานชายคนโตของตระกูลเจียงและมีความสามารถอยู่บ้าง และที่สำคัญคือเขาเอาใจคนเก่ง ดังนั้นคุณย่าเจียงจึงชอบเขามาก

“พอได้แล้ว ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น นั่งกันเถอะ” คุณย่าเจียงโบกมือและนั่งลงช้าๆ ด้วยความช่วยเหลือของเจียงเฟิ่งหยุน "เราทุกคนน่าจะรู้แล้วว่าว่านเซียง มูวีกำลังจะย้ายมาที่ซงไห่ จากข้อมูลที่เชื่อถือได้ ไม่ใช่จางจงเยว่ที่เป็นประธานของว่านเซียง มูวี แต่เป็นคนอื่น ว่ากันว่ายังเด็กมากและจะเข้ารับตำแหน่งในวันพรุ่งนี้”

วาบ!

ชั่วครู่ ก็มีเสียงกระซิบและพูดคุยกันดังขึ้น ตระกูลเจียง กรุ๊ปเองก็เป็นกลุ่มบริษัทที่ครอบคลุมหลายอย่าง แน่นอนว่าอุตสาหกรรมไหนทำเงินได้ก็ทำอันนั้น บริษัทโฆษณา บริษัทอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทเสื้อผ้าต่างก็มีอยู่

หลังจากที่ ว่านเซียง มูวีย้ายมาที่นี่ มันจะต้องเป็นบริษัทบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซงไห่อย่างไม่ต้องสงสัย ความร่วมมือกับพวกเขาจะต้องทำเงินได้แน่!

ว่านเซียง มูวีเปิดดำเนินการมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่เนื่องจากประธานบริษัทคนใหม่ยังไม่เข้ารับตำแหน่ง อีกทั้งยังไม่ยอมรับความร่วมมือใดๆ ชั่วคราว

ตอนนี้ประธานคนใหม่เข้ารับตำแหน่งแล้ว ฉันไม่รู้ว่ามีบริษัทในซงไห่ตั้งตารอที่จะขอร่วมมือด้วยมากมายขนาดไหน

แน่นอนว่าตระกูลเจียง ก็ควรลองดูว่าพวกเขาจะสามารถขอแบ่งเค้กมาได้ไหม

"ถ้าเราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือกับว่านเซียง กรุ๊ปในครั้งนี้ได้ อย่างนั้นมันก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อตระกูลเจียงของเรา!"

"ฉันจะไป!"

“คุณย่า ฉันก็จะไป ฉันทำได้แน่!”

"ฉันก็อยากลองเหมือนกัน"

ทุกคนยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว มีเพียงเจียงเยว่ถงเท่านั้นที่นั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ เพราะเธอรู้ว่าเรื่องดีๆ แบบนี้ไม่มีทางตกมาถึงเธอแน่

เมื่อมองดูความกระตือรือร้นและความมั่นใจของคนรุ่นใหม่ คุณย่าเจียงก็พยักหน้าด้วยความชื่นชมและชี้ไปที่เจียงเฉิงเย่ "เฉิงเย่ พรุ่งนี้นายไปลองดู"

เจียงเฉิงเย่ยิ้มทันทีและพยักหน้าอย่างตื่นเต้น “คุณย่าไม่ต้องห่วง ผมจะต้องทำความร่วมมือได้สำเร็จแน่ในวันพรุ่งนี้!”

หลังจากที่ฉินเฟยออกไปตามลำพัง เขาก็อยู่ข้างนอกครู่หนึ่งแล้วนั่งแท็กซี่ไปที่ร้านน้ำชาวินเยว่

ฉินเฟยไม่อยากกลับบ้าน แต่ก็น่าตลกที่เขาพบว่า ตนไม่มีเพื่อนเลยสักคน บังเอิญกับที่จางจงเย่กำลังจะจากไปในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นฉินเฟยจึงไปพบเขาอีกครั้ง

จางจงเยว่ได้เปลี่ยนเป็นชุดลำลอง บางทีหลังจากทำงานใช้สมองอย่างหนักและพบความกดดันในบริษัทมานานหลายปี เขาจึงดูแก่ไปบ้างในวัย 43 ปี

“นายน้อย ผมได้ยินจากพ่อของคุณว่าคุณแต่งงานมาหลายปีแล้ว?”

เห็นได้ชัดว่าจางจงเยว่เจอฉินเฟยผ่านพ่อของเขา จากนั้นถึงได้โทรมาสอบถามอย่างเช่นก่อนหน้า

“อืม ฉันแต่งงานมาสามปีแล้ว” ฉินเฟยเอ่ยและมองไปที่จางจงเยว่ตรงหน้าเขาด้วยสายตาสบายๆ "คุณคงไม่ได้ไม่ไปหาเลยหลังจากหย่าร้างใช่ไหม? เธอไม่ได้มาหาคุณเลยอีกเลยหรือ?"

ในตอนนั้นที่จางจงเย่ล้มละลายเขาได้แต่งงานแล้วและมีลูกชายอยู่หนึ่งคน หลังจากที่เขาล้มละลาย ภรรยาของเขาก็พาลูกชายจากไปด้วย

ตอนนี้ ก็ผ่านไป13 ปีแล้ว จางจงเยว่ประสบความสำเร็จอย่างมากมานานแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา)