ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) นิยาย บท 61

ภายในรถยนต์เงียบสงัด

ฉินเฟยมองหน้าจางฉองหย่วนหนึ่งครั้ง จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว

"คุณอย่าพึ่งเข้าใจผิด ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับจางหานหานเลย"ฉินเฟยลังเลชั่วครู่แล้วพูดอธิบาย เพราะเขากลัวว่าจางฉองหย่วนจะโกรธและทำเรื่องไม่ดีออกมา

"พวกคุณรู้จักกันมาก่อนเหรอ?"จางฉองหย่วนขับรถยนต์และเอ่ยปากพูด

"อืม พวกเรารู้จักกันมานานแล้ว แต่มันเป็นเรื่องในสมัยเด็ก แม่ของจางหานหานกับแม่ของผมเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่แม่ของเธอแต่กับคนของโรงค้าชาตระกูลจาง"

"จางหมิงหยางเหรอ?"จางฉองหย่วนพูดด้วยความตกใจ

"ใช่"ฉินเฟยพยักหน้า สมัยนั้นจางหมิงหยางของตระกูลจางได้ครอบครองธุรกิจใบชาของซงไห่ครึ่งหนึ่ง ธุรกิจของพวกเขาใหญ่มากๆ จางฉองหย่วนรู้จักคนๆนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

"เป็นอย่างนี้นี่เอง"จางฉองหย่วนพยักหน้า ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นจางหานหาน มองเห็นท่าทางและกิริยาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอเป็นลูกสาวของคนตระกูลชั้นสูง เขาคาดเดาว่าเธอต้องมีฐานะที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่าเธอจะเป็นลูกสาวของจางหมิงหยาง

ผมคิดว่าเรื่องนี้ ซูเซิงของโรงน้ำชาก็น่าจะรู้ดี เมื่อได้ยินฉินเฟยพูดชื่อของจางหานหาน พวกเขาบอกว่าฉินเฟยมีสายตาที่เฉียบแหลมมากๆ

"หลังจากจางหมิงหยางตายเพราะอุบัติเหตุแล้ว ชื่อเสียงของตระกูลจางก็หายไปจากซงไห่ จางหานหานกับผมเหมือนกันเลย ตระกูลของพวกเราตกต่ำและไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เธอเล็กว่าผมสองปี ผมก็เลยเรียกเธอว่าน้องสาว"ฉินเฟยพูดด้วยรอยยิ้ม

"แม่ของเธอกับแม่ของผมโตมาด้วยกัน สมัยนั้นแม่ของพวกเราเป็นสาวงามในซอยนั้นเลย คนหนึ่งแต่กับเศรษฐีค้าชาจางหมิงหยาง ส่วนอีกคนแต่กับพ่อของผม ทั้งสองคนแต่งกับเศรษฐีและทำให้คนอื่นๆรู้สึกอิจฉา ทุกครั้งที่แม่พาผมกลับไปบ้านของตายาย จางหานหานก็จะกลับไปเหมือนกัน เพราะบ้านของตายายอยู่ในซอยเดียวกัน เนื่องจากแม่ของเธอกับแม่ของผมสนิทกัน เมื่อแม่พูดคุยกัน เด็กอย่างพวกเราสองคนก็จะเล่นด้วยกัน……"

"เพื่อนเล่นตั้งแต่เด็กเหรอ? พวกคุณเป็นคู่หมั้นกันตั้งแต่เด็กหรือเปล่า?"จางฉองหย่วนพูดด้วยรอยยิ้ม

"ทำไมคุณถึงฉลาดแบบนี้?"ฉินเฟยพูดด้วยความเขินอาย

เขาพูดอย่างขมขื่น:"มีเรื่องนี้อยู่จริงๆ นั้นเป็นเพราะญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายสนิทกัน และเคยรับปากเรื่องหมั้นกันเอาไว้"

"หลังจากนั้น บ้านของพวกเขาก็ย้ายไปภาคใต้ เนื่องจากพวกเขามีไร่ชาอยู่ตรงนั้นและบรรยากาศตรงนั้นก็ดีมากๆ พวกเขาก็เลยย้ายไปทั้งหมด และไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย"

นี่คือเหตุผลหลักที่จางหานหานจำฉินเฟยไม่ได้ เนื่องจากฉินเฟยอายุเยอะกว่าเธอสองปี ตอนนั้นพวกเขาสองคนยังเด็กมากๆด้วย เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็เปลี่ยนไปเยอะ เมื่อเธอจำฉินเฟยไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ

สิ่งแรกที่ฉินเฟยสังเกตก็คือชื่อของจางหานหาน หลังจากนั้นเขาก็มองเห็นรอยแผลเป็นที่อยู่บนข้อเท้าของจางหานหาน

เขาถึงแน่ใจว่าเธอก็คือเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่คอยเดินตามหลังตัวเองและเรียกเขาว่าพี่ฉินเฟย

"แต่น่าเสียดาย สาวงามสองคนที่ทุกคนอิจฉาในสมัยนั้น แต่ใครก็คาดคิดไม่ถึงจริงๆว่าชีวิตของพวกเธอจะตกต่ำและลำบากขนาดนี้"

ฉินเฟยนึกถึงตอนที่พ่อพาเขากลับไปที่คฤหาสน์ของตระกูลฉิน เขามองเห็นแม่ที่ใช้ชีวิตอย่างประหยัด สำหรับแม่ของจางหานหานนั้น ตอนนี้เธอยังนอนป่วยหนักอยู่บนเตียงนอน

จางฉองหย่วนพยักหน้า เขามองหน้าฉินเฟยด้วยสายตาแปลกๆ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา

ตอนนี้ฉินเฟยเหมือนชายชราอายุเจ็ดถึงแปดสิบปี เขาเคยผ่านเรื่องราวมาเยอะและกำลังนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต……

พ่อค้าชาจางหมิงหยางตายด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อแปดปีก่อน เดิมทีคิดว่าด้วยฐานะทางการเงินของเขา ถึงแม้เขาตายไปแล้ว ตระกูลจางก็คงไม่ตกต่ำขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้ โรงเก็บใบชาของจางหมิงหยางเกิดเพลิงไหม้ ทำให้ใบชาโดนเผาทั้งหมดและเสียหายอย่างหนัก

ในนั้นไม่ได้มีแค่ใบชาของตระกูลจาง ยังมีใบชาของคนอื่นๆด้วย ค่าเสียหายพวกนี้ต้องชดใช้ทั้งหมด

เดิมทีด้วยชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของตระกูลจางในซงไห่ ถึงแม้ใบชาโดนเผาทั้งหมด แต่ถ้ามีเวลาอีกสองสามปี พวกเขาต้องกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งอย่างแน่นอน

แต่โชคร้ายจริงๆ วันที่สองก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้จางหมิงหยางเสียชีวิต

สมัยนั้นจางหานหานยังมีน้องชายอยู่หนึ่งคน แต่ตอนนั้นเขายังเด็กมากๆและอายุแค่สิบสามปี ส่วนจางหานหานมีนิสัยอ่อนโยนเกินไป ทำให้เธอไม่สามารถทำกิจการต่อได้ ทำให้พวกเขาต้องขายทรัพย์สมบัติเพื่อเอาไปใช้หนี้

เมื่อกำแพงพัง ทุกคนก็ช่วยกันผลัก เรื่องนี้ทำให้ตระกูลจางตกต่ำทันที

ตอนนี้น้องชายของเธอเลิกเรียนแล้ว เขาไม่ยอมทำงานและกลายเป็นอันธพาลด้วย ไม่เพียงไม่หาเงินใช้เอง ยังขอเงินพี่สาวตลอดเวลา ส่วนแม่ของเธอนอนป่วยหนักอยู่บนเตียง ทำให้ภาระทุกอย่างตกอยู่ที่เธอ เธอต้องหาเงินเลี้ยงดูทุกคนในบ้าน

จางฉองหย่วนนิ่งเงียบและไม่ได้พูดอะไรเลย เขาเคยผ่านเรื่องต่างๆมาเยอะ เคยเจอเรื่องที่หนักหนาสาหัสกว่านี้อีก

ราชวงศ์ต่างๆในอดีต เคยรุ่งเรืองมาก่อน ฮ่องเต้ทุกคนต่างคิดว่าราชวงศ์ของตัวเองจะสืบทอดไปหลายพันหลายหมื่นปี แต่ราชวงศ์ที่ครองบัลลังค์ยาวที่สุดก็แค่ไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น จากนั้นก็ถูกราชวงศ์อื่นๆเข้ามาแทนที่

แม้แต่ราชวงศ์ยังเป็นแบบนี้เลย ยิ่งไม่ถึงพูดถึงการรุ่งเรืองและตกต่ำของตระกูลเล็กๆเลย

……

เวลาห้าทุ่มครึ่ง ฉินเฟยกลับมาถึงบ้านและมีเหงื่อไหลเต็มตัว

เดิมทีเขาคิดว่าเวลานี้ เจียงเยว่ถงน่าจะนอนหลับไปนานแล้ว แต่เขาพบว่าไฟในห้องรับแขกยังเปิดอยู่ ทำให้ฉินเฟยเกิดความสงสัย เจียงเยว่ถงไม่ได้เหมือนกับผู้หญิงทั่วไป เธอให้ความสำคัญกับเวลามากๆ โดยปกติแล้ว เธอจะนอนดึกที่สุดก็ประมาณสี่ทุ่มครึ่ง เพราะวันรุ่งขึ้นเธอต้องไปทำงาน

เธอให้ความสำคัญกับงานมากๆ เธอจะไปแค่บริษัทกับบ้านเท่านั้น เธอจะทำแบบนี้ทุกวัน แต่งงานกันมาสามปี ถ้าไม่ใช่เรื่องที่สำคัญมากๆ เวลาที่เธอพักผ่อนอยู่บ้านจะมีน้อยมากๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา)