ฮองเฮามิได้ทรงกังวล แต่แววตาของฉู่โม่หยวนเต็มไปด้วยความกังวล เขาแทบจะลุกขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่ทันใดนั้นก็เห็นว่าหลินเมิ่งหวันกำลังยิ้มให้หลินเป้ยเหยาอย่างสดใส
หลินเมิ่งหวันเอ่ยเบาๆ ว่า “คิดว่ามีฝีมือแค่นี้แล้วจะทำให้ข้าเสียหายในงานเลี้ยงได้หรือ หลินเป้ยเหยา เจ้าไร้ความสามารถจริงๆ หรือว่าดูถูกข้ามากเกินไปกันแน่”
หัวใจของหลินเป้ยเหยาหดเกร็ง นางมองหลินเมิ่งหวันอย่างกังวล
หลินเมิ่งหวันปล่อยมือจากหลินเป้ยเหยาแล้ว จากนั้นนางจึงลุกขึ้นพร้อมกับกาสุรา
นางเยื้องย่างไปที่หน้าโต๊ะของฮ่องเต้และฮองเฮา จากนั้นจึงนอบกายแสดงความเคารพและเอ่ยว่า “ขอฝ่าบาทและฮองเฮาโปรดทรงอภัย เมิ่งหวันขอบังอาจกราบทูลบางอย่างเพคะ สุรานี้ดูเหมือนจะมีกลิ่นผิดปกติไปเล็กน้อย เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยจริงๆ ควรเชิญหมอหลวงมาตรวจสอบก่อนเพคะ หากเกิดอะไรขึ้นกับฝ่าบาทและฮองเฮาคงจะไม่เป็นการดีแน่”
เสียงเครื่องดนตรีขาดหายไปอย่างฉับพลัน ทุกคนจับจ้องไปที่หลินเมิ่งหวันด้วยหัวใจที่สั่นระรัว
หลินเมิ่งหวันจะบอกว่าในสุรามียาพิษงั้นหรือ?
คนที่เพิ่งดื่มสุราเข้าไปรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาทันที บางคนถึงขนาดแอบล้วงคอ พยายามคายสิ่งที่เพิ่งดื่มกินลงไปออกมา
ยังไม่ทันที่ฮ่องเต้และฮองเฮาจะว่ากระไร เสียงหัวเราะเยาะเย้ยเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมากระทบโสตประสาทของทุกคน “นี่ คุณหนูหลินกำลังสงสัยว่าอาหารจากในวังจะมีปัญหางั้นหรือ”
“ฮองเฮาเพคะ ว่าที่จิ่งหวังเฟยช่างเป็นคนที่พิเศษโดยแท้ ยังไม่ทันอภิเษกกับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยก็เป็นห่วงเรื่องในวังขึ้นมาเสียแล้ว หลังจากอภิเษกกับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ฮองเฮาคงไม่ต้องทรงลำบากกับปัญหาต่างๆ แล้วละเพคะ”
หลินเมิ่งหวันขมวดคิ้วหลุบตามอง สายตาของนางจับจ้องไปยังสาวงามในชุดสวยหรูของพระราชวังซึ่งอยู่ถัดจากฮ่องเต้กับฮองเฮา ทันใดนั้นความมืดก็ฉายวาบขึ้นมาในดวงตา
สาวงามผู้นี้คือหลี่กุ้ยเฟย ซึ่งมีฐานะเป็นรองเพียงแค่ฮองเฮา นางเข้าวังมาหลายปีและเป็นที่โปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังมีสิทธิ์ในการช่วยดูแลวังหลังทั้งหก
แม้ว่างานเลี้ยงชมบุปผาวันนี้จะจัดขึ้นตามพระประสงค์ของฮองเฮา แต่ผู้ที่รับผิดชอบจัดเตรียมทุกอย่างก็คือหลี่กุ้ยเฟย เมื่อหลินเมิ่งหวันเอ่ยออกมาแบบนี้ หลี่กุ้ยเฟยจึงย่อมไม่พอใจเป็นธรรมดา
ยิ่งไปกว่านั้น หลี่กุ้ยเฟยยังเป็นน้องสาวแท้ๆ ของหลี่เฉิงเซี่ยง เป็นอาแท้ๆ ของหลี่จิ่นซูกับหลี่เล่อหย่า!
ที่หลี่เล่อหย่าเสียท่าให้หลินเมิ่งหวันเมื่อครู่นี้ หลี่กุ้ยเฟยก็อัดอั้นตันใจอยากจะจัดการหลินเมิ่งหวันจะแย่อยู่แล้ว ตอนนี้พอหลินเมิ่งหวันมาจับผิดอีก คำพูดของหลี่กุ้ยเฟยจึงเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยถากถาง
หลินเมิ่งหวันระงับความคิดของตนและเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “สิ่งที่หลี่กุ้ยเฟยกล่าวก็คือ เนื่องจากเมิ่งหวันมีสัญญาหมั้นหมายกับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย เมิ่งหวันจึงย่อมกตัญญูต่อฝ่าบาทและฮองเฮา แต่แม้ว่าจะไม่มีการหมั้นหมายกัน ในฐานะข้ารองพระบาท เมิ่งหวันก็ยังจะใส่ใจในความปลอดภัยของฝ่าบาทกับฮองเฮาอยู่ดี”
หลี่กุ้ยเฟยส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา “ข้าสั่งให้คนตรวจสอบอาหารในงานชมบุปผาอย่างละเอียดหมดแล้ว ไม่มีทางมีปัญหาแน่นอน คุณหนูหลินมีเจตนาอะไรกันแน่ถึงได้ใส่ร้ายข้าเช่นนี้ หรือว่ามีใครตั้งใจบงการ?”
ขณะที่พูดแบบนั้น หลี่กุ้ยเฟยก็เหลือบมองฮองเฮาอย่างมาดร้าย
หลินเมิ่งหวันเป็นลูกสะใภ้ของฮองเฮา คนที่บงการนางได้ย่อมมีแค่ฮองเฮาเพียงผู้เดียว
หลินเมิ่งหวันเอ่ยไม่หวั่นเกรงหรืออวดดีว่า “วันนี้อากาศร้อนมาก เป็นเรื่องปกติที่อาหารจะเน่าเสีย ดังนั้นใส่ใจมากๆ หน่อยจะดีกว่า”
นางหันกลับไปมองหลี่กุ้ยเฟย ทันใดนั้นก็ถามด้วยรอยยิ้มว่า “หลี่กุ้ยเฟย ตัวท่านมีกลิ่นหอมสดชื่นเป็นพิเศษ ไม่ทราบว่าท่านพอจะให้เมิ่งหวันชมเครื่องหอมที่ท่านใช้หน่อยได้หรือไม่”
หลี่กุ้ยเฟยชะงัก คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ หลินเมิ่งหวันจะเปลี่ยนเรื่องเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก