ขันทีไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านี้และเพียงแค่มองหลินเป้ยเหยากับหลี่อี๋เหนียงอย่างเย็นชา จากนั้นจึงโบกมือใหญ่ แจ้งให้ผู้ที่ติดตามมากลับออกไปพร้อมกัน
หลี่อี๋เหนียงมึนงงสุดขีด สายตาของขันทีที่เหลือบมองมาทำให้นางรู้สึกเยียบเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้า
นางหันไปมองหลินเป้ยเหยาและถามอย่างกังวลว่า “เหยาเอ๋อร์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น เจ้าไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า”
หลินเป้ยเหยาพูดไม่ออก นางได้แต่โผเข้าไปในอ้อมกอดของหลี่อี๋เหนียงและสะอื้นไห้ไม่หยุด
“เมื่อคืนนี้หลินเป้ยเหยาทำอะไรไปบ้าง หลี่อี๋เหนียงไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ หรือ”
ในน้ำเสียงอันเยือกเย็นนั้นแฝงไปด้วยความเกลียดชังที่ฝังแน่น หลินเมิ่งหวันมาที่สวนดอกบัวตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้และมองหลินเป้ยเหยากับหลี่อี๋เหนียงอย่างเย้ยหยัน
ความเกลียดชังของหลินเป้ยเหยาเพิ่มพูนขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงอันคุ้นเคย นางหันกลับไปมองหลินเมิ่งหวัน นัยน์ตาแดงก่ำจนแทบจะลุกเป็นไฟ
ทั้งหมดเป็นเพราะหลินเมิ่งหวัน หลินเมิ่งหวันทำให้นางตกลงมาเกลือกอยู่บนพื้นอย่างทุกวันนี้!
“ข้าจะฆ่าเจ้า!” ดวงตาของหลินเป้ยเหยาแดงก่ำ นางคำรามออกมาและถลันไปหาหลินเมิ่งหวันทันที
ในเมื่อนางต้องตาย นางก็จะลากหลินเมิ่งหวันให้ตายไปพร้อมกับนางด้วย!
เพียงแต่ชั่ววินาทีนั้น เสียงคำรามของหลินเป้ยเหยาก็กลายมาเป็นเสียงกรีดร้อง
นางถูกทรมานมาตลอดทั้งคืน ร่างกายของนางอ่อนแรงและเจ็บปวดเหลือทน แล้วนางจะไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน?
หลินเป้ยเหยายังก้าวไปไม่ถึงสองก้าวก็ล้มลงกับพื้นทันที
หลินเมิ่งหวันมองหลินเป้ยเหยาที่ฟุบอยู่บนพื้นอย่างเย็นชา จากนั้นจึงก้าวยาวๆ เข้าไปหา
ทันใดนั้น!
“กรี๊ด!!”
เสียงกรีดร้องดังแหลมเสียดฟ้า เท้าของหลินเมิ่งหวันเหยียบลงไปบนหลังมือของหลินเป้ยเหยาและบดขยี้อย่างแรง
หลี่อี๋เหนียงตกใจหน้าซีด “เจ้าทำอะไรน่ะ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ! รีบเอาเท้าของเจ้าออกไปซะ!”
นางกรีดร้องอย่างตกใจและโผเข้าหา หวังจะใช้สองมือผลักขาของหลินเมิ่งหวันออกไป
เฉินเซียงก้าวมาข้างหน้าและคว้าแขนทั้งสองข้างของหลี่อี๋เหนียงบิดไปข้างหลังทันที ทำให้หลี่อี๋เหนียงหลุดจากการเกาะกุมไม่ได้
เหล่าคนรับใช้ในสวนดอกบัวต่างตะลึงงัน ทุกคนคิดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อยว่าหลินเมิ่งหวันจะทำเรื่องแบบนี้
แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่แข็งกร้าวของหลินเมิ่งหวัน ทั้งยังเห็นหลี่อี๋เหนียงกับหลินเป้ยเหยาที่ร้องไห้ไม่หยุด คนรับใช้จึงไม่กล้าก้าวเข้าไปห้ามเลยสักคน
หลินเมิ่งหวันกวาดสายตามองทุกคน “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าไม่ต้องมารับใช้ที่สวนดอกบัวอีกแล้ว แล้วข้าจะจัดหาที่ใหม่ให้พวกเจ้าเอง”
หลี่อี๋เหนียงกัดฟันกรอด “หลินเมิ่งหวัน เจ้ามีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับคนของสวนดอกบัว!"
“มีสิทธิ์อะไร?” หลินเมิ่งหวันยิ้มเย็น นางหลุบตาลงเล็กน้อยและชายตามองหลี่อี๋เหนียงที่ถูกเฉินเซียงกดให้คุกเข่าอยู่บนพื้น “สิทธิ์ที่ข้าเป็นบุตรีของเอกภรรยา และเจ้าก็เป็นเพียงอนุ”
“เมื่อก่อนข้าไม่คิดจะสนใจดูแลการเรือน ทุกอย่างล้วนให้ป้าสะใภ้ใหญ่เป็นผู้ดูแล เจ้าจะวางท่าใหญ่โตแค่ไหนข้าก็คร้านที่จะสนใจ แต่ตอนนี้แม่ใหญ่กำลังจะเข้ามาอยู่ในจวนแล้ว ข้าจะปล่อยให้เจ้าทำเรื่องสกปรกๆ ได้อย่างไร”
หลี่อี๋เหนียงใจหายวาบ
แม่ใหญ่?
หลินเมิ่งหวันหมายถึงอะไร!
หลินเมิ่งหวันหัวเราะอย่างเยียบเย็น จากนั้นจึงเงยหน้ามองคนรับใช้ในจวนอีกครั้ง “ท่านพ่อกำลังคุยเรื่องแต่งงาน ในไม่ช้านายหญิงแห่งเรือนที่สามจะแต่งงานเข้ามา ถ้าพวกเจ้าอยากอยู่ที่สวนดอกบัวต่อ ข้าก็จะไม่ห้าม แต่หลังจากท่านพ่อแต่งงานรับเอกภรรยาเข้ามาอยู่ในจวน พวกเจ้าอย่ามาโทษว่าข้าไม่ให้โอกาสพวกเจ้าล่ะ”
หลี่อี๋เหนียงเป็นอนุภรรยาเพียงคนเดียวของหลินซ่างซู เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่นางทำตัวราวกับว่าตัวเองเป็นนายหญิงเอกของจวน
ถ้าหลินซ่างซูแต่งงานรับเอกภรรยาเข้ามา มันจะเป็นผลดีกับหลี่อี๋เหนียงได้อย่างไร
สีหน้าของเหล่าคนใช้เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ชายผู้หนึ่งคุกเข่าลงและหันไปคำนับหลินเมิ่งหวันพลางเอ่ยว่า “คุณหนูใหญ่โปรดให้ข้าน้อยไปรับใช้ที่อื่นด้วยขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก