กลิ่นเลือดจางๆ อบอวลอยู่ในปากของคนทั้งคู่ ฉู่โม่หยวนไม่ได้หลบเลี่ยง และแววตาของเขาก็ลึกล้ำราวกับหมึก
คนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาคือหลินเมิ่งหวัน แต่ฉู่โม่หยวนกลับรู้สึกราวกับว่าเขาไม่รู้จักนางเลย
เมื่อฉู่โม่หยวนลิ้มรสน้ำตาเค็มๆ ที่ไหลอาบแก้มของหลินเมิ่งหวัน หัวใจของเขาก็ยิ่งกระชับแน่น
เขาไม่ได้ถามและได้แต่กอดหลินเมิ่งหวันแน่นขึ้นเรื่อยๆ นึกอยากจะบดขยี้นางให้ผสานเข้ามาในกายของตนเสียเดี๋ยวนั้น
หลังจากนั้นไม่นานฉู่โม่หยวนจึงอุ้มหลินเมิ่งหวันที่หลับสนิทขึ้นไปบนรถม้า ส่งนางกลับไปที่สวนแสงอรุณอย่างเงียบเชียบ
เจินจูกับเฝ่ยชุ่ยตกใจมากเมื่อเห็นหลินเมิ่งหวันถูกอุ้มกลับมา
แต่พวกนางไม่กล้าถามฉู่โม่หยวน ดังนั้นจึงทำได้เพียงรีบจัดห้องนอนให้หลินเมิ่งหวัน
อย่างไรก็ตาม หลังจากฉู่โม่หยวนวางหลินเมิ่งหวันลงบนเตียง หลินเมิ่งหวันก็จับมือของเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
เจินจูกับเฝ่ยชุ่ยเห็นดังนั้นก็กังวลจนแทบจะร้องไห้
พวกนางพยายามดึงมือของหลินเมิ่งหวันออก แต่หลินเมิ่งหวันกลับยิ่งออกแรงและยิ่งแนบชิดเข้าไปทั้งตัว เหมือนหมีโคอาล่าที่อยากจะเกาะแขนของฉู่โม่หยวนเอาไว้
“ฉู่โม่หยวน... อย่าไปนะ...”
“ข้าจะไม่ทำผิดต่อท่านอีกแล้ว... ข้าผิดไปแล้ว... อย่าไปนะ...”
หลินเมิ่งหวันพึมพำ น้ำตาที่เปียกชื้นไหลหยดมาจากหางตาของนาง
ดวงตาของฉู่โม่หยวนเป็นประกาย เขาลูบไล้แก้มของนางอย่างรักสุดหัวใจและเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะไม่ไปไหน”
ประโยคนี้ทำให้เจินจูกับเฝ่ยชุ่ยตกใจอีกครั้ง
ไม่ไป?
หรือว่าจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยคิดจะค้างคืนในห้องของหลินเมิ่งหวัน?
ราวกับจะยืนยันการคาดเดาของเจินจูกับเฝ่ยชุ่ย ฉู่โม่หยวนเอ่ยเรียบๆ ว่า “พวกเจ้าไปต้มยาแก้เมามาที”
ฉู่โม่หยวนพูดพลางเลิกผ้าห่มออกและขึ้นไปบนเตียง
เจินจูตื่นตระหนก “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย!”
นางรีบก้าวไปหวังจะหยุดเขา แต่เฝ่ยชุ่ยกลับรั้งแขนของเจินจูไว้โดยไม่รอให้นางพูดจบ
“มีท่านอ๋องคอยดูแลคุณหนูแล้ว บ่าวจะไปต้มยาแก้เมามาให้เดี๋ยวนี้เพคะ”
ว่าแล้วเฝ่ยชุ่ยจึงส่งสายตาเป็นสัญญาณให้เจินจู “เจ้าคอยดูแลอยู่ที่นี่ ข้าจะไปต้มยาแก้เมาก่อน”
การที่จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทรงประทับอยู่ที่นี่เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมจริงๆ แต่ตอนนี้คุณหนูของพวกนางจับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยไว้ไม่ยอมปล่อย แล้วพวกนางจะทำอะไรได้อีก
ในฐานะสาวใช้ พวกนางทำได้เพียงเก็บงำเรื่องนี้เอาไว้ จากนั้นก็ต้องคิดหาวิธีทำให้หลินเมิ่งหวันตื่นขึ้นมาโดยเร็วที่สุด
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า และท้องฟ้าก็ค่อยๆ สว่างขึ้น
ในความสะลึมสะลือ หลินเมิ่งหวันรู้สึกคอแห้งและรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
นางขมวดคิ้วและฝืนลืมตา จากนั้นจึงเอ่ยอย่างยากลำบากว่า “น้ำ... เฝ่ยชุ่ย ช่วยหยิบน้ำมาให้ที”
เฝ่ยชุ่ยรีบรินน้ำส่งให้ แต่เมื่อไปถึงข้างเตียง มือใหญ่มือหนึ่งก็ยื่นออกมาตรงหน้านาง
เฝ่ยชุ่ยชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะรีบก้มหน้า ยื่นถ้วยชาในมือให้ฉู่โม่หยวนทันที
หลินเมิ่งหวันกำลังสะลึมสะลือ ผลที่ตามมาหลังจากเมาค้าง นอกจากจะกระหายน้ำแล้วยังปวดหัวอีกด้วย ตอนนี้เมื่อมีแก้วน้ำจ่ออยู่ที่ริมฝีปาก นางจึงไม่ได้สนใจอะไรมากและดื่มน้ำทันที
เพียงแต่หลังจากดื่มไปหนึ่งแก้ว หลินเมิ่งหวันก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ที่นางเหลือบมองเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนเจินจูกับเฝ่ยชุ่ยจะยืนอยู่ที่ข้างเตียงของนางมิใช่หรือ
นอกจากนั้น มือที่ประคองนางไว้ดูเหมือนจะใหญ่ไปหน่อย
นางใจสั่นเล็กน้อยและรีบหันไปมองทันที ทันใดนั้นนางจึงเห็นว่าฉู่โม่หยวนนั่งอยู่ข้างๆ นาง และภายในหัวของนางก็มีเสียง ‘หึ่ง’ ดังขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก