หลินเมิ่งหวันรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วฉู่โม่หยวนจะต้องถาม และนางก็นึกข้อแก้ต่างเตรียมไว้นานแล้ว
นางมองฉู่โม่หยวนและกล่าวว่า “หมึกไม้ม่วงที่หม่อมฉันชนะมา อยู่ที่ไหนหรือเพคะ”
ฉู่โม่หยวนหยิบหมึกไม้ม่วงออกมาจากในอกและส่งให้หลินเมิ่งหวัน ฝ่ายหลังรับมาถือไว้อย่างระมัดระวังและยืมแสงจันทร์เพ่งมองอย่างพินิจ จากนั้นภายในใจจึงตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
นางมองฉู่โม่หยวนและบอกว่า “หมึกไม้ม่วงเป็นยาสมุนไพรที่หาได้อย่างยากยิ่ง ร้านยาทุกร้านของตระกูลหลินไม่มีกักตุนไว้เลย ไม่ต้องพูดถึงการเดิมพันหนึ่งพันตำลึงทอง ต่อให้เป็นหนึ่งหมื่นตำลึงทองก็ยังคุ้มค่าที่จะซื้อ”
“หม่อมฉันได้ยินอาจารย์พูดถึงของสิ่งนี้ ท่านอาจารย์กล่าวว่า ถ้าจะหาหมึกไม้ม่วงได้จากที่ไหนบนโลก ที่นั่นก็ต้องเป็นจากมือของหมอยาหนานไห่ ดังนั้นหม่อมฉันจึงหยั่งเชิงชายชราผู้นั้น เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขา จึงคิดว่าเขาเป็นหมอยาหนานไห่จริงๆ!”
เรื่องนี้หลินเมิ่งหวันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่นางไม่อยากจะพลาดโอกาสใดๆ ทั้งนั้น
“ถ้าได้รู้จักกับหมอยาหนานไห่ เราจะมีแต่ได้ประโยชน์ ดังนั้นหม่อมฉันจึงให้สองพันตำลึงทองกับเขาทั้งที่หม่อมฉันชนะการเดิมพัน แล้วก็ทำให้ชายชราอย่างเขามีความสุขอีกสักหน่อย”
แม้ว่าสองพันตำลึงทองจะเป็นเงินจำนวนมาก แต่ถ้าแลกน้ำใจของหมอยาหนานไห่มาได้ก็นับว่าคุ้มค่า
ฉู่โม่หยวนจ้องมองหลินเมิ่งหวัน ความตื่นเต้นดีใจและความเบิกบานบนสีหน้าของนางไม่ใช่ของที่จะทำปลอมกันได้ แต่สายตาที่หลินเมิ่งหวันมองเขาก่อนนี้กลับยังติดอยู่ในใจของฉู่โม่หยวนไม่หายไปไหน
เขาถามไปโดยไม่รู้ตัวว่า “เจ้ากังวลสิ่งใดหรือ”
หลินเมิ่งหวันชะงักและกุมหมึกไม้ม่วงไว้แน่น
เมื่อเห็นหมึกไม้ม่วง นางจึงนึกถึงอาการของฉู่โม่หยวนขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ทว่าหลินเมิ่งหวันคิดว่าตนเองปกปิดไว้ได้อย่างดีแล้ว ไม่นึกเลยว่าฉู่โม่หยวนจะยังสังเกตเห็น
การรับรู้ของฉู่โม่หยวนช่างว่องไวเฉียบแหลมจริงๆ
แต่นางจะบอกฉู่โม่หยวนได้อย่างไร ว่านางอยากได้หมึกไม้ม่วงมาก็เพื่อตัวเขา
ในชาติก่อนฉู่โม่หยวนถูกวางยาพิษ แค่คร่าชีวิตยังไม่พอ แต่ยังทำให้เขาเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก หมึกไม้ม่วงเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาพิษของฉู่โม่หยวน แต่ฉู่โม่หยวนค้นหาอยู่นานก็ยังไม่ได้มันมา
ทันทีที่หลินเมิ่งหวันเกิดใหม่ นางจึงขอให้ฉินชิงรุ่ยช่วยติดต่ออาจารย์กู่เยว่หานให้นาง ด้วยหวังว่าจะให้อาจารย์มารักษาอาการของฉู่โม่หยวน หาวิธีแก้พิษให้เขา
แต่สิ่งที่ทำให้หลินเมิ่งหวันประหลาดใจก็คือ นางเคยแอบตรวจชีพจรของฉู่โม่หยวน แต่กลับพบว่าตอนนี้ฉู่โม่หยวนไม่มีอาการว่าถูกพิษใดๆ เลย
เป็นไปได้หรือไม่ว่าตอนนี้จะยังไม่ถึงเวลาที่ฉู่โม่หยวนถูกวางยาพิษ
ในความทรงจำของหลินเมิ่งหวันไม่มีเบาะแสใดๆ ให้นางเลย แต่นางก็ไม่มีทางปล่อยโอกาสที่จะได้รับหมึกไม้ม่วงไปแน่
เมื่อหวนนึกถึงเสียงร้องคำรามในจวนจิ่งอ๋องตอนที่นางยังอยู่ที่นั่น หลินเมิ่งหวันก็รู้สึกคับแน่นในอกทันที
หลินเมิ่งหวันพยายามควบคุมจิตใจให้มั่นคง จากนั้นจึงยิ้มและเอ่ยว่า “หม่อมฉันไม่ได้กังวลอะไรนี่เพคะ หม่อมฉันแค่คิดว่ากันไว้ดีกว่าแก้ ยิ่งไปกว่านั้นหม่อมฉันยังเป็นหมอ ชอบศึกษาค้นคว้าเรื่องยาเรื่องสมุนไพรต่างๆ อยู่แล้ว”
“จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเพคะ~” นางลากเสียงยาวและกะพริบตาใส่ฉู่โม่หยวนอย่างมีเลศนัย จากนั้นจึงเอ่ยอย่างอ่อนหวานว่า “อันที่จริงหม่อมฉันไม่เคยขาดเครื่องประดับเพชรพลอยใดๆ เลย นอกจากของที่หาได้ยาก ก็ไม่มีสิ่งอื่นใดที่เข้าตาหม่อมฉันอีกแล้ว ดังนั้นหากจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยจะประทานของขวัญให้หม่อมฉัน พระองค์จะหายาสมุนไพรหายากๆ มาให้ก็ได้นะเพคะ”
ฉู่โม่หยวนหายใจติดขัดและเกือบจะสำลักน้ำลายของตัวเอง
มุมปากของเสวียนยีที่อยู่นอกม้ากระตุก และเขาก็เกือบจะตกลงไปจากรถม้า
เยี่ยมไปเลย มีการคิดจะขอของขวัญเองด้วยหรือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก