เมื่อสังเกตเห็นสายตาของเขา ผู้ดูร้านจึงหยิบกล่องผ้าไหมขึ้นมาในทันที และยื่นให้ฉู่โม่หยวน
“จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย นี่เป็นกำไลคู่หนึ่งที่ทำมาจากหยกชั้นดี นายท่านรองนำกลับมาจากทางตะวันตก ความบริสุทธิ์ดีเยี่ยมและล้ำค่าอย่างยิ่ง!”
กำไลข้อมือคู่นี้ท่านลุงรองของหลินเมิ่งหวัน ต้องการมอบให้กับหลินเมิ่งหวัน เพราะมันมีค่ามากพอ
แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่าหลินเมิ่งหวันชอบรำดาบรำหอกมาแต่ไหนแต่ไร และไม่ชอบเครื่องประดับหยก ท่านลุงรองของหลินเมิ่งหวันจึงไม่ได้ส่งกำไลข้อมือไปที่จวนหลิน แต่ส่งมาที่หอเจินเป่า
แน่นอนว่าประโยคหลัง เถ้าแก่ไม่ได้พูดออกมา
เนื่องจากท่าทางของฉู่โม่หยวนในตอนนี้ เห็นชัดเจนว่าชอบกำไลข้อมือคู่นี้ เถ้าแก่จึงไม่ได้ขจัดความสนใจของฉู่โม่หยวน
“เป็นอย่างไร? ”
ฉู่โม่หยวนถามพร้อมกับมองไปที่หลินเมิ่งหวัน
หลินเมิ่งหวันยิ้มโดยไม่พูดอะไร แต่ยื่นมือออกไปให้ฉู่โม่หยวนโดยตรง
มุมริมฝีปากของฉู่โม่หยวนยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว มือข้างหนึ่งจับมือนุ่มๆ ที่ห้อยลงมาของหลินเมิ่งหวัน อีกมือหนึ่งหยิบกำไลข้อมือขึ้นมาและสวมไปที่ข้อมือของหลินเมิ่งหวัน
กำไลข้อมือมีแวววาวและเนื้อสัมผัสละมุม
ข้อมือของหลินเมิ่งหวันขาวผ่องและเรียวยาว เมื่อสวมกำไลข้อมือแล้วก็ดูดีขึ้นไปอีก
“ขอให้เป็นเช่นนี้ในทุกวัน”
หลินเมิ่งหวันเขย่ากำไลข้อมือและพึมพำเบาๆ
นางไม่ชอบใส่กำไลหยก แต่ไม่คิดว่าสายตาของฉู่โม่หยวนจะดีเช่นนี้
กำไลข้อมือนี้สวมแล้วสวยมาก และสวมได้พอดี
หลินเมิ่งหวันดีใจมาก แต่พบว่าฉู่โม่หยวนขมวดคิ้ว สีหน้าหม่นหมอง
หลินเมิ่งหวันตกตะลึง “เป็นอะไรไป? ”
ฉู่โม่หยวนยังไม่ทันได้ตอบ นางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของหญิงสาวดังมาจากนอกห้องส่วนตัว
“เมื่อครู่หลี่จิ่นซูถูกคนลากออกจากจวนหลิน ต้องนัดพบกับหลินเมิ่งหวันมาอย่างแน่นอน”
“นัดพบ? พวกเขายังอยู่ในเมืองหลวงหรือไม่? ข้าได้ยินมาว่าเมื่อวานหลินเมิ่งหวันกับหลี่จิ่นซูหนีตามกันไป!”
นอกกำแพงห้องส่วนตัวเป็นชั้นวางสมบัติ
หญิงสาวสามคนยืนที่อยู่ข้างชั้นวาง มองดูสินค้าอย่างสบายใจ และพูดคุยกันอย่างไม่เกรงกลัว
เมื่อหญิงสาวในชุดสีฟ้าอ่อนได้ยินเช่นงนี้ นางก็ขมวดคิ้วและกล่าวเบาๆ “อย่าพูดจาเหลวไหล”
“คุณหนูหนาน เรื่องนี้ไม่ได้พูดเหลวไหล มีคนเห็นหลินเมิ่งหวันออกไปนอกเมืองจริงๆ”
“ใช่ๆๆ หลี่จิ่นซูก็ออกไปนอกเมืองด้วย แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลี่จิ่นซูดูเหมือนจะกลับมากลางทาง”
......
ฉู่โม่หยวนวรยุทธ์สูงส่งและความสามารถในการฟังที่ดีเยี่ยม
ทันทีที่หญิงสาวทั้งสามคนเอ่ยปากสนทนากันถึงหลินเมิ่งหวัน เขาก็สังเกตได้แล้ว
การสนทนาระหว่างทั้งสามคนชัดเจนขึ้น สีหน้าของเขาก็หม่นหมองมากขึ้นเรื่อยๆ
ชั้นวางของและห้องส่วนตัวถูกแยกจากกันด้วยกำแพง การสนทนาระหว่างทั้งสามก็ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนนี้ไม่เพียงแต่ฉู่โม่หยวนเท่านั้นที่ได้ยิน หลินเมิ่งหวันและเถ้าแก่หอเจินเป่าก็ได้ยินเช่นกัน
เถ้าแก่สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก “ข้าน้อยจะออกไปไล่คนออกไป”
“ช้าก่อน”
หลินเมิ่งหวันยกมือขึ้น เพื่อยับยั้งเถ้าแก่หอเจินเป่า
มุมปากของนางยิ้มเยาะ “ไม่ต้องออกไป ข้าอยากฟังว่าพวกนางยังจะพูดอะไรอีก”
การเกิดใหม่ในชาตินี้ ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่หลินเมิ่งหวันจำไม่ค่อยได้
หลินเมิ่งหวันรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงข้างนอก แต่ยากที่จะยืนยันตัวตนของคนเหล่านั้นผ่านเสียง
แต่หลินเมิ่งหวันจำได้อย่างชัดเจนว่า “คุณหนูหนาน” เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง หนานมู่ชิงบุตรสาวภรรยาเอกของที่จวนหนานไท่ฟู่
อีกทั้งหนานมู่ชิงผู้นี้ยังหลงใหลฉู่โม่หยวนด้วย!
ชาติที่แล้วหลายครั้งในงานเลี้ยง หนานมู่ชิงมุ่งเป้าไปที่นาง เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจอย่างมากกับการแต่งงานของนางกับฉู่โม่หยวน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก