จิตใจของฉู่โม่หยวนเรียกร้องอย่างลนลานให้เขาจะทะยานตัวออกไปทันควัน ทว่าชายชุดดำทั้งสี่ได้ปิดล้อมไว้ซึ่งทำให้เขาในตอนนี้หมดหนทางที่จะหลบหนีเอาตัวรอดได้
“น้องเมิ่งหวัน!”
ฉินจิ้งเจาร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ พลางกระโดดเตะเข้าไปตรงใบหน้าของชายชุดดำอย่างแรง สายตาแดงก่ำจ้องมองมาที่หลินเมิ่งหวัน
ฉินฉางซูและคนอื่นๆ ต่างเหลือบมองไปที่หลินเมิ่งหวันอย่างวิตกกังวลเช่นเดียวกัน ซึ่งต่างไร้หนทางที่จะหลบหนีอย่างสิ้นเชิง
แต่ว่าฉินจิ้งเจามิได้รีรอให้หลินเมิ่งหวันมาช่วย พลางสะบัดแส้ยาวที่หอบเอาเกลียวลมออกไปและฟาดเข้าตรงหน้าของชายชุดดำอย่างแรง
“ฟับ” เสียงฟาดอย่างแรง ชายชุดดำร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดแล้วล้มฟุบลงไปกับพื้น ผิวหนังบริเวณแก้มฉีกออกเป็นรอยปริฉกรรจ์
ฉู่โม่หยวนกวัดแกว่งดาบเข้าต่อสู้กับทั้งสี่คนที่เข้ามา แล้วโผนตัวด้วยคมดาบเข้าไปที่ชายชุดดำคนนั้น
ในใจฉินจิ้งเจารู้สึกยินดีพลางมองชื่นชมหลินเมิ่งหวัน แต่กลับได้ยินเสียงของหลินเมิ่งหวันตะโกนว่า “ระวังข้างหลัง!”
ฉินจิ้งเจางุนงงก่อนที่จะเอี้ยวตัวไปด้านหลังในทันที มีดยาวของชายชุดดำได้แทงไปที่แขนซ้ายของเขาและฟันลงไปอย่างแรง
ลมเย็นโชยพัดมา ทำให้แขนเสื้อของฉินจิ้งเจาขาดสะบั้นลงทันที
ฉินจิ้งเจาสะดุ้งตกใจ ส่วนหลินเมิ่งหวันหัวใจก็หล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มเช่นกัน นางสะบัดแส้ออกไปอย่างแรง ราวกับงูที่พุ่งกระโจนตัวออกไป แล้วเข้าพันรัดไปที่คอของชายชุดดำไว้อย่างแน่น ก่อนที่จะถูกหลินเมิ่งหวันกระชากโซเซไปมา
เมื่อฉินจิ้งเจาได้สติก็คว้าจับข้อมือของชายชุดดำไว้เพื่อให้ดิ้นไม่หลุด ก่อนที่จะแย่งดาบยาวของเขามาและแทงทะลุเข้าไปตรงท้องของชายชุดดำนั้น
ในขณะเดียวกัน ฉินฉางซูและคนอื่นๆ ต่างสามารถเอาชนะชายชุดดำเหล่านั้นที่เข้ามาโจมตีได้ ก่อนจะกุลีกุจอกันเข้าไปข้างกายของหลินเมิ่งหวัน
“ถอยกลับ!” ชายชุดดำแผดเสียงตะโกน ก่อนที่ถอยหลบหนีปอย่างรวดเร็ว
“เป็นเยี่ยงไรบ้าง? ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?” ฉินฉางซูตะโกนด้วยความกังวล ทุกคนต่างมองดูหลินเมิ่งหวันด้วยความเป็นห่วง
เสวียนยีกระชากชายชุดดำคนหนึ่งไปคุกเข่าตรงหน้าฉู่โม่หยวน “เจ้านายขอรับ ยังเหลือเจ้านี่ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่”
เลือดสีแดงปกคลุมไปทั่วร่างของเสวียนยี สีหน้าเย็นชา แต่ชายชุดดำข้างกายเขาถูกตีจนสะบักสะบอม คางแตก ถูกตัดเอ็นข้อมือ เอ็นข้อเท้า แม้นอยากจะตายก็มิอาจตายได้
ฉู่โม่หยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือก “พาตัวไปสำนักตรวจการ!”
เขาจะต้องหาข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ให้จงได้!
“ขอรับ!” เสวียนยีตอบรับคำสั่ง ก่อนที่จะนำตัวชายชุดดำไปทันที
ฉินฉางซูแสดงสีหน้าเคร่งขรึม “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ข้าคิดว่าเรามิควรพำนักอยู่ที่นี้นานเกินไป เร่งกลับเมืองหลวงโดยเร็วยิ่งดี ”
ฉู่โม่หยวนพยักหน้า
รถม้าพวกเขาถูกทำลายเสียหาย ม้าเองก็ตื่นตระหนกตกใจเสียจนล้มตายไปหลายตัว โชคดีที่ตามกลับมาได้ส่วนหนึ่ง แต่จะมีสักกี่ตัวที่ยังคงใช้งานได้
พวกเขาทั้งหลายกระโดดขึ้นขี่ม้าแล้วเร่งรีบกลับเข้าเมืองไป
หลินเมิ่งหวันในตอนนี้อยู่ในอ้อมอกของฉู่โม่หยวน เปลือกตาของนางกระตุกตลอดเวลา ความกังวลในใจยังคงตามหลอกหลอนมิคลาย
มิใช่เรื่องยากที่จะรู้ตัวตนของพวกเขา หลินเมิ่งหวันไม่เชื่อโดยเด็ดขาดว่าชายชุดดำเหล่านี้ไร้ต้นตอที่มา
ชายชุดดำเหล่านี้ดูท่าทีเหี้ยมโหด แต่ฝีมือการใช้อาวุธของพวกเขานับว่ายังด้อยชั้นอยู่ อีกทั้งยังมิได้กระหายสงครามแต่อย่างใด
จากการต่อสู้นี้ ชายชุดดำมิได้รับผลประโยชน์อันใดในการบุกโจมตีเลยมิใช่หรือ?
จุดประสงค์ของคนที่อยู่เบื้องหลังชายชุดดำเหล่านี้แท้จริงแล้วคืออันใดกันแน่?
หลินเมิ่งหวันรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง นางมิคิดว่าเรื่องมันจะลงเอยง่ายดายเยี่ยงนี้ แต่ทว่านางก็มิอาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดใดขึ้นอีกต่อไป
“ฟิ้ว......”
“ฟิ้ว......”
“ฟิ้ว......”
เสียงอาวุธมีคมเจาะทะลุผ่านอากาศมาอย่างฉับพลัน หลินเมิ่งหวันหันมองดูฝนธนูที่บินมาทั่วทุกสารทิศ
“ระวัง!”
นางแผดเสียงร้องด้วยความตกใจ พลางถลาเข้าโอบกอดฉู่โม่หยวนไว้ด้วยสัญชาตญาณเพื่อกำบังเขาไว้
ในใจฉู่โม่หยวนกลับหยุดชะงักไปในบัดดล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก