ตกดึก รถม้าหรูหราหลายคันได้มุ่งหน้าตรงเข้ามาทางเมืองหลวง
ในรถม้านั้นหลินเมิ่งหวันกำลังเอนกายอยู่บนเบาะนุ่มอย่างสบายใจ และสนทนากับฉู่โม่หยวนว่าอีกประเดี๋ยวจะไปรับประทานอาหารที่ใดกัน
ฉู่โม่หยวนมองไปทางหลินเมิ่งหวัน เมื่อได้ยินรายการอาหารที่นางอยากกินเขาก็รู้สึกขำอยู่ในใจ แต่ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความเสน่หา
“จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ท่านคงมิได้กำลังคิดว่าข้าเป็นพวกตะกละตะกลามใช่หรือไม่?” หลินเมิ่งหวันเงยหน้าขึ้นมองฉู่โม่หยวนแล้วเอ่ยถาม ฉู่โม่หยวนที่ถูกเอ่ยถามดังนั้นรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
รอยยิ้มอันอ่อนโยนของฉู่โม่หยวนกล่าวขึ้นว่า “ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้าชื่นชอบอาหารเลิศรส ดังนั้นจึงได้จ้างให้พ่อครัวหลวงขึ้นชื่อสามคนคอยรับใช้อยู่ในจวน”
ในใจของหลินเมิ่งหวันราวกับมีกระแสน้ำอุ่นไหลผ่าน ฉู่โม่หยวนกุมมือของนางอันอ่อนนุ่มแล้วกล่าวด้วยความจริงใจว่า “เมิ่งหวัน บัดนี้เจ้าได้แสดงความสามารถของตนในเทศกาลดอกไม้ออกมาอย่างโดดเด่น นับแต่มีจะมิมีผู้ใดกล้าดูถูกเจ้าอีกต่อไป สู้ให้ข้าไปกราบทูลเสด็จพ่อให้ทรงเลื่อนงานวันแต่งงานของเราให้เร็วขึ้นดีหรือไม่ เช่นนี้เจ้าจะได้ลิ้มรสฝีมือของพ่อครัวทั้งสามอันเลี่ยงชื่อในเร็ววัน”
หัวใจของหลินเมิ่งหวันเต้นโครมคราม นางมองไปยังฉู่โม่หยวนอย่างคาดมิคิดและตื่นเต้น แต่พบว่าสีหน้าของฉู่โม่หยวนเปลี่ยนไปในทันที
หลินเมิ่งหวันชะงักลง ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากถาม ก็พบเสียงฝีเท้าของม้าดังขึ้นรัว
“หมอบลง!”
น้ำเสียงของฉู่โม่หยวนดูหนักอึ้ง ฝ่ามือข้างหนึ่งเข้ามาป้องกันศีรษะของหลินเมิ่งหวันเอาไว้ อีกข้างหนึ่งชักดาบบริเวณเอวที่แขวนเอาไว้ออกมา
วินาทีถัดมาก็ได้ยินเสียงดัง “ปัง!” ล้อของรถม้าถูกไม้เข้ามาขัดเอาไว้
ล้อรถติดชะงักลง รถม้าจึงเกิดการสั่นสะเทือนเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง
ม้าส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ จากนั้นยกขาหน้าขึ้นสูง แรงกระแทกนั้นทำให้คนที่อยู่ภายในต้องตกตะลึง หลินเมิ่งหวันจับผนังรถม้าด้านในเอาไว้แน่น เพื่อมิให้ร่างกายโคลงเคลง นางเพิ่มความระมัดระวังขึ้น
เมื่อชาติก่อนหลินเมิ่งหวันมิเคยร่วมเทศกาลดอกไม้มาก่อน แต่นางก็มิเคยได้ยินว่ามีใครถูกลอบทำร้ายในเขตชานเมืองหลวง
สถานการณ์ในบัดนี้ พวกเขามุ่งจุดประสงค์มาที่ฉู่โม่หยวนหรือที่นางกันแน่?
มิมีเวลาให้หลินเมิ่งหวันครุ่นคิดไปมากนัก สายลมแรงพัดผ่านเข้ามาในหู จากนั้นก็มีมีดหลายเล่มปักเข้าสู่ในรถม้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก