ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 42

หลินเมิ่งหวันเติบโตมาเป็นหญิงงาม เพียงแต่ก่อนหน้านี้นางไม่เคยใส่ใจเรื่องการแต่งตัวเลย ตอนนี้เมื่อนางแต่งกายอย่างงดงามเลิศหรู หลินฮูหยินใหญ่จึงอดประหลาดใจไม่ได้ เห็นแล้วก็นึกภูมิใจและมีความสุขมาก

หลินเมิ่งหวันยิ้มนิดหนึ่งและถามกลับโดยที่ไม่ได้ตอบคำถามว่า “ท่านย่าดีใจที่เห็นเมิ่งหวันแต่งกายแบบนี้หรือเจ้าคะ”

หลินฮูหยินใหญ่พยักหน้าทันที

หลินเมิ่งหวันยิ้มและเอ่ยว่า “ท่านย่าชอบก็ดีแล้วเจ้าค่ะ เมิ่งหวันเพียงแค่อยากจะทำให้ท่านย่ามีความสุขขึ้นบ้าง”

นางคล้องแขนของหลินฮูหยินใหญ่ “เมื่อคืนเมิ่งหวันคิดหนักมาก ท่านย่า เมื่อก่อนเมิ่งหวันอาจทำให้ทุกคนมองเมิ่งหวันในแง่ที่ไม่ดีนัก แม้แต่ท่านพ่อก็ไม่เคยไว้ใจเมิ่งหวัน แต่เมิ่งหวันไม่อยากให้ใครดูถูกแล้วเจ้าค่ะ”

“แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะบอกอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังสร้างความประทับใจแรกเห็นให้กับผู้คนได้เสมอ ต่อไปเมิ่งหวันก็เลยจะแต่งกายให้ดีขึ้นเจ้าค่ะ”

ในชาติก่อนหลินเมิ่งหวันไม่ได้สนใจความคิดเห็นของคนอื่น นางแค่อยากจะมีความสุข แต่ความเป็นจริงบอกนางว่าการนินทาใส่ร้ายนั้นร้ายยิ่งกว่าคมดาบ นางจะปล่อยเลยไปไม่ได้

ในชีวิตใหม่นี้ นางจะไม่ยอมให้ใครมาใส่ร้ายอีกต่อไป

หลินฮูหยินใหญ่พยักหน้าเห็นด้วย “ถูกต้อง เป็นสตรีต้องไม่ทำให้ตนเองลำบากเพราะเรื่องของอาภรณ์เครื่องประดับ”

นางเงยหน้ามองจางซื่อ “เมื่อวานที่ให้พวกเจ้าไปซื้อเสื้อผ้ากับเครื่องประดับน่ะ ซื้อเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่”

“ซื้อทั้งหมดมาแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่...” จางซื่อหยุดไปนิดหนึ่งก่อนจะหันไปมองสวีซื่อ

ทันใดนั้นสวีซื่อก็กระสับกระส่ายขึ้นมาเล็กน้อย

หลินฮูหยินใหญ่ขมวดคิ้วและถามว่า “มีอะไรหรือ”

จางซื่อยิ้มเล็กน้อยและบอกว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่ตอนที่ไปซื้อเสื้อผ้าเมื่อวานนี้...”

จางซื่อหยุดไปนิดหนึ่ง จากนั้นจึงเหลือบมองสวีซื่อก่อนจะบอกว่า “ที่ร้านอาภรณ์สำเร็จรูปไม่มีชุดที่เหมาะกับจื่อยวนเลย ดังนั้นจึงไม่ได้ซื้อมาให้นาง น้องสะใภ้รองบอกว่าจื่อยวนมีชุดที่เหมาะแล้ว ลูกสะใภ้ไม่ต้องเป็นห่วง คิดว่าน้องสะใภ้รองคงจะเตรียมพร้อมไว้ให้จื่อยวน”

ทันใดนั้นขอบตาของหลินจื่อยวนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ นางพยายามก้มหน้าเพราะไม่อยากให้ใครเห็นความผิดปกติของนาง

ที่เกิดขึ้นเมื่อวานใช่ว่าร้านเสื้อผ้าจะไม่มีเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับนางเสียที่ไหน เป็นเพราะชุดที่หลินซิงโหรวชอบมีราคาแพงมาก แต่เงินกองกลางนั้นมีจำกัด ดังนั้นสวีซื่อจึงแบ่งส่วนของหลินจื่อยวนไปจ่ายส่วนของหลินซิงโหรว

หลินจื่อยวนเป็นเพียงบุตรสาวของอนุภรรยา ดังนั้นนางจึงได้แต่กัดฟันกล้ำกลืนฝืนทน แม้ว่าจางซื่อจะมีอำนาจในการดูแลเรือน แต่นางก็มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวกับบ้านสอง มันไม่คุ้มที่จะออกหน้าเพื่อหลินจื่อยวน ดังนั้นเมื่อวานจางซื่อจึงไม่พูดอะไร

แต่เมื่อหลินฮูหยินใหญ่ถามขึ้นมาในวันนี้ จางซื่อย่อมจะไม่ปิดบัง

ถ้านางไม่พูดแล้วเกิดความผิดพลาดขึ้นกับหลินจื่อยวนในการงานแข่งขันโปโล นางจะต้องเป็นหนังหน้าไฟแทนสวีซื่อ

หลินฮูหยินใหญ่ขมวดคิ้วหันไปมองสวีซื่อ “เหตุใดจึงไม่มีเสื้อผ้าที่เหมาะสมงั้นหรือ”

สวีซื่อยิ้มอย่างตื่นตระหนกและบอกว่า “เพราะเวลากระชั้นชิดมิใช่หรือเจ้าคะ แม้ว่าที่ร้านอาภรณ์สำเร็จรูปจะมีอาภรณ์ที่ตัดไว้พร้อม แต่ถึงอย่างนั้นขนาดก็ไม่ใช่ว่าจะพอเหมาะ จื่อยวนผอมบางเช่นนี้จึงไม่ใช่ว่าจะหาซื้อได้ง่ายๆ”

“จื่อยวน เจ้าบอกไปสิว่าเป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่” สวีซื่อหันไปมองหลินจื่อยวน

หลินจื่อยวนบีบมือตัวเองไว้แน่น นางกัดริมฝีปากและแทบจะร้องไห้ออกมาอย่างทนไม่ไหว

เห็นได้ชัดว่ามีชุดกระโปรงที่พอเหมาะพอดีกับนาง!

นางชอบชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อนนั่นและสวมใส่ได้พอดีตัวมาก!

หลินจื่อยวนรู้สึกโกรธและเต็มไปด้วยความน้อยใจ

แต่นางเป็นเพียงบุตรีของอนุภรรยาซึ่งไม่เป็นที่โปรดปราน ต้องพึ่งพาอาศัยสวีซื่อเพื่อความอยู่รอด นางจะกล้าท้าทายสวีซื่อได้อย่างไร

“เจ้าค่ะ” หลินจื่อยวนกลั้นน้ำตาและก้มหน้าตอบ

หลินฮูหยินใหญ่ขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม “ถ้าร้านนั้นไม่มี ก็เปลี่ยนไปร้านอื่นมิได้รึ ในเมืองหลวงมีร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปอยู่ตั้งมากมาย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก