หลี่จิ่นซูจ้องมองหลินเมิ่งหวันตาไม่กะพริบ ภายในใจเกิดสั่นไหวขึ้นมา
เขารู้ว่าหลินเมิ่งหวันเก่งกาจมาแต่ไหนแต่ไร ในชาติก่อนเขารังเกียจหลินเมิ่งหวันมากและรู้สึกว่านางกำแหงอวดดี หยาบคายน่าเกลียด ไม่มีลักษณะของสตรีที่อบอุ่นอ่อนโยนเลย
แต่ขณะที่เขามองหลินเมิ่งหวันเวลานี้ เขารู้สึกว่านางสดใสมีเสน่ห์ ไม่เย่อหยิ่งแต่ก็ไม่ได้ถ่อมตน!
นางเกิดมาเป็นธิดาแห่งสวรรค์ ควรจะมีเกียรติสูงส่งและหยิ่งทะนง ไม่ควรจะถูกใครเหยียดหยามง่ายๆ!
หัวใจของหลี่จิ่นซูเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
เขาแทบรอไม่ไหวที่จะดึงหลินเมิ่งหวันเข้ามากอด เขาอยากบอกหลินเมิ่งหวันว่าเขารักนางมากเหลือเกิน! เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้นและยอมทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่เคียงคู่กับนาง!
หลี่เล่อหย่ารู้สึกสั่นสะท้านอยู่ในใจ คิดไม่ถึงว่าหลินเมิ่งหวันจะทำให้นางตกใจกลัวเช่นนี้
“เกิดอะไรขึ้นหรือ”
น้ำเสียงอันเย็นใสดังเข้าสู่โสตประสาท หลินเมิ่งหวันหันกลับไปมองและเห็นฉินฉู่อี้ซึ่งสวมชุดคลุมตัวยาวสีม่วงเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายสองสามคน
ฉินฉู่อี้มีรูปร่างหน้าตาโดดเด่น แค่มองปราดเดียวหลินเมิ่งหวันก็เห็นเขาทันที
นางนึกดีใจและรีบวิ่งเข้าไปหา “ท่านพี่สาม ท่านก็มาด้วยหรือเจ้าคะ”
ฉินฉู่อี้พยักหน้ารับ เขากวาดตามองผู้ที่มารายล้อมกัน เมื่อเห็นหลี่จิ่นซูเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยจนยากจะสังเกต
ทว่าสีหน้าของฉินฉู่อี้ก็กลับมาเป็นปกติทันที เขาหลุบตามองหลินเมิ่งหวันและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ”
หลินเมิ่งหวันบอกว่า “ท่านพี่สาม เมื่อครู่นี้คุณหนูหลี่เกือบจะตกลงไป ข้าช่วยนางไว้ แต่คุณหนูหลี่กลับใส่ร้ายว่าข้าผลักนางทั้งยังคิดจะตบข้า แน่นอนว่าข้าไม่ยอมให้นางรังแก ดังนั้นตอนที่นางจะโผมาตบข้า ข้าจึงพลิกฝ่ามือผลักนางออกไป คุณหนูหลี่ยืนไม่มั่นคงและล้มลงไป ตอนนี้คิดจะหาเรื่องจับข้าไปที่ศาลาว่าการจิงจ้าว”
“ท่านพี่สาม ท่านคิดว่าตามกฎหมายของแคว้นตงเยว่ คุณหนูหลี่ใส่ร้ายข้าทั้งยังคิดจะใช้กฎหมู่ลงโทษอย่างผิด แบบนี้ควรจะลงโทษใช่หรือไม่เจ้าคะ”
หลินเมิ่งหวันเงยหน้ามองฉินฉู่อี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
เมื่อได้ยินว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหลี่จิ่นซู ฉินฉู่อี้จึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ทว่าบนสีหน้าของเขาไม่ได้แสดงอาการใดๆ ให้เห็น
เขาเอ่ยด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยว่า “การใส่ร้ายผู้อื่นมีผลทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ตามสถานการณ์แล้วจะต้องโทษจำคุกเจ็ดวัน หากเป็นเรื่องร้ายแรงการลงโทษก็จะรุนแรงขึ้น การใช้กฎหมู่ลงโทษก็นับเป็นการทำร้ายโดยเจตนา บทลงโทษต้องดูความรุนแรงของอาการบาดเจ็บด้วย”
เขามองหลินเมิ่งหวันตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างละเอียด หลินเมิ่งหวันอ่านความคิดของฉินฉู่อี้ออก นางแย้มยิ้มและบอกว่า “ท่านพี่สามไม่ต้องห่วง นางรังแกข้าไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”
นางแต่งกายอย่างสดใสมีเสน่ห์ดึงดูดอยู่แล้ว เมื่อยิ้มแบบนี้ก็ยิ่งเหมือนแสงอาทิตย์อบอุ่นที่ส่องผ่านเข้ามาในหัวใจของผู้คน ทำให้ภายในใจผู้คนเกิดความอบอุ่น
ฉินฉู่อี้ถอนหายใจอย่างโล่งอกและเอ่ยต่ออีกว่า “เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บ และการผลักคุณหนูหลี่ก็เป็นเรื่องของการป้องกันตัว ทั้งสองคนไม่มีใครละเมิดกฎหมายทั้งนั้น”
หลินเมิ่งหวันเบะปากด้วยความไม่พอใจ “แต่ข้าได้รับบาดเจ็บนะ”
“บาดเจ็บตรงไหนรึ” ฉินฉู่อี้นึกกังวลขึ้นมาและมองหลินเมิ่งหวันอย่างเป็นห่วง
หลินเมิ่งหวันเบะปาก นางยกมือขึ้นทาบหน้าอกตนเองและเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ็บที่ใจ”
ฉินฉู่อี้ “...”
“พรวด... ฮ่าๆๆๆ...”
มีเสียงหัวเราะพรวดดังมาจากกลุ่มคน ผู้ที่อยู่ข้างกายฉินฉู่อี้ก็อดปิดปากแอบหัวเราะไม่ได้
หลินเมิ่งหวันหันไปมองและเห็นชายในชุดสีน้ำเงินกำลังหัวเราะตบแข้งตบขา
เมื่อหลินเมิ่งหวันจ้องมอง เขาจึงฝืนหยุดหัวเราะและยกนิ้วให้หลินเมิ่งหวัน “คุณหนูหลินช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
หลินเมิ่งหวันเหลือบมองเขาอย่างสงสัย ทั้งยังเอ่ยอย่างน่าสงสารว่า “ข้าเจ็บที่ใจจริงๆ วันนี้ผู้คนมากมายมาอยู่ที่นี่ คุณหนูหลี่ใส่ร้ายข้า ถ้ามีคนเชื่อคำพูดของนาง ต่อให้ข้ากระโดดลงแม่น้ำฮวงโหก็ล้างตัวเองให้บริสุทธิ์ไม่ได้มิใช่หรือ”
นางหันไปมองฉินฉู่อี้ “ท่านพี่สาม ใช้กฎหมายจัดการเรื่องนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก