นัยน์ตาของแม่นางอู๋เป็นประกายเล็กน้อย นางมองหลินเมิ่งหวันอย่างจริงจังขึ้นกว่าเดิม เมื่อเห็นดวงตาที่วาวใสและตรงไปตรงมา ภายในใจก็นึกชื่นชมยิ่งกว่าเดิม
แม่นางอู๋เอ่ยยิ้มๆ ว่า “เจ้าเป็นเด็กที่ตรงไปตรงมาดี แต่ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเพราะเจตนาที่เห็นแก่ตัวหรือไม่ สิ่งที่เจ้าช่วยข้าไว้ก็เป็นเรื่องจริง และข้าก็ควรจะขอบคุณเจ้า”
“เจ้าวางใจเถิด เรื่องวันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพี่ชายของเจ้า เวลานี้จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยกำลังสืบสวน เซียงอ๋องซื่อจื่อตกจากหลังม้าเพราะสนามแข่งโปโลทำความสะอาดไว้ไม่เรียบร้อย และที่ใต้กีบม้าก็มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ด้วย”
หลินเมิ่งหวันชะงัก “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยกำลังสืบสวนอยู่หรือเจ้าคะ”
มิน่าเล่านางจึงไม่เห็นฉู่โม่หยวนเลย นางคิดว่าฉู่โม่หยวนโกรธเสียอีก
หลินเมิ่งหวันถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว และมุมปากของนางก็แย้มขึ้นเล็กน้อย
แม่นางอู๋ย่อมรู้อยู่แล้วว่าหลินเมิ่งหวันมีสัญญาหมั้นหมายกับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ปฏิกิริยาของหลินเมิ่งหวันอยู่ในสายตาของนางตลอด นางยิ้มและเอ่ยว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทรงให้ความสำคัญกับเจ้า”
แก้มของหลินเมิ่งหวันอุ่นขึ้นเล็กน้อยและมีร่องรอยสีแดงให้เห็นรางๆ
แม่นางอู๋ลดเสียงลงและกล่าวว่า “เรื่องที่เซียงอ๋องซื่อจื่อถูกวางยาพิษเป็นเรื่องที่มีหลายสิ่งมาพัวพัน ดังนั้นโปรดอย่าเผยแพร่ออกไปอีกเลย”
หลินเมิ่งหวันพยักหน้า “แม่นางอู๋วางใจได้เจ้าค่ะ เมิ่งหวันเข้าใจดี”
ในชาติที่แล้วหลินเมิ่งหวันไม่รู้เรื่องการวางยาพิษฉีเยี่ยน ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องในชาตินี้กับชาติก่อนแตกต่างกัน เรื่องนี้ก็คงถูกทำให้เงียบไปแล้ว
แม่นางอู๋ยิ่งชื่นชมหลินเมิ่งหวันมากขึ้นเรื่อยๆ นางตบมือนางเบาๆ อีกครั้งและบอกว่า “ข้ายังมีเรื่องที่ต้องจัดการ ต้องขออภัยด้วยที่ต้องขอตัวไปก่อน ไว้ข้าไปเยี่ยมเยียนเพื่อขอบคุณเจ้าเมื่อใด เราค่อยคุยกันอีกครั้งนะ เวลานี้ข้าเตรียมห้องไว้ให้เจ้าแล้ว เจ้าไปพักผ่อนสักพักก่อนเถิด”
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยได้ยินคำเล่าลือเกี่ยวกับหลินเมิ่งหวันมามากมาย แต่เมื่อได้พบเจอนางวันนี้ แม่นางอู๋กลับรู้สึกชื่นชอบนางมากจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ข้าไปส่งแม่นางอู๋นะเจ้าคะ”
หลินเมิ่งหวันพยักหน้าอีกครั้ง และเดินไปส่งแม่นางอู๋ที่ประตูด้วยตัวเอง
เซียงอ๋องซื่อจื่อถูกวางยาและตกจากหลังม้าเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน
ทุกคนที่มาร่วมงานแข่งขันโปโลวันนี้ล้วนตกเป็นผู้ต้องสงสัย ก่อนที่การสืบสวนจะกระจ่าง ทุกคนจึงยังกลับไปไม่ได้
ในฐานะผู้จัดงานแข่งขันโปโลคราวนี้ แม่นางอู๋จึงต้องมีงานยุ่งเป็นธรรมดา
แค่นางตั้งใจมาขอบคุณหลินเมิ่งหวันด้วยตัวเองแบบนี้ก็นับว่านางสุภาพมากๆ แล้ว
หลินเมิ่งหวันเข้าใจถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ดี ดังนั้นนางจึงไม่คิดจะก่อปัญหาเพิ่มตอนนี้
หลังจากเดินไปส่งแม่นางอู๋แล้ว คนรับใช้ก็นำหลินเมิ่งหวันไปที่ห้องรับรอ
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีคนใช้เข้ามาเชิญนาง บอกว่าเซียงอ๋องซื่อจื่อดื่มยาไปแล้วและฟื้นคืนสติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จึงอยากเชิญหลินเมิ่งหวันไปตรวจชีพจรให้เขา
หลินเมิ่งหวันไม่คิดจะปฏิเสธอยู่แล้ว นางไปที่ห้องของฉีเยี่ยนและพบว่าตอนนี้หมอช่วยทำแผลให้ฉีเยี่ยนเรียบร้อยแล้วและดามแขนเขาไว้จนมั่นคง
ดูเหมือนฉีเยี่ยนจะได้รับบาดเจ็บที่กระดูก
หลินเมิ่งหวันจับชีพจรให้ฉีเยี่ยนแล้วดึงมือกลับ “ซื่อจื่อเตี้ยนเซี่ยไม่ได้ถูกวางพิษเข้มข้นมาก ทั้งยังดื่มยาทันเวลา แค่พักผ่อนสักระยะหนึ่งเดี๋ยวก็หายดี”
ฉีเยี่ยนมองหลินเมิ่งหวันและยิ้มน้อยๆ “น้องเมิ่งหวัน เจ้าจำข้าไม่ได้เหรอ”
หลินเมิ่งหวัน “??”
ฉีเยี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนจะจำไม่ได้จริงๆ ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ตอนนั้นเจ้าเพิ่งจะสองขวบเองนี่นะ”
“ซื่อจื่อเตี้ยนเซี่ยอยากจะพูดอะไรหรือเจ้าคะ” หลินเมิ่งหวันขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฉีเยี่ยนมองนางอย่างขบขัน “เจ้าคงไม่ได้คิดว่าข้าเป็นพวกเสเพลชอบลวนลามผู้หญิงหรอกนะ อย่ากังวลไปเลย ตอนเจ้าเด็กๆ ข้ายังเคยอุ้มเจ้าด้วยซ้ำ นอกจากนั้น...”
ฉีเยี่ยนหัวเราะและไม่ได้พูดอะไรอีก
แม้ว่าหลินเมิ่งหวันจะลืม แต่ฉีเยี่ยนยังจำได้ชัดเจนว่าตอนที่เขายังเด็ก เขาเคยบอกว่าเมื่อโตขึ้น เขาจะแต่งงานรับหลินเมิ่งหวันเป็นภรรยา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก