ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 78

หลินเมิ่งหวันผลักมือของฉู่โม่หยวนออก มองหลินเป้ยเหยาด้วยสายตาที่เย็นชา “ไม่มีใครคิดจะขู่เข็ญพวกเจ้าให้ตาย แต่ถ้าพวกเจ้ากล้ารนหาที่ตาย ข้าจะไม่เกรงใจแน่นอน”

หลินเป้ยเหยาใจสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่และไม่กล้าสบตาหลินเมิ่งหวัน

หลินเมิ่งหวันเงยหน้ามองฉู่โม่หยวนที่อยู่ข้างกาย “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย สำนักตรวจการก็มีหมอนี่เพคะ”

ฉู่โม่หยวนพยักหน้าอย่างเข้าใจความหมายของหลินเมิ่งหวัน “เสวียนยี พาตัวนางกลับไป”

เมื่อที่สำนักตรวจการมีหมออยู่ด้วย การสอบสวนจึงยังดำเนินการต่อไปได้

เสวียนยีรับคำสั่งและก้าวไปข้างหน้า หลินเป้ยเหยากรีดร้องคอยปกป้องอยู่ตรงหน้าหลี่อี๋เหนียง พร้อมกันนั้นก็ร้องขอให้หลินซ่างซูช่วยเหลือไม่หยุด

หลินซ่างซูมองหลินเมิ่งหวันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “หลินเมิ่งหวัน ในสายตาของเจ้ายังมีพ่ออย่างข้าอยู่หรือไม่! ตอนนี้เจ้ายังไม่ได้แต่งงานเข้าจวนจิ่งอ๋อง แต่กลับคิดจะใช้ฐานะของจิ่งหวังเฟยมากดขี่ผู้อื่นรึ! พ่อจะบอกเจ้าให้ ว่าในจวนแห่งนี้ เจ้าไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจ!”

“จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย เรื่องนี้กระหม่อมจะจัดการเองพ่ะย่ะค่ะ ขอจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทรงอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยว”

หลินซ่างซูระงับโทสะและคำนับฉู่โม่หยวนอีกครั้ง ทว่าน้ำเสียงของเขากลับแข็งกร้าวและเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง

แม้ว่าจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยจะเป็นองค์ชาย แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจของครอบครัวขุนนาง

หลินเมิ่งหวันมองหลินซ่างซูอย่างผิดหวังก่อนจะหัวเราะเยาะ “เฮอะๆ ท่านพ่อ ท่านคิดว่าเกียรติของท่านสำคัญกว่าชีวิตของท่านย่าอย่างนั้นสินะ”

“หุบปาก!” อยู่ๆ หลินซ่างซูก็ถูกอ่านใจออกและแก้มของเขาก็ร้อนผ่าว เขากัดฟันกรอด พยายามควบคุมความโกรธขณะมองหลินเมิ่งหวันและกล่าวว่า “เรื่องนี้ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด เจ้าจำเป็นจะต้องทำให้เรื่องมันแย่ลงด้วยรึ”

“ฮูหยินใหญ่ฟื้นแล้วเจ้าค่ะ!”

เสียงอันน่าตกใจดังขึ้นมา หลินเมิ่งหวันดีใจมาก นางไม่สนใจผู้คนที่อยู่ในโถงด้านนอกและรีบยกกระโปรงวิ่งเข้าไปในห้องทันที

ภายใต้แสงไฟสลัว หลินฮูหยินใหญ่กำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรง

สีหน้าของนางเหลืองซีด นัยน์ตาที่ดูฉลาดลุ่มลึกอยู่เสมอหม่นแสงลงไปมากจนมองเห็นความอ่อนแอได้อย่างง่ายดาย

“ท่านย่า...” ทันทีที่เอ่ยปาก น้ำตาของหลินเมิ่งหวันก็ไหลออกมาทันที

หลินฮูหยินใหญ่มองหลินเมิ่งหวันอย่างทุกข์ใจ นางเอื้อมมือออกไปหา และหลินเมิ่งหวันก็คว้ามือของนางไว้ทันที ฝ่ายหลังพยายามแย้มมุมปาก อยากจะยิ้มเพื่อปลอบประโลมหลินเมิ่งหวัน

“เด็กดี ย่าไม่เป็นไร...”

น้ำเสียงที่อ่อนแรงดังเข้ามาในโสตประสาท หลินเมิ่งหวันมองท่าทีที่อ่อนแรงของหลินฮูหยินใหญ่และยิ่งทุกข์ใจมากขึ้นเรื่อยๆ น้ำตาพลันไหลออกมาหนักยิ่งกว่าเดิม

ผู้คนในโถงด้านหน้าเดินตามเข้ามา กู่เยว่หานรีบก้าวเข้ามาตรวจชีพจรให้หลินฮูหยินใหญ่

ทันใดนั้นกู่เยว่หานก็บอกว่า “ฮูหยินใหญ่พ้นขีดอันตรายแล้ว”

คำพูดประโยคนี้ทำให้ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก

กู่เยว่หานบอกต่อไปว่า “ฮูหยินใหญ่อายุมากแล้ว คราวนี้ร่างกายทรุดโทรมอย่างรุนแรง ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะฟื้นตัวเต็มที่ ช่วงนี้ฮูหยินใหญ่ต้องอย่าออกแรงมากและต้องพักผ่อนให้เพียงพอด้วย”

ทุกคนพากันพยักหน้า จากนั้นกู่เยว่หานจึงกล่าวอีกว่า “ฮูหยินใหญ่ยังจำเป็นต้องพักผ่อนให้มาก ทุกคนแยกย้ายกันไปก่อนเถิด ถ้ามีอะไรค่อยคุยกันวันหลัง วันนี้ข้าจะฝังเข็มให้ฮูหยินใหญ่อีกครั้ง”

ทุกคนรู้ว่ากู่เยว่หานเป็นหมอเทวดา ดังนั้นจึงไม่มีใครสงสัยในคำพูดของเขา ด้วยเหตุนี้หลังจากทำความเคารพหลินฮูหยินใหญ่ ทุกคนจึงทยอยแยกย้ายกันออกไปจากห้อง เหลือเพียงหลินเมิ่งหวันเท่านั้นที่ยังอยู่ข้างเตียงของหลินฮูหยินใหญ่โดยบอกว่าจะเป็นลูกมือให้กู่เยว่หาน

เมื่อมาถึงโถงด้านหน้า หลินซ่างซูก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น เวลานี้หลินเป้ยเหยากำลังคุกเข่าปิดปากอยู่บนพื้น ส่วนหลี่อี๋เหนียงที่สลบไม่ได้สติกลับหายตัวไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก