หลินเมิ่งหวันกำลังคิดเรื่องของหลี่จิ่นซู
ก่อนนี้หลี่จิ่นซูนำสูตรผงยาแก้โรคลมพิษมา ตอนนี้ยังพูดถึงความนัยของภาพวาดหญ้าภูเขาขึ้นมาอีก ทั้งสองอย่างล้วนไม่ใช่สิ่งที่หลี่จิ่นซูในตอนนี้ควรจะรู้
สิ่งที่หลินเมิ่งหวันคาดเดาอยู่ในใจยิ่งมีเค้าความเป็นไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ
หรือว่าหลี่จิ่นซูในตอนนี้จะเกิดใหม่เหมือนนางจริงๆ
ความคิดนี้ทำให้หลินเมิ่งหวันรู้สึกหนาวไปทั้งกายา แต่ว่าความโกรธและความเกลียดภายในใจก็ยิ่งรุนแรงเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าหลี่จิ่นซูเกิดใหม่เหมือนนางจริงๆ เช่นนั้นนางก็ต้องแก้แค้นและไม่จำเป็นต้องเมตตาปรานีเขา!
ฉู่โม่หยวนจัดการกิจของทางการโดยเร็วที่สุด จากนั้นจึงไปส่งหลินเมิ่งหวันที่จวนหลินด้วยตัวเอง
ทันทีที่หลินเมิ่งหวันลงจากรถม้า พ่อบ้านก็รีบเข้ามาต้อนรับอย่างด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล “คุณหนูเมิ่งหวัน ใต้เท้ากำลังรอท่านอยู่ที่ห้องตำราขอรับ นายท่านสีหน้าไม่ค่อยดีนัก สั่งให้คุณหนูเข้าไปพบทันทีที่คุณหนูกลับจวนขอรับ”
ทันทีที่สิ้นเสียง พ่อบ้านก็เห็นชายในชุดดำผู้หนึ่งเดินออกมาจากรถม้าของหลินเมิ่งหวัน
พ่อบ้านชะงัก เมื่อจำได้ว่านั่นคือฉู่โม่หยวน เขาก็รีบคุกเข่าคำนับทันที
ฉู่โม่หยวนไม่สนใจพ่อบ้าน เขาเพียงแค่จับมือหลินเมิ่งหวันและเอ่ยว่า “เจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด ข้าจะไปพบใต้เท้าหลินเอง”
“ขอบพระทัยเพคะจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย” หลินเมิ่งหวันคำนับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงกลับไปที่สวนแสงอรุณทันที
ใช้แค่หัวแม่เท้าคิดนางก็รู้แล้วว่าหลินซ่างซูคิดจะเรียกนางไปตำหนิ
แต่หลินเมิ่งหวันไม่ได้กังวลเลยสักนิด เพราะช่วงที่นางอยู่ที่สวนที่ชานเมือง ฉู่โม่หยวนได้เปลี่ยนข้อวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนให้เป็นไปอีกทางหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้ภายนอกกำลังเล่าลือกันว่าหลายปีมานี้หลินเมิ่งหวันไม่ได้สนใจหลี่จิ่นซูเลย แต่เป็นหลี่จิ่นซูที่มาแสดงความรักต่อหลินเมิ่งหวันอยู่ตลอดๆ
หลินเมิ่งหวันไม่ได้สนใจหลี่จิ่นซู แต่เพราะคิดได้ว่าหลี่อี๋เหนียงเป็นอาของหลี่จิ่นซู นางจึงไม่คิดจะฉีกหน้าจวนหลี่เฉิงเซี่ยง
แต่ตอนนี้หลินเมิ่งหวันมีสัญญาหมั้นหมายแล้ว ทว่าหลี่จิ่นซูกลับยังสะกดรอยตามนาง ดังนั้นหลินเมิ่งหวันจึงทนไม่ได้อีกต่อไป วันนี้เลยลงมือกับหลี่จิ่นซู
พอได้ยินข่าวลือนี้ หลินเมิ่งหวันก็แทบจะหัวเราะจนน้ำตาเล็ด
ฐานะทางสังคมของนางนับว่าดีกว่าหลี่จิ่นซู ถ้าหลี่จิ่นซูได้แต่งงานกับนาง เขาก็จะกลายเป็นพวกที่เด็ดดอกฟ้า
ในชาติก่อนหลินเมิ่งหวันมีใจให้หลี่จิ่นซูจนมีหลายคนบอกว่าหลินเมิ่งหวัน “ตาบอด” ดังนั้นหลินเมิ่งหวันจึงเชื่อว่าทุกคนจะต้องเชื่อข้อแก้ต่างของฉู่โม่หยวนแน่นอน
ยิ่งไปกว่าวันนี้หลี่จิ่นซูวิ่งยังตามนางออกมา คนที่หอภาพวาดหนังสือก็เห็นกันทุกคน
เรื่องที่ว่าใครเป็นคนเริ่ม ใครเป็นคนคอยไล่ตาม ทุกคนย่อมพิจารณาเองได้
พ่อบ้านมองหลินเมิ่งหวันที่เดินจากไปด้วยความลำบากใจเพราะไม่รู้ว่าควรจะไปรายงานอย่างไรดี
ฉู่โม่หยวนมองพ่อบ้านและเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “นำทางไป”
ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เฉินเซียงเข้ามาในเรือนเพื่อบอกหลินเมิ่งหวันว่าฉู่โม่หยวนกลับไปจากจวนหลินแล้ว
เดิมทีหลินเมิ่งหวันคิดว่าฉู่โม่หยวนอาจจะมาพบนางอีกครั้งหลังจากไปพบหลินซ่างซู ดังนั้นนางจึงยังไม่รีบไปกินข้าวเย็น คิดว่าถ้าฉู่โม่หยวนมาหา นางกับเขาจะได้กินอาหารเย็นด้วยกัน
เมื่อได้ยินว่าฉู่โม่หยวนกลับไปแล้ว ตอนนี้หลินเมิ่งหวันจึงตรงไปที่สวนสนทันที
นางไปรับประทานอาหารพร้อมกับหลินฮูหยินใหญ่ ทั้งยังบอกหลินฮูหยินใหญ่เป็นนัยๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทั้งนี้ก็เพื่อตัดปัญหาที่หลินฮูหยินใหญ่อาจเป็นกังวลเพราะมีคนมาพูดใส่สีตีไข่ให้ฟัง
หลินฮูหยินใหญ่ได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าซ้ำๆ “เจ้าทำดีมาก! หลี่จิ่นซูช่างไร้ยางอายยิ่งนัก เจ้าเองก็ต้องคำนึงถึงชื่อเสียงด้วย คนแบบนี้ควรจะได้รับบทเรียนเสียบ้าง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก