ภรรยาร้อนรัก นิยาย บท 20

ตอนที่ 19 ฟื้น

ภรรยาเอก อย่างมี่หลินนั้นนอนร้องไห้ตลอดค่ำคืน เมื่อผู้เป็นสามีของนางเข้ามาหานางกลางดึกของเมื่อคืน อีกทั้งยังนำร่างไร้วิญญาณของซีซี สตรีที่นางนั้นรักและหวงแหน เพราะความจริงที่ว่านางเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ร่างบางนอนไร้เรี่ยวแรงอีกทั้งตามเนื้อตัวยังมีบาดแผลที่ถูกทรมานอย่างแสนสาหัส ความแค้นของเขานั้นรุนแรงแทบจะฉีกร่างของนางออกมาเป็นชิ้น ๆ ใบหน้าของเขาช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก มิเคยเห็นเขาเป็นเช่นนี้มาก่อน

มี่หลินมิได้คร่ำครวญร้องขอชีวิตหรือขอโทษสามีที่นางทำผิดไป เพียงแต่นางนั้นยังรับไม่ได้ที่ซีซีได้จากนางไปเร็วขนาดที่นางยังไม่ทันได้ตั้งตัว คำบอกลาก็มิได้เอ่ยบอกกัน ร่ำลากันอย่างที่ควรจะเอ่ยกล่าว ซีซีเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของมี่หลิน ไม่ว่าจะเป็นทั้งยามสุขและยามทุกข์ มักจะมีซ่านซีซีอยู่ด้วยเสมอ

ซ่านซีซีได้จากนางไปแล้ว ให้หลงเหลือแต่ความทรงจำที่ทั้งสองเคยมีไว้เมื่อครั้งหลังให้นึกถึง ร่างบางของมี่หลินนั้นพยายามลุกขึ้นจากเตียงนอน บนที่นอนนั้นมีรอยคราบเลือดอยู่ประปราย เสื้อผ้าของนางก็ขาดวิ่นเพราะถูกแรงเฆี่ยนตีอย่างทารุณ เขายังพอมีเมตตานาง มิให้นางได้ตายในทันที เพียงแต่ความเมตตานี้ช่างทำให้นางนั้นทรมานเหลือเกิน

มือเรียวที่มีรอยบาดแผล พยายามผู้ผ้าทั้งหลายรวมกัน นางลุกขึ้นยืนอย่างสุดแรงกำลัง จากนั้นนางโยนผ้าที่ผูกไว้ห้อยที่ขื่อคาน มือเรียวผู้ปมเป็นเงื่อนเพื่อที่นางจะได้ตามคนรักไป ร่างบางยืนบนเตียงพลางดึงผ้าที่ผูกไว้นางนำเชือกใส่ที่คอหมายจะปริดชีวิตของตนเอง ดวงตาแดงก่ำเพราะความเศร้าโศก ร่างบางของนางกระโดดลงจากเตียงผ้าที่ผูกไว้รัดคอของนางจนแน่น ดวงตาของนางปูดโปน อากาศเริ่มหมดลง สติพลันดับวูบไป

................................................

แดนใต้ จวนท่านแม่ทัพ สามเดือนต่อมา

“เป็นเช่นไรบ้าง นางพอจะฟื้นขึ้นมาได้หรือไม่” เสี่ยวชุน นั่งเฝ้าอาการของสตรีที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับนางเพียงสามส่วน พี่สาวผู้นี้งดงามกว่านางมากนักในสายตาของเสี่ยวชุน นางเป็นห่วงพี่สาวผู้นี้อย่างยิ่ง นางหลับใหลไปนานไม่ฟื้นขึ้นมาเสียที กว่าจะสืบหาให้พบตัวนั้นช่างยากเย็นเสียจริง วันเวลาจากหนึ่งวัน กลายเป็นหนึ่งเดือน และกลายเป็นสามเดือน พี่สาวผู้นี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาพูดคุยกันเช่นเดิม

หน่วยข่าววิหค ทำงานแทบไม่ได้หยุดพัก เมื่อทราบข่าวว่าพี่สาวของฮูหยินท่านแม่ทัพนั้นอยู่ในอันตราย และเร่งสืบหาจากจวนของสามีของนางและได้รู้ว่าทางจวนนั้นก็เร่งเสาะหานางเช่นกัน พวกเขายังสืบได้ถึงตัวบงการของเรื่องทั้งหมดอีกด้วย และเร่งตามหาจากแม่น้ำที่พี่สาวของฮูหยินท่านแม่ทัพตกลงไปในคำบอกเล่า การหาตัวของนางนั้นยากยิ่งนัก

และแม่น้ำสายนี้นั้นเชี่ยวกรากยิ่ง หน่วยข่าวไม่ได้เพียงแค่ส่งข่าว และยังต้องเดินทางอย่างเร่งรีบออกตามหา และดีที่มีสหายของท่านแม่ทัพ ซึ่งเป็นท่านอ๋อง ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับท่านแม่ทัพให้ความช่วยเหลือ งานที่ได้รับมอบหมายจึงได้รุดหน้าไปได้มาก เพราะด้วยกำลังพลที่ออกตามหา มิได้ต่ำกว่าร้อยคน

อีกทั้งยังมีเหล่าชาวบ้านที่ออกเรือหาปลาก็เอ่ยรับปากช่วยเหลือ กระทั่งมาพบนางที่นอนรอรักษาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ห่างจากแม่น้ำไปไม่มาก และคนที่ช่วยนางไว้เป็นชาวเรือที่ออก หาปลา โชคดีของนางที่ไม่ได้ตกลงที่แม่น้ำโดยตรง ร่างของนางนอนแน่นิ่งอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ที่ยื่นออกมาที่แม่น้ำ กิ่งไม่นี้รองรับนางไว้ แต่นางก็ไม่สามารถลืมตาหรือรับรู้อะไรทั้งสิ้น อีกทั้งนางยังถูกพิษและมีบาดแผลหลายแห่ง

“ข้าน้อยเป็นหมอรักษามาหลายปี แต่ก็มิได้เคยพบเหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้ สมุนไพรทั้งหลายก็ดื่มเข้าไป ก็เห็นผลดี แต่ทำไมยังไม่ฟื้นก็น่าแปลกใจเสียจริง” ท่านหมอชรา ของจวนท่านอ๋อง ที่ติดตามมาส่งนางที่แดนใต้ พร้อมด้วยท่านอ๋องที่เดินทางมาด้วยเช่นกัน

“ท่านพี่ ทำอย่างไรดีเจ้าคะ พี่ใหญ่” เสียงหวานที่สั่นเครือเพราะเป็นห่วงพี่สาวที่นอนหมดสติ และไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาสักนิด นางหวาดกลัวว่าจะสูญเสียพี่สาวไป ได้ร่างของนางแต่ไร้ความรู้สึกนางลำบากใจยิ่งนัก ใจหนึ่งก็ยังหวังอีกใจหนึ่งก็หวาดกลัว

ในความฝันของนาง พี่สาวเอาแต่ยิ้มพร้อมยืนคู่กันในชุดสีแดงเหมือนชุดเจ้าสาว ที่นางนั้นยืนอยู่ข้างเกี้ยว แต่น้องสาวผู้นี้ก็มิได้เห็นหน้าว่าที่พี่เขยสักนิด นางมองเห็นเพียงแผ่นหลังหนาใหญ่ของเขาเท่านั้น อีกทั้งดูเหมือนว่าเขาเอาใจใส่พี่สาวของนางเป็นอย่างดี หากแต่ความฝันและตอนนี้ช่างน่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทำไมพี่สาวยังไม่ฟื้นเสียที มัวไปเที่ยวเล่นที่ใดกัน

“เอ่อ ฮูหยินน้อยใจเย็น ๆ ก่อน เปิ่นหวาง ว่านางรับรู้แต่คงต้องใช้เวลาสักระยะ” ผู้สูงศักดิ์ที่มีใบหน้าหล่อเหลา รูปร่างกำยำ ผิวพรรณกร้านแดด เอ่ยอย่างเป็นห่วง เขามองเห็นใบหน้าของเด็กน้อยผู้นี้ ยิ่งมองยิ่งหลงใหล แต่เมื่อได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดก็สงสารจับใจอย่างยิ่ง ชีวิตนางสองคนพี่น้องช่างน่าสงสาร แต่งงานออกเรือนกลับเจอภรรยาเอกที่ร้ายกาจถึงขั้นเอาชีวิตนางและโชคดีที่นางรอดมาได้ มิเช่นนั้นคงได้สมใจภรรยาของจวนนั้นเป็นแน่

ทว่า ท่านอ๋องว่านเฟยเทียนนั้นกลับรู้สึกว่า วันใดวันหนึ่งนางก็ต้องฟื้นขึ้นมา เพราะว่ามีคนนั้นห่วงใยนางมากมายถึงเพียงนี้ “แม่นางเสี่ยวชิง เจ้ารู้หรือไม่ว่า น้องสาวของเจ้าเป็นห่วงมากขนาดไหน ทำไมถึงไม่ฟื้นขึ้นมาเสียที” คำกล่าวเสมือนต่อว่าสตรีที่หลับใหล ไม่ใช่อย่างนั้นทั้งสิ้น เพราะเขาอดที่จะสงสารภรรยารักของสหายของตนเองมิได้ เขายังไม่ได้แต่งงานเพราะไม่มีสตรีที่ถูกใจ

“อาเทียน ขอบคุณมากที่ช่วยเป็นธุระจัดการให้ เมืองหลวงขาดเจ้า คงวุ่นวายน่าดู” แม่ทัพหยางหมิงอัน เอ่ยขอบคุณจากใจจริงที่สหายผู้นี้มิได้ช่วยเหลือเพียงพี่สาวของภรรยา อีกทั้งยังช่วยจัดหาท่านหมอมาดูแลรักษาด้วย ทำให้ภรรยารักของเขานั้นใจชื้นขึ้นมามาก และคงต้องรอเวลาให้พี่สาวของภรรยาฟื้นขึ้นมา จะได้ถามเรื่องราวทั้งหมดว่าเป็นเช่นไร

หยางหมิงอัน มิยอมให้ผู้อื่นมาทำร้ายครอบครัวเด็ดขาด ถึงเป็นพี่สาวของภรรยาก็ตามก็นับว่านางคือญาติสนิทเพียงคนเดียวของภรรยา เช่นนี้จะให้เขานั้นเมินเฉยได้เช่นไร และข่าวคราวของจวนนั้นก็ดูเหมือนจะวุ่นวายกันอยู่พักใหญ่และบัดนี้จวนนั้นก็จัดงานศพให้ภรรยารองอย่างยิ่งใหญ่ ข่าวคราวถูกส่งมาเป็นระยะ อีกทั้งฮูหยินเอกของจวนตระกูลถงก็ถูกคุมขังอยู่ในเรือน มิมีผู้ใดเห็นหน้าตาของนางอีกเลยนับตั้งแต่วันเกิดเรื่อง เป็นหรือตายมิมีใครรู้

“ข้าก็ว่าอย่างนั้นแหละ หนีเที่ยวมาก็ตั้งหลายเดือน เช่นนั้นวันพรุ่งข้าคงต้องขอกลับไปสะสางงานที่คั่งค้างไว้ แล้วจะกลับมาเยี่ยมใหม่” ท่านอ๋องเฟยเทียนเอ่ยกล่าวกับสหายรัก เพราะเขามายังไม่ทันได้สะสางงานที่คั่งข้างไว้เพียงแต่นี่ก็นานแล้วมิได้กลับจวน และหวั่นเกรงว่า ที่จวนจะวุ่นวายเพราะเขานั้นหนีออกมามิได้เอ่ยบอกกับใคร

ที่จวนนอกวังหลวงเป็นจวนขนาดใหญ่สร้างเพื่อให้สมฐานะท่านอ๋องเพียงผู้เดียวของแค้วน เขาอยู่เช่นสามัญชนคนธรรมดา มิได้ถือยศศักดิ์ให้วุ่นวาย คำพูดกันเมื่ออยู่ในจวนก็เป็นเช่นสามัญชนเช่นกัน บ่าวรับใช้ทั้งหลายจึงได้อยู่อย่างสุขสบายมิได้กังวล หากจะกังวลก็เป็นเรื่องที่ท่านอ๋องผู้นี้มิได้แต่งงานเสียที

โต๊ะรับอาหารยามเย็น

ศาลาชมดอกไม้ที่สวนของจวนท่านแม่ทัพแดนใต้ ภายในศาลานั่นมีโต๊ะตัวใหญ่ ตั้งอยู่ตรงกลางศาลา พร้อมด้วยเก้าอี้นั่งที่บุด้วยผ้ารองนั่งชั้นดี อีกทั้งบนโต๊ะก็มีอาหารหลากหลายอย่าง เป็นอาหารที่เลิศรสยิ่งนัก และแม่ครัวก็เป็นถึงภรรยาของสหายของเขาด้วย

ทั้งสามนั่งรับอาหารกันอย่างเงียบ ๆ อาหารหลากหลายจานก็ถูกคีบเข้าปากจนเกือบหมดจาน ไม่นานสาวใช้ในจวนวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาที่ศาลาแห่งนี้ “ฮูหยิน แม่นางเสี่ยวชิงฟื้นแล้วเจ้าคะ” สาวใช้เอ่ยออกมาด้วยความดีอกดีใจ นางเคยดูแลเสี่ยวชิง ช่วยฮูหยิน และรู้ดีว่า เจ้านายของนางนั้นรักพี่สาวผู้นี้มากขนาดไหน ตะเกียบที่คีบอาหารเพื่อที่จะยื่นใส่ถ้วยให้สามีนั้นหล่นที่พื้นด้วยความตกใจ จากนั้นร่างบางของเสี่ยวชุน เร่งรีบเข้าไปหาพี่สาวผู้นี้อย่างรวดเร็ว บุรุษทั้งสองก็เร่งตามเข้าไปด้วยเช่นกัน

“ไปเรียกท่านหมอมาด้วย เร็ว ๆ” ท่าแม่ทัพเอ่ยสั่งให้ บ่าวรับใช้ไปตามท่านหมอที่มาด้วยกับท่านอ๋อง ซึ่งเขาพักอยู่ที่จวนเล็กด้านหลัง บ่าวรับใช้เร่งรีบตามคำสั่ง

“พี่ใหญ่ ท่านฟื้นแล้ว” บานประตูถูกเปิดคอยฮูหยินของจวน ใบหน้าของนางนั้นอาบไปด้วยน้ำตาของความดีใจ เสียงสะอึกสะอื้นนั่น ทำให้ผู้ฟังอย่างเสี่ยวชิงเบิกตากว้างอย่างตกใจ

“เอ่อ เสี่ยวชุนพี่สบายดี มิได้เป็นอันใด” นางเอ่ยอย่างสงสัย ทำไมน้องสาวถึงได้ร้องไห้เช่นนี้ นางไม่เข้าใจ

“พี่ใหญ่ ท่านหลับไปนาน นานมากข้ากลัวยิ่งนัก” เสี่ยวชุนนั่งลงที่เตียงนอนของพี่สาว มือเรียวของนางจับมือของอีกฝ่ายไว้ ใบหน้าของนางนั้นยิ้มแย้ม ดวงตากลมโตของนางมีแต่น้ำตาที่คลออยู่

“อะไรกัน พี่เพิ่งเข้านอนเมื่อคืน ท่านแม่ยังมาเอ่ยกำชับให้พี่เร่งนอนเสีย วันพรุ่งจะมีงานสำคัญ” เสี่ยวชิงเอ่ยแจ้งแก่น้องสาว นางจำได้อย่างชัดเจนว่า ท่านแม่นั้นเอ่ยให้พวกนางสองคน เข้านอนให้เร็วขึ้น เพราะพรุ่งนี้จะเป็นงานเปิดตัวพวกนางสองคนพี่น้อง และจะมีการประมูลค่ำคืนแรกของพวกนาง

เสี่ยวชุนเมื่อได้ยินก็สงสัยยิ่งนัก พี่สาวของนางจำอะไรไม่ได้ “พี่ใหญ่ ท่านรู้หรือไม่ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน”

“ก็อยู่ที่หอบุหลันไงเล่า เจ้าเล่นอะไรน้องเล็ก” เสี่ยวชิงเอ่ยตอบ แต่เมื่อนางมองดี ๆ ภายในห้องนอนนี้ไม่เหมือนห้องนอนของนางเลย สาวใช้พวกนี้นางก็มิเคยเห็นหน้ามาก่อน “น้องเล็ก ที่นี่ที่ไหนกัน พี่มิคุ้นเคย เราหนีออกมาหรือ” เสี่ยวชิงเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ไม่ใช่พี่ใหญ่ ที่นี่จวนแดนใต้” เสี่ยวชุนเอ่ยแจ้งแก่พี่สาว นางตกใจเพราะพี่สาวจำอะไรไม่ได้เช่นนั้นหรือ หรือจำได้แต่เพียงไม่อยากจะจดจำกันแน่

บุรุษสองคนยืนอยู่ด้านนอกประตู พลางมองใบหน้าที่งดงาม งดงามมากจริง ๆ ดวงตาพยัคฆ์จ้องมองใบหน้าที่ดูเหมือนจะซูบของเสี่ยวชิงอย่างไม่วางตา ท่านอ๋องผู้ที่มิเคยมองสตรีนางใดมาก่อน กลับจ้องมองใบหน้าของนางแทบจะกลืนกินอีกฝ่ายลงท้อง

“จวนแดนใต้ แล้วมาอยู่ได้เช่นไร พี่จำได้ว่า พี่เข้านอนแล้วก็ร้อง โอ๊ย ๆ ปวด หัวเหลือเกิน” มือเรียวจับที่ศีรษะของตนเอง พลางบิดม้วนด้วยความเจ็บปวด ที่เข้ามา ความเจ็บปวดนี้ทำให้นางนั้นทรมานเหลือเกิน หัวใจของนางด้วยเช่นกัน ดวงตากลมโตที่เหมือนน้องสาวนั้นมีน้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมา

“พี่ใหญ่ ไม่ต้องนึกแล้ว พอแล้วน้องไม่ถาม ไม่ถามแล้ว” เสี่ยวชุนร้องไห้ตามพี่สาวเพราะนางปวดทรมาน ร่างหนาของท่านอ๋องนั้นเร่งเข้ามาสกัดจุดที่ศีรษะของเสี่ยวชิงก่อนที่นางจะหลับตา

“ชุนเอ๋อ นางฟื้นแล้วเจ้าก็อย่าเพิ่งกังวลไปเลย นางคงจะจำเรื่องราวไม่ได้ ใจเย็นๆ ก่อนเถิด” ท่านแม่ทัพมาประคองร่างบางของภรรยาที่ดูเหมือนว่านางไร้เรี่ยวแรงที่จะก้าวเดิน ดวงตาของนางนั้นก็มีน้ำตาเอ่อคลอไม่น้อย เขาสงสารภรรยาผู้นี้เหลือเกิน

“ท่านพี่ พี่ใหญ่นางจำอะไรไม่ได้” ร่างบางโผกอดสามี เสียงสะอึกสะอื้นก็ได้ยินอยู่ประปราย

“นางจำอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังจำเจ้าได้ อย่ากังวลเลย” ท่านอ๋องเอ่ยออกมา พลางจับชีพจรของนาง ก็ดูเหมือนจะเต้นสม่ำเสมอกัน เขาพอมีวิชาแพทย์ติดตัวอยู่บ้างไม่มาก เพียงแค่พอรักษาได้ นิ้วเรียวของเขาสกัดจุดที่เดิมเพื่อเป็นการคลายจุด

ท่านหมออีกคนก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา พลางวางล่วมยาที่นำติดตัวมาด้วย สองเท้าของเขานั่งลงที่เก้าอี้ ส่วนท่านอ๋องนั้นยืนอยู่ปลายเตียงนอน เมื่อเสี่ยวชิงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็มองเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขา นางเพียงแค่มองดูมิได้เอ่ยสิ่งใดออกมา มิรู้ได้ว่าบุรุษผู้นี้คือใครกันแน่

“น้องเล็ก พี่ เอ่อ พี่ขอโทษที่ทำให้เจ้าร้องไห้” พี่สาวผู้นี้มิเคยทำให้น้องสาวเสียใจและร้องไห้มาก่อน พวกนางสองคนพี่น้องตั้งแต่รับรู้ว่าถูกทิ้งอยู่ที่หอคณิกาบุหลัน ก็มิเคยทะเลาะกันหรือกลั่นแกล้งกันเลยและรักกันมาก เช่นนี้แล้วเมื่อพี่สาวเห็นน้ำตาของน้องสาวก็เสียใจและเจ็บปวดเช่นกัน

“พี่ใหญ่ ไม่เป็นไร ข้าผิดเองที่ร้องไห้เสียใจ ท่านจำอะไรไม่ได้ไม่เป็นไร เรื่องไร้สาระนั่นอย่าจำใส่ใจเลย ต่อแต่นี้ท่านคือพี่สาวของข้า มิมีผู้ใดรังแกท่านได้อีกแล้ว”

ตอนหน้ามีเสียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยาร้อนรัก