ตอนที่ 22 เยือนเมืองหลวง
เสี่ยวชิงตัดสินใจเดินทางกลับมาเมืองหลวง แต่นางนั้นเอ่ยจะขอกลับไปพักอยู่ที่หอคณิกาของมารดาบุญธรรม แต่ท่านอ๋องนั้นไม่ยินยอม จึงให้นางนั้นพักอยู่ที่เรือนรับรอง บริเวณเดียวกันกับจวนท่านอ๋อง ร่างบางของเสี่ยวชิงนั้นพอจะก้าวเดินได้ดีขึ้นมามากแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเข้าที่
การเดินทางนั้น ท่านอ๋องเป้นผู้จัดการทั้งหมดเรื่องการเดินทางกระทั่งการกินอยู่หลับนอน เป็นท่านอ๋องดูแลเอาใจใส่นางอย่างดี นี่ขนาดนางยังไม่ได้ตอบตกลงที่จะแต่งงานกับเขา นางเพียงต้องการให้เขานั้นได้ศึกษาดูนิสัยใจคอนางว่าเป็นเช่นไร นางมิอาจจะมีสามีในเวลาเพียงไม่นานได้
ความจำครั้งก่อนเก่าก็มิมีขึ้นมาเลยจนถึงวันนี้ ห้าเดือนแล้ว เสี่ยวชิงนางพักอยู่ที่จวนท่านอ๋องนอกวังหลวง นางอยู่ในเรือนรับรองที่มีสาวใช้หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู อีกทั้งสาวใช้ยังพูดเก่งเสียด้วย จึงทำให้เสี่ยวชิงไม่เหงานักเวลาท่านอ๋องทำงานที่วังหลวง จวานของท่านอ๋องนั้นช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน มีเรือนเล็ก ๆ สำหรับสาวใช้ที่ยังไม่ออกเรือน และมีเรือนเล็ก ๆ สำหรับสาวใช้ที่แต่งงานมีครอบครัวอยู่ด้วย นับว่าท่านอ๋องนั้นเลี้ยงดูบ่าวไพร่ในจวนอย่างดีเยี่ยม
“ถิงถิง วันนี้พี่สาวอยากเดินชมตลาด พาไปได้หรือไม่” เสี่ยวชิงเมื่ออยู่ที่เมืองหลวงนี้ ท่านอ๋องตั้งชื่อให้นางใหม่ เป็น ฟางหรง จะได้คล้องจองกับชื่อของเขาคือ เฟยเทียน ถิงถิง สาวน้อยวัยสิบสามขวบปี ยังไม่ถึงวัยักปิ่นแต่ใบหน้าของนางนั้นช่างน่ารักน่าเอ็นดูที่สุด
“พี่ฟางหรง ข้าน้อยว่าควรของให้ท่านอ๋องพาท่านไปมิดีกว่าหรือ หากใครเห็นใบหน้าที่งดงามของพี่สาว เกรงว่าพวกเขาเหล่านั้นต้องตามท่านมาที่จวนนี้เป็นแน่เจ้าค่ะ” ถิงถิง นั้นมองดูใบหน้าที่งดงามของพี่สาวผู้นี้ครั้งไหนใจของนางล้วนละลายเป็นสายน้ำเลย เพราะพี่สาวผู้นั้นงดงามปานล่มแคว้น อีกทั้งดวงตาของนางนั้นช่างกลมโตดูสดใสเหลือเกิน ปากนั่นก็อวบอิ่มชมพู และอีกอย่างท่านอ๋องเจ้าของจวนนั้นหวงแหนนางมากนัก มิอยากให้นางเดินเหินออกไปไหนโดยที่ไม่มีเขาอยู่ด้วย
“เช่นนั้นหรือ พี่สาวอยากออกไปเดินเล่น แล้วซื้อขนมอย่างพวกผลไม้เชื่อม ถิงถิงชอบกินหรือไม่” เสี่ยวชิงหรือฟางหรงนั้นเอ่ยเอาขนมมาหลอกล่อเด็กน้อยน่ารักผู้นี้ นางรู้ว่าถิงถิงนั้นชอบผลไม้เชื่อมยิ่งนักและนางเองก็ชอบหมือนกัน แต่...ในจวนนั้นผลไม้เชื่อมหมด
“ดีเจ้าค่ะ เช่นนั้นพี่สาวเตรียมตัว ข้าน้อยจะให้ท่านพ่อบ้านนำทางนะเจ้าคะ” ถิงถิงวิ่งหน้าตั้งไปหาพ่อบ้านของจวนว่าน หรือจวนท่านอ๋องที่มิมีใครไม่รู้จักท่านอ๋องที่โหดเหี้ยม อีกทั้งยังมิชมชอบสตรี แต่พระองค์นั้นก็มีจิตใจเมตตาและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
หนึ่งก้านธูป ต่อมา (สิบห้านาที ต่อมา) พ่อบ้านของจวนว่านที่มีรูปร่างใหญ่โต กำยำ จอดรถม้าไว้ที่เหลาอาหารแห่งหนึ่ง นำทางว่าที่ชินหวางเฟยเดินเที่ยวตลาดตามคำกล่าวของดรุณีน้อย ที่เดินเคียงข้างเขา นางส่งเสียงคุยเจื้อยแจ้วเหมือนสกุนาไม่ผิดเพี้ยน ตั้งแต่ออกจากจวนดรุณีน้อยนั้นยังไม่หยุดพูดเสียที สองหูของเขานั้นมีแต่เสียงของนางจนเขาชักจะลำคาญเด็กน้อยน่ารักตัวเล็ก ๆ คนนี้เสียแล้ว เขาพลางถอนหายใจไปหลายเฮือก
“อาถิง หยุดพูดสักประเดี๋ยวไม่ได้หรือ หนวกหูจริง ๆ” พ่อบ้างฉางทำท่าเอ่ยดุ แต่ไม่จริงจังเพียงแค่หยอกล้อเด็ก น้อยให้นางนั้นเบาๆ เสียงลงมาบ้าก็ยังดี ผิดกับว่าที่ชินหวางเฟยทั้งเรียบร้อยอ่อนหวาน และอ่อนโยน นางไม่ค่อยพูดและมักยิ้มแย้มให้บ่าวไพร่ในจวน มิเคยมีบ่นดุด่าบ่าวไพร่ที่ทำผิด นางเพียงแค่พูดคุยเหล่าบ่าวไพร่ทั้งหลายก็รับฟังและปรับปรุงตัวดีขึ้น แต่เขาเป้นพ่อบ้ามานาน เอ่ยกล่าวบอกพวกนั้นอย่างไรก็มิได้รับฟังอีกทั้งบางทียังทำประชดประชันใส่เขาเสียอย่างนั้น
“ท่านลุงฉาง ข้ายังเป็นเด็ก ตัวเล็ก ๆ ท่านช่างกล้าดุข้าเยี่ยงนี้เลยหรือ ข้าจะฟ้องพี่หรง” ถิงถิงมองใบหน้าของผู้สูงวัยที่เอ่ยดุนาง นางยังเป้นเด็กต้องซุกซนและพูดเก่งก็เป็นเรื่องธรรมดา มิให้นางพูดคุยมิสู้หาข้ารับใช้เป็นใบ้ไม่ดีกว่าหรือ ถิงถิงเชิดหน้าขึ้นสูงพลางทำตาเขียวเข้มเล็กน้อยส่งให้ท่านลุงผู้นี้ แล้วนางยังเอ่ยจะฟ้องพี่สาวที่เดินอยู่ข้างหน้า ของนางและท่านลุงฉางผู้นี้ สองเท้าเล็ก ๆ ของนางวิ่งไปข้าหน้าทันทีพลางดึงแขนเสื้อของพี่สาวที่กำลังเดินอย่างเพลิดเพลิน
“มีอะไรหรือ ถิงถิง” ฟางหรงหรือเสี่ยวชิงกำลังผินหน้าถามเด็กน้อย แต่กลับได้ยินเสียงที่นางมิเคยได้ยินเอ่ยเรียก
“เสี่ยวชิง” ถงหยางจงนึกว่าตาฝาดที่เห็นภรรยารัก เดินกับเด็กน้อยคนหนึ่งและมีชายสูงวัยเดินตามหลังเขาไม่แน่ใจ จนกระทั่งนางหันหน้ามาคุยกับเด็กคนนั้น สายตาของเขาและนางสบตากัน เพียงแต่นางมิทันได้มองเขา เขาจึงได้เอ่ยเรียกและนางก็หันมาหาทันที
“เอ่อ ท่านเรียกใครหรือ” ฟางหรง ผินหน้าตามเสียงเรียก และเขาก็ดูท่าทางเหมือว่าดีอกดีใจที่เจอนางเสียอย่างนั้น ‘เขาเป็นใครกัน’ เสี่ยวชิงยังยืนนิ่ง ๆ มองดูใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย แต่เขากลับเรียกชื่อของนางแสดงว่า เขารู้จักนางเช่นนั้นหรือ หรือว่าเขาคือ....
“เสี่ยวชิง เสี่ยวชิงพี่ดีใจเหลือเกินที่เจ้า” ท่าทางดีอกดีใจ กระทั่งหยาดน้ำตาของบุรุษนั้นร่วงหล่นลงมา เสียงร้องไห้ซึ่งความดีใจ เขากำลังจะโอบกอดภรรยารักที่พลัดพรากจากันไปนานนับห้าเดือน ห้าเดือนที่ทรมานเจียนตายเพราะว่านั้นเสียชีวิตจากเขาแล้ว แต่วันนี้กลับได้พบนางอีกครั้งสร้างความตื่นตกใจเป้นอย่างยิ่ง มิคิดว่านางยังมีชีวิตอยู่ สองแขนแกร่งนั้นพลางจะโอบกอดภรรยาของตนเองเข้าแนบอกด้วยความคิดถึง แต่ต้องถูชายสูงวัยเข้ามากั้นกลางระหว่างเขาและนาง
“ขออภัยด้วย นี่คือคู่หมั้นของท่านอ๋อง เกรงว่าท่านทักคนผิดแล้ว” พ่อบ้านฉางเห็นท่าไม่ดี จึงรีบขัดขวางมิอยากให้เรื่องราวบานปลายและต้องรีบพาคู่หมั้นของท่านอ๋องกลับจวนเสีย
“ไม่ผิด นั่นคือเสี่ยวชิง ภรรยาของข้า” ใบหน้าที่มืดคล้ำแปลเปลี่ยนอย่างทันท่วงที ที่ผุ้สูงวัยท่านนี้เอ่ยกล่าวและขัดขวางเขา อีกทั้งยังกล่าวว่าภรรยาของเขานั้นเป็นคู่หมั้นของท่านอ๋องหรือบ้าไปแล้วแน่ ๆ
“หากท่านมิหยุดโป้ปดเห็นทีข้าจะต้องสั่งสอนเจ้าแล้ว” พ่อบ้านฉางแผ่นกลิ่นอายกดดันออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนเด็กน้อยที่พูดไม่หยุด บัดนี้นางเงียบปากสนิทเกาะแขนเสื้ออีกทั้งยังหลบอยู่ด้านหลังของเสี่ยวชิงด้วยท่าทีที่ตื่นตระหนกตกใจกับท่านลุงพ่อบ้านที่เขานั้นเสียงดัง อีกทั้งยังดูน่ากลัวยิ่งนัก นางเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ เท่านั้นจึงหวาดกลัวเช่นนี้
“ท่านลุงปล่อยเขาไปเถิด ข้าชื่อฟางหรง เจ้าค่ะ ท่านมีอะไรสงสัยอีกหรือไม่” ฟางหรงเอ่ยออกไปเช่นนั้นเพราะนางรู้ตัวดี หากเอ่ยกล่าวว่านางคือเสี่ยวชิงเรื่องจะยุ่งยากไปกว่านี้ เพราะดูท่าทางเขาจะไม่ยอมโดยง่ายเป้นแน่ อีกทั้งนางมิอยากจะให้ท่านอ๋องนั้นเสียใจ เขาคือนช่วยชีวิตนาง ดูแลนางยามทุกข์ สุข และอีกอย่างท่านอ๋องเป็นคนดี นางมิอยากจะให้คนดี ๆ เช่นท่านอ๋องต้องเสียใจ ส่วนหนึ่งในใจของนางนั้นก็มีท่านอ๋องไม่ว่าหายใจเข้าออกก็มีท่านอ๋องอยู่ด้วยเสมอ
เมื่อนางเอ่ยกล่าวว่า นางชื่อฟางหรงมิใช่เสี่ยวชิงที่เขานั้นหลงดีอกดีใจว่าเจอภรรยาของตนแล้ว ดวงตาของเขาก็มีน้ำตาเอ่อคลออยู่สองข้าง ช่างน่าสงสารยิ่งนัก ถงหยางจงต้องลดละความพยามเบื้องหน้าที่จะทวงของรักของตนเองคืน เขาแน่ใจอย่างยิ่งว่าคือนางแน่นอน ทั้งเสียง ทั้งใบหน้า มีหรือที่เขาจะจำภรรยาของตนเองไม่ได้แท้จริงนางไปอยู่ไหนมา เรื่องนี้เขาต้องสืบหาความจริงให้ได้
“เช่นนั้นข้าขอไปเยี่ยมแม่นางฟางหรง ที่จวนท่านอ๋องได้หรือไม่” ถงหยางจงอยากพบนางและอยากพูดคุยกับนางถึงขึ้นเอ่ยปากอยากจะไปพูดคุยที่จวนท่านอ๋อง เขาจะไปทวงภรรยาคืนจากเขาผู้นั้นที่กล้าพรากภรรยาของเขาไปช่างหน้าด้านเสียจริง
“ข้าว่ามิควรเจ้าคะ ตัวข้าและท่านมิได้รู้จักมักคุ้น อีกอย่างข้ามีคู่หมั้นมิใช่สตรีตัวเปล่าไม่งามอย่างยิ่ง” นางว่าพลางหันหลังกลับ เด็กน้อยนั้นเดินตามอย่างเงียบ ๆ มิได้เอ่สิ่งใด ส่วนท่านพ่อบ้านก็เดินดูซ้ายแลขวาเกรงว่าบุรุษผู้นี้จะลงมือฉุดนายหญิงของเขา เขาจึงได้ระแวดระวังไว้ก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยาร้อนรัก