ภรรยาที่(ไม่)รัก นิยาย บท 106

"เรื่องนั้นเดี๋ยวผมเล่าให้ฟัง แต่ตอนนี้คุณเปลี่ยนชุดก่อน" ทศกัณฐ์หมายถึงเรื่องที่เธอถาม ว่าทำไมเขาถึงมาหาเธอก่อนที่จะเข้ารับการรักษาตัว

"เออ.." หญิงสาวมองไปดูชุดที่วางอยู่บนเตียงเล็กน้อย

"มีอะไร"

"ฉันอายค่ะ"

"อายทำไม"

"ก็อายที่ฉันงี่เง่า" เพิ่งเริ่มรู้สึกอายผู้ใหญ่ ไม่ได้อายแค่ผู้ใหญ่หรอกอายเพื่อนด้วย เป็นบ้าอะไรไม่รู้ทำตัวงี่เง่าไปได้

"เราจะออกไปพร้อมกัน" เขาไม่ปล่อยให้เธออายอยู่แล้ว เพราะเขาจะจูงมือเธอออกไปเอง "รีบเปลี่ยนชุดดีกว่าครับ"

เอวายิ้มหวานออกมาให้เขาได้เห็น แล้วเอื้อมมือไปหยิบชุดนั้นขึ้นมา

"คุณจะมองแบบนี้ไม่ได้นะคะ" ขณะที่เธอกำลังถอดเสื้อผ้าเขายังคงยืนมองอยู่

"มากกว่านี้ผมก็เห็นมาแล้ว"

"ก็รู้ว่าเห็น แต่มองแบบนี้ใครจะไม่อายล่ะคะ"

"ผมช่วยถอดดีกว่า" ไม่ทำแค่มองแล้วช่วยถอดเลยแล้วกัน เพราะไม่อยากให้ผู้ใหญ่รอนาน พอถอดเสื้อผ้าเสร็จเขาก็ช่วยเธอติดตะขอและกระดุมของชุดใหม่ให้เรียบร้อย

"แต่หน้าฉัน" หญิงสาวมองดูกระจก หน้าเธอดูไม่ได้เลยมีทั้งคราบน้ำตา

"สวยแล้ว"

"มองยังไงสวย"

"ยังไงก็สวยในสายตาของผม"

ได้ยินแบบนี้หัวใจเต้นแรงขึ้นมา ถึงแม้คนอื่นจะมองยังไงก็ช่างปะไร เพราะเธออยากจะสวยแค่ในสายตาเขาก็พอแล้ว

ประตูห้องนอนเปิดออก..สายตาทุกคู่ต่างก็มองไปพร้อมกัน

"..." พอประตูเปิดออกมาคนที่สงสัยก็คือทศกัณฐ์ เพราะที่เก้าอี้ไม่ได้มีแค่ท่านนายพล และแม่ของพี่ชาย แต่ตอนนี้ยังมีพ่อซึ่งนั่งอยู่ใกล้นาง

อย่างที่รู้กันอยู่พลเอกเรวทัตคงไม่ยอมเสียหน้าง่ายๆ และเรื่องนี้พุดตาลก็รู้ดีกว่าใคร ถึงได้ตัดสินใจทำแบบนี้ลงไป

พอพลเอกเรวทัตได้ยินว่าภรรยาเชิญพลเอกเกษมราษฎร์มาเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายชาย พลเอกเรวทัตก็เลยต้องรีบขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตามมา เพราะถ้านั่งรถยังไงก็คงตามไม่ทัน แต่ถ้าขึ้นเครื่องต้องได้จัดการอะไรอีกหลายอย่างยิ่งช้ากว่านั่งรถ

ทศกัณฐ์พาเอวาไปนั่งลงตรงพื้นที่ปูด้วยพรม เพราะทั้งสองต้องได้ไหว้ผู้ใหญ่ก่อน

"งานวันนี้อาจจะฉุกละหุกนิดหนึ่ง แต่แม่ก็ไม่ให้เราน้อยหน้าใคร นี่คือสินสอดทองหมั้น" คนที่ยกเครื่องเพชร เงิน ทอง ส่งมาให้กับทศกัณฐ์เพื่อได้ยกให้ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงก็คือรามสูรพี่ชาย

"มันเยอะไปไหมคะท่าน" คุณยายไม่กล้ารับของหมั้นหมาย เพราะแค่มองดูก็รู้แล้วว่ามูลค่ามหาศาล

"รับไปเถอะครับ ถือว่าเป็นสิ่งของแทนใจของผม"

ทศกัณฐ์ล้วงเอาแหวนออกมาจากกระเป๋า แล้วจับมือของเธอมาเพื่อจะสวมใส่

พอพิธีหมั้นหมายผ่านไปทั้งสองก็ไหว้ผู้ใหญ่อีกครั้ง

"เดี๋ยวแม่จะจัดงานเลี้ยงให้เราอีกครั้งที่กรุงเทพฯนะ" พลเอกเรวทัตอดที่จะมองภรรยาหลวงไม่ได้ ไม่คิดว่านางจะยอมรับทศกัณฐ์ได้แบบนี้

"ขอให้เราทั้งสองรักกันจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร วันงานเลี้ยงเจอกันอีกทีนะ" หมดหน้าที่ท่านพลเอกเกษมราษฎร์ก็ต้องขอลา

"ขอบคุณท่านมากที่สละเวลามา" พลเอกเรวทัตกล่าวขอบคุณเพื่อนบ้าง

"อย่าเรียกว่าสละเวลาเลยครับ ผมดีใจที่ได้มาร่วมงานลูกคนที่สองของคุณ"

ประโยคสุดท้ายที่ออกจากปากเพื่อน เรวทัตถึงกับหันมองมาดูใบหน้าภรรยาหลวง และอดไม่ได้ที่จะมองไปดูหน้าลูกชายคนโตอีกคน

แต่พุดตาลไม่ได้มองดูหน้าสามีเลย ถึงแม้ในใจก็แอบสงสัยอยู่ว่าพลเอกเกษมราษฎร์หมายถึงอะไร นางไม่อยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับสามีตั้งแต่เรื่องภรรยาอีกคนท้องทศกัณฐ์ แต่ฟังแค่นี้ก็พอจะเดาได้ว่าสามีคงไปไข่ไว้ที่ไหนอีกแน่

นางขอแค่อย่างเดียวเชื้อพ่ออย่ามาปล่อยใส่ลูกๆ ถ้าไม่งั้นคงอดสงสารเด็กสาวสองคนนี้ไม่ได้ ขณะที่คิดสายตาของนางก็ได้มองไปดูลูกสะใภ้ทั้งสอง

ขบวนของพลเอกเกษมราษฎร์ออกจากหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านต่างก็ปลื้มใจที่คนใหญ่คนโต ซึ่งทุกคนก็เคยเห็นผ่านตาในทีวีบ่อยๆ มาเผยโฉมในหมู่บ้านให้เห็นแบบนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยาที่(ไม่)รัก