บทที่ 1030 ชิงอำนาจแห่งเทพแท้จริง
จิตเต๋าไม่สงบคำพูดนี้พูดออกมาจากปากเอ้อร์หนิวจะเห็นได้ว่าความคิดที่เขาอยากไปแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารมีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวเช่นไร
จะอย่างไร สวี่ชิงรู้ว่าจิตเต๋าของศิษย์พี่ใหญ่ตนนั้นก็คือใจที่ปรารถนาในของวิเศษและวาสนา
อีกทั้งยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ศิษย์พี่ใหญ่พูดถูก สวี่ชิงนึกย้อนถึงประสบการณ์ของพวกเขาทั้งสอง ห่างจากทำการใหญ่ครั้งที่แล้วก็ผ่านมาหลายปีแล้วจริงๆ
อีกทั้งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือสำหรับวาสนายกระดับพลังบำเพ็ญในสถานที่ปิดด่านของมหาจักรพรรดิท่านนั้น สวี่ชิงก็หวั่นไหวเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน
สวี่ชิงรู้ดี ด้วยพลังบำเพ็ญของตนในตอนนี้ หากทำไปตามขั้น คิดจะทะลวงระดับหวนสู่อนัตตา ก้าวสู่ระดับเตรียมสู่เทวะ ยากเป็นอย่างยิ่ง
อำนาจเทพเจ้าของเขามีมากมายนัก มีความต้องการมหาศาล
นี่ในขณะเดียวกับที่มอบพลังรบอันแข็งแกร่งให้กับเขาก็เป็นพันธนาการที่น่ากลัวประเภทหนึ่ง
มีเพียงพลังอำนาจเทพทุกอย่างสัมผัสรับรู้ได้ทั้งหมด เขาถึงจะทะลวงระดับหวนสู่อนัตตาระดับนี้ได้ กลายเป็นผู้แข็งแกร่งเตรียมสู่เทวะ
แม้เตรียมสู่เทวะระดับขั้นนี้จะไม่เคยมีมาก่อน จะเหนือกว่าระดับขั้นเดียวกันทั้งหมด กระทั่งว่าในระดับหนึ่งแล้วก็เข้าใกล้เทพเจ้าอย่างสูงสุด แต่…เวลาที่ใช้จะต้องเนิ่นนานเป็นอย่างยิ่งแน่นอน
หากเป็นในยุคสงบสุขยังพอว่า
แต่ตอนนี้แดนศักดิ์สิทธิ์ลงมาเยือนถี่ๆ สงครามกับแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์กำลังจะปะทุ ทิศทางของชะตาในอนาคตรางเลือนไปหมด…
เวลานี้ ยกระดับพลังบำเพ็ญของตัวเอง ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น สำหรับสวี่ชิงแล้วเร่งด่วนเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้น สวี่ชิงขณะครุ่นคิดก็มองเฟิงหลินเทาและเยวี่ยตงผาดหนึ่ง
เฟิงหลินเทาในใจลนลานทันที รีบแสดงสีหน้าประจบประแจง
เยวี่ยตงภายใต้การบังคับของเจ้าเงาก็ก้มศีรษะต่ำอย่างเคารพนอบน้อม
คิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายสวี่ชิงก็มองหน้ากับกับเอ้อร์หนิว เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
“ศิษย์พี่ใหญ่ หากอยากไปแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารชิงวาสนาเช่นนั้น จำเป็นต้องมีตัวตน”
ได้ยินน้ำเสียงที่ไม่ปฏิเสธของสวี่ชิง เอ้อร์หนิวยิ่งตื่นเต้น สายตาหลังจากที่กวาดไปยังเยวี่ยตงและเฟิงหลินเทาทางนั้นอย่างรวดเร็วก็หัวเราะฮี่ๆ ออกมา
“นี่ไม่ใช่ตัวตนสำเร็จรูปหรอกหรือ”
ความลนลานในใจของเฟิงหลินเทายิ่งรุนแรง ในดวงตาเยวี่ยตงก็ฉายแววสิ้นหวังเช่นกัน มาพร้อมด้วยความอาฆาตแค้นแรงกล้า
สำหรับเยวี่ยตง แม้ร่างกายจะถูกควบคุมแต่นางยังมองเห็น ยังได้ยิน ตอนนี้มองทั้งสองคนที่อยู่ข้างหน้าจะช่วงชิงการวางแผนของตัวเองไปตาปริบๆ อีกทั้งเหมือนว่าจะใช้ตัวตนของนางไปลงมือ…
ใจของนางฉีกขาด เลือดหลั่งริน
แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นสวี่ชิงหรือเอ้อร์หนิวย่อมไม่ไปสนใจความรู้สึกของเยวี่ยตง ตอนนี้เอ้อร์หนิวเลียริมฝีปาก พูดต่อไป
“อาชิงน้อย ยังจำตอนที่พวกเราไปเผ่าฟ้าทมิฬตอนนั้นได้ไหม ตอนนั้นพวกเราปลอมตัวเป็นเผ่าฟ้าทมิฬ สิ่งที่ใช้คือลูกกลอนพิเศษของเผ่าอาภรณ์ ลูกกลอนจันทราปีศาจฟ้าทมิฬ!”
“และความสัมพันธ์อันสนิทสนมระหว่างข้ากับเผ่าอาภรณ์ ก่อนหน้านี้ที่อาศัยอยู่ที่นั่น พวกเขาก็ให้ของดีข้ามาไม่น้อย รวมไปถึงยาประเภทนั้นด้วย อีกทั้งยังเป็นลูกกลอนที่ว่างเปล่าและยังไม่ได้ประทับตราอีกด้วย”
“ดังนั้น…เจ้าแปลงเป็นเยวี่ยตง ข้าแปลงเป็นเจ้าหนูเฟิง พวกเราใช้ตัวตนนี้มุ่งหน้าไปแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร ไม่เป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบหรอกหรือ!”
ประกายในดวงตาทั้งสองของเอ้อร์หนิวยิ่งวาววับกว่าเดิม นึกถึงว่าสวี่ชิงหากแปลงเป็นเยวี่ยตง เขาก็เต็มไปด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยมอย่างห้ามไม่ได้
คำพูดนี้ดังเข้ามาในหูสวี่ชิง เขาก็รู้ถึงความคิดชั่วร้ายของศิษย์พี่ใหญ่ทันที ดังนั้นจึงมองอีกฝ่ายผาดหนึ่ง ส่ายหน้า
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้บอกว่าชอบเยวี่ยตงหรอกหรือ แผนการของนางบ้าคลั่งเช่นนี้เหมาะกับท่านเป็นอย่างบิ่ง เป็นท่านแปลงเป็นเยวี่ยตงจะเหมาะกับลักษณะนิสัยมากที่สุด”
“นอกจากนี้ แปลงเป็นผู้บำเพ็ญหญิง ท่านมีประสบการณ์ ตอนนั้นท่านแปลงเป็นองค์หญิงเผ่าสิงซากสมุทร เหมือนสมจริง ไม่มีช่องโหว่แม้แต่น้อย”
เอ้อร์หนิวได้ยิน ดวงตาเบิกกว้างทันที
“ข้าเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้า อาชิงน้อย เจ้าพูดเช่นนี้ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว ข้าเสียใจแล้วนะ”
สวี่ชิงไม่สนใจ มองเอ้อร์หนิว เสนอข้อเสนอขึ้นมา
“หรือว่า ใช้กฎเดิมเป็นอย่างไร”
เอ้อร์หนิวกัดฟันกรอด ในใจเกิดความรู้สึกอัดอั้นขึ้นมา เขารู้ว่ากฎเดิมที่สวี่ชิงพูดความจริงก็คือสู้กันยกหนึ่ง
เพียงแต่หากเป็นเมื่อก่อนเขายังพอมีความมั่นใจบ้าง แต่ตอนนี้กายเนื้อของสวี่ชิงไม่พูดจากันด้วยเหตุผลเป็นที่สุด สู้กันไป…เอ้อร์หนิวรู้สึกว่าตัวเองต่อให้เหนื่อยตายก็ไม่มีประโยชน์อะไรนัก
นอกเสียจากตัวเองจะปลดผนึกมากขึ้น
แต่…นั่นเป็นวิธีที่จะเอาชีวิตมาเล่น ตอนนี้ปลดออกไปแบบนั้น ผลภายหลังสาหัสรุนแรงนัก
แต่แปลงเป็นเยวี่ยตงทั้งๆ อย่างนี้ ทำให้ความคิดชั่วร้ายที่อยากเห็นสวี่ชิงแต่งหญิงไม่อาจสำเร็จได้ ในใจลังเลนิดๆ
เห็นเป็นเช่นนี้ สวี่ชิงเอ่ยเสียงเบา
“อีกทั้งศิษย์พี่ใหญ่ มีเพียงผู้ที่รู้มารยาทสังคมเช่นท่าน คนที่ทำอะไรมีไหวพริบเป็นอย่างยิ่ง ความคิดละเอียดเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งคำพูดคำจายังคมคายหาช่องโหว่ไม่ได้ เจ้าวางแผน ถึงจะทำได้ถึงระดับที่แปลงเป็นเยวี่ยตงคนนอกก็จับอะไรไม่ได้ ”
“เรื่องนี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปจะทำได้ ข้าทางนี้…รู้ว่าตัวเองไม่ว่าจะพยายามเช่นไร สุดท้ายก็สู้ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้ ครั้งนี้ ข้าอยากตั้งใจเรียนรู้ให้ดี”
สองประโยคนี้ทำให้จิตใจของเอ้อร์หนิวเบิกบานนัก เชิดหน้าขึ้น
“ที่เจ้าพูดมามันก็ถูก!”
พูดจบ เขาก็คิดถึงวาสนาในแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร ดังนั้นเอ้อร์หนิวจึงกระแอมออกมาทีหนึ่ง
“ก็ได้ๆ เจ้าเป็นศิษย์น้องเล็ก ข้าในฐานะศิษย์พี่ใหญ่จะยอมให้เจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน”
“ข้าแปลงเป็นเยวี่ยตง อย่างไรเสียก็ไม่ใช่แต่งหญิงครั้งแรกสักหน่อย”
“ส่วนเจ้า อาชิงน้อย เจ้าเป็นหุ่นเชิดของข้า จากนั้นก็ตั้งใจเรียนรู้ให้ดี!”
เอ้อร์หนิวถลึงตาใส่สวี่ชิงทีหนึ่ง
สวี่ชิงเห็นว่าสมควรพอแล้วจึงหยุด รีบพยักหน้า ขณะเดียวกัน บนใบหน้าก็ฉายแววซาบซึ้ง ประสานหมัดโค้งสุดตัวไปให้เอ้อร์หนิว
“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่ เรื่องนี้ศิษย์น้องจะจำให้ขึ้นใจไปตลอด จะขยันเรียนรู้อย่างแน่นอน!”
เห็นสวี่ชิงทำเช่นนี้ เอ้อร์หนิวในใจแม้จะยังบ่นพึมพำอยู่บ้าง แต่ก็คลายลงไปเยอะ ดังนั้นจึงเชิดหน้า มือสะบัดไปทันที
“เจ้ารออยู่ข้างๆ ก่อน ลูกกลอนจันทราปีศาจฟ้าทมิฬของเผ่าอาภรณ์หากอยากจะดึงสรรพคุณอันสมบูรณ์แบบออกมา จะต้องผสานไปกับผู้ที่เป็นเป้าหมายเล็กน้อย ปกคลุมพวกเขาแปรเปลี่ยนให้เป็นอาภรณ์ตัวหนึ่ง”
“พวกเราหลังจากที่สวมใส่แล้ว ขอเพียงหลบเลี่ยงมหาจักรพรรดิอีกคน ก็จะปลอดภัยหายห่วง”
“นี่ต้องใช้เวลาสักหน่อย ประมาณ…หนึ่งเดือนกระมัง”
สวี่ชิงได้ยินก็พยักหน้า นึกถึงหลงจิ่วที่ได้เจอคนนั้นก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงเอ่ยเสียงต่ำทุ้มขึ้น


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา