เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 1069

บทที่ 1069 ที่นี่มีของวิเศษล้ำค่าสุดยอด

………………..

สายตาของจักรพรรดินีที่มองลอดประตูหินมายังโครงกระดูกเซียน พึมพำในใจก็เก็บลงไป

ท้ายที่สุดสายตาของนางมองไปยังประตูหินอีกเจ็ดบานที่เหลือรอบๆ นอกจากบานที่ตัวนางอยู่

หลังจากกวาดมองในทุกบานแล้ว ก็มองไปยังประตูหินบานที่สาม จักรพรรดินีหรี่ตาลง จากนั้นองค์ท่านก็หลับตา ขัดสมาธินั่งลง รอคอยเงียบๆ

และเบื้องหลังประตูหินบานที่สามที่ปิดสนิทซึ่งองค์ท่านนั้นจับจ้อง ชายเสื้อคลุมดำที่ทั่วร่างพันรัดด้วยโซ่เหล็ก มาถึงสถานที่ปิดด่านก็ร่องรอยแปลกประหลาดมาโดยตลอด…

เขากำลังยืนอยู่ตรงนั้น

ดวงตาทั้งสองของเขาจับจ้องประตูหินข้างหน้าเขม็ง เหมือนสายตาจะมองทะลุเช่นกัน สำรวจวังใต้ดินข้างหลังประตูตลอดจนผลึกหินสีดำบนมือทั้งสองของโครงกระดูกเซียน

ไม่ได้กระทำบุ่มบ่าม แต่สีหน้าเคร่งขรึม เลือกนั่งขัดสมาธิลง รอคอยเช่นกัน

ขณะเดียวกัน ในโลกสายฝนแห่งนี้ ฝ่ายต่างๆ ก็ต่างใช้ความรู้ความเข้าใจของตัวเอง ใช้วิธีต่างกันไป เข้าใกล้มายังวังใต้ดิน

ตามหาประตูหินที่ทอดมาที่นั่น

ในการค้นหา พวกเขาได้เปรียบ ด้านหนึ่งคือต่างมีรายงานข่าว มีความเข้าใจในสถานที่ปิดด่านของมหาจักรพรรดิหมิงเหยียน

อีกด้านหนึ่งเป็นเพราะเรื่องพลังบำเพ็ญ ทำให้พวกเขาสัมผัสถึงที่ตั้งของประตูได้ง่ายยิ่งกว่า

พูดได้ว่า คนทั้งหลายที่มายังสถานที่ปิดด่านของมหาจักรพรรดิหมิงเหยียน นอกจากสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว ฝ่ายต่างๆ ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งอีกทั้งยังเล่ห์เหลี่ยมล้ำลึก

มีเพียงสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวที่เหมือนแมงวันไร้หัวบินพล่านอยู่ในโลกแห่งสายฝน ไม่รู้เรื่องประตูและวังใต้ดินแม้แต่น้อย

อีกทั้งโชคชะตายังเต็มไปด้วยอุปสรรค หลังจากที่ส่งชายชราระดับเจ้าเหนือหัวคนนั้นไปแล้ว พวกเขาสองคนก็เรียกขานซากศพขึ้นมาอีกหลายสิบสุสาน ในที่สุดครอบครัวศีรษะนั่นถึงได้อิ่มจริงๆ

ระหว่างนั้นแม้แต่เวลาจะตรวจดูถุงเก็บของก็ยังไม่มี

และการผลาญพลังเช่นนี้ก็ทำให้สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวกายใจเหนื่อยล้า

แต่ก็มีข้อดีเหมือนกัน นั่นก็คือการใช้หมอกสีเทา พวกเขาจากที่ผิวเผินและไม่คุ้นชินในทีแรกก็เปลี่ยนมาคุ้นเคยชำนาญมากขึ้น อีกทั้งมาถึงในระดับที่ควบคุมได้อย่างละเอียดแม่นยำ

โดยเฉพาะเอ้อร์หนิว เขาในฐานะที่เป็นกำลังหลัก ภายใต้การฝึกฝนจากสถานการณ์บีบบังคับ ตอนนี้ก็อยู่ในระดับที่เกือบจะเชี่ยวชาญจนถึงแก่นแท้แล้ว

ส่วนอิสระ…แม้จะยังไม่มี แต่จากที่ครอบครัวนี้กินอิ่มแล้ว พวกมันก็หอบพาพวกสวี่ชิงทั้งสองคนเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้าครู่หนึ่ง ก็กลับไปที่รัง

ที่ตั้งของรังอยู่ที่สุสานขนาดมหึมาไร้เทียมทานแห่งหนึ่ง!

สุสานนี้ราวภูเขามหึมา

สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวตลอดทางมานี้ไม่เคยเห็นภูเขาที่ใหญ่โตแบบนี้มาก่อน ความสูงของมันเหมือนสัมผัสกับม่านฟ้าอย่างไร้ขีดจำกัด พื้นที่ยิ่งประดุจเมืองยักษ์ ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น ประดุจจุดสูงสุดของโลกใบนี้

ในสุสานมีวังใต้ดินมากมาย ยิ่งมีพันธนาการมหาศาล แต่สำหรับการกลับมาของครอบครัวนี้ พันธนาการทั้งหมดเหล่านี้เป็นเพียงแค่เครื่องประดับเท่านั้น

และเมื่อกลับมายังรังแล้ว ครอบครัวนี้ก็แยกย้ายกันไป ศีรษะมหึมาสองศีรษะนั่นไปยังวังหลัก หลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราลึก

ศีรษะเล็กๆ ต่างไปยังตำหนักของตัวเองแล้วหลับใหลไปเช่นกัน

ครั้งนี้พวกมันกินอิ่มจนจุก ตอนนี้กำลังดูดซับสิ่งที่กลืนกิน

เพียงครู่เดียว เสียงกรนราวสายฟ้าฟาดก็ดังเป็นระลอกขึ้นลงในวังใต้ดินแห่งนี้

และอิสระภาพที่สูญเสียไปของสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวก็คืนกลับมา

“มีแค่สุสานที่ใหญ่ขนาดนี้เท่านั้นแหละถึงจะฝังครอบครัวนี้ได้…”

“และมองไปจากเรื่องนี้แล้ว ครอบครัวนี้น่าจะเคยเป็นซากศพมาก่อน เพียงแต่ภายหลังไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้มีสติปัญญา เกิดการฟื้นตื่นขึ้นมาในระดับหนึ่ง”

เอ้อร์หนิวมองสวี่ชิงผาดหนึ่ง ทั้งสองคนสายตาประสานกัน หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง มั่นใจว่าครอบครัวนี้หลับสนิทแล้ว ถึงได้ถอยออกมาอย่างระมัดระวัง คิดหาวิธีไปจากที่นี่

แต่ไม่นานนักทั้งสองคนก็ถอนหายใจ

อิสระของพวกเขามีแค่ในระดับหนึ่งเท่านั้น

อยู่ในสุสานใต้ดินได้อย่างเป็นปกติ แต่หากคิดจะจากไปกลับไม่อาจทำได้

ผนึกพันธนาการเป็นข้อหนึ่ง ก็ไม่ใช่ว่าจะคลายไม่ได้ แต่ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาพบว่าหากทิ้งระยะห่างไปในระดับหนึ่งแล้วก็จะเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงขึ้นมา

เสียงกรนประดุจฟ้าฟาดจะหยุดลง เหมือนว่าศีรษะมหึมานั่นในเสี้ยวพริบตาก็จะตื่นขึ้นมา

“สมควรตาย นี่ไม่ให้พวกเราหนีเลยนี่นา”

“จะต้องเป็นเพราะพวกมันไม่เคยกินอิ่มขนาดนี้ดังนั้นเลยติดใจเข้าแล้ว!”

เอ้อร์หนิวฮึดฮัดไม่พอใจ ตรวจสอบสิ่งของที่เอามาจากผู้บำเพ็ญนั่น คล้ายว่ามีเพียงนับผลเก็บเกี่ยวถึงจะทำให้ใจของเขาสงบลงได้บ้าง

สวี่ชิงกลับดวงตาฉายแววครุ่นคิด ไม่ได้สิ่งของที่เอ้อร์หนิวตรวจสอบพวกนั้น แต่มองไปรอบๆ สายตากหลังจากที่กวาดไปทางทิศที่วังใต้ดินแต่ละแห่งๆ ตั้งอยู่เขาก็พลันเอ่ยขึ้น

“ศิษย์พี่ใหญ่ ตามทฤษฎีที่ดาวรกร้างก่อนหน้านี้…”

“ท่านวิเคราะห์ว่าหมิงเหยียนจะต้องมีวาสนาอย่างแน่นอน ดังนั้นยิ่งเป็นที่ที่แร้นแค้นกันดารก็จะยิ่งมีวาสนา”

“เช่นนั้น…ที่นี่เล่า”

สวี่ชิงดวงตาเป็นประกาย

“ข้าสำรวจจำนวนวังใต้ดินที่นี่แล้ว เหมาะกับครอบครัวนี้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งตอนที่พวกมันกลับมาพันธนาการพวกนั้นอยู่อย่างสมบูรณ์ ไม่ได้ขัดขวางพวกมันเลยแม้แต่น้อย”

“เช่นนั้นก็จะมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นสุสานของครอบครัวนี้จริงๆ”

“หากการวิเคราะห์พวกนี้ถูกต้องจริงๆ พวกมันฟื้นตื่นขึ้นมาอย่างไร เป็นเพราะที่นี่มีโอกาสวาสนาอะไรใช่หรือไม่ถึงได้ทำให้พวกมันกับซากศพอื่นๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกัน!”

สวี่ชิงพูดพลางมองไปทางเอ้อร์หนิว

เอ้อร์หนิวคล้ายครุ่นคิด หลังจากฟังถึงข้างหลังตาเขาก็เป็นประกายวาววาบ

“เยี่ยมเลยอาชิงน้อย เจ้าวิเคราะห์ได้เหมือนกับที่ใจข้าคิดเอาไว้เปี๊ยบเลย!”

“เมื่อครู่ข้าเพิ่งอยากจะบอกว่าพวกเราค้นหาที่นี่ให้ดีๆ สักหน่อย”

เอ้อร์หนิวถูมือ ประเมินรอบๆ

สวี่ชิงย่อมไม่ไปคิดเล็กคิดน้อยกับเอ้อร์หนิวว่าเป็นความคิดของใคร ตอนนี้เห็นศิษย์พี่ใหญ่เห็นด้วย พวกเขาจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อย ต่างแยกกันไปตามหาที่ที่น่าสงสัย

เช่นนี้เอง เวลาค่อยๆ หมุนผ่านไป

ไม่นานนักเจ็ดวันก็ผ่านไป

บทที่ 1069 ที่นี่มีของวิเศษล้ำค่าสุดยอด 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา