บทที่ 1083 เพียงปล่อยวางความคิดก็คือการเกิดใหม่
………………..
เรื่องราวมากมายในชีวิตคน ยากที่คิดจะวางก็วางลงได้
เพราะวางไม่ลงถึงได้มีความยึดติด
โดยเฉพาะเป็นตาย
ของตัวเอง ของผู้อื่น
และความยึดติดกับความเป็นตาย ยากจะพูดให้วางลง ในใจมักมีความหวัง
แต่…หลายๆ เรื่อง ไม่ใช่ว่ามีความหวังก็จะต้องไม่สิ้นหวังอย่างแน่นอน
ความเสียดายหลายๆ ครั้งถึงจะเป็นท่วงทำนองหลักของโลกใบนี้
เพราะโลกใบนี้นั้นเย็นเยียบ เพราะฟ้าดินนั้นเย็นชา
ก็เหมือนกับบนรูปสลักมหาจักรพรรดิครองกระบี่ ในเสี้ยวพริบตาที่ไฟชีวิตของเขาลุกไหม้ขึ้นมากลับพังทลายลงไป
ตะเกียงมอดแสงไฟดับ
ไม่อาจลุกไหม้ขึ้นมาโดยแท้จริงได้
ต่อให้สังเวยแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร
ต่อให้ปลุกผลมรรคาหล่อเลี้ยงชีวี
ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น
มีเพียงความยึดมั่นเต็มเปี่ยมที่มาจากจักรพรรดินี เสียงที่สะท้อนก้องไปในฟ้าดินกลายเป็นเสียงขานตอบจากหมู่ขุนเขา ฉายความไม่ยอมจำนนอย่างเข้มข้น
องค์ท่านเป็นเทพเจ้า แต่เทพเจ้า…เห็นได้ชัดว่าก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ทุกอย่าง
นางกระทั่งว่ากัดลิ้นเลือดไหล พ่นเลือดเทพของตัวเองออกมา
ใช้เลือดเทพเป็นพลังชีวิต
ประสานปางมือเผาไหม้ ผสานไปในรูปสลักมหาจักรพรรดิ คิดจะช่วยเหลือ
กระทั่งว่าสวี่ชิงทางนั้นก็ไม่ลังเลเลือกทำเช่นนี้เช่นกัน แผ่พลังชีวิตของตัวเองอย่างสุดกำลัง หลอมรวมเลือดของตัวเอง ใช้พลังของตน วิถีของตน ทุกสิ่งทุกอย่างของตนช่วยมหาจักรพรรดิ
กระทั่งว่าเอ้อร์หนิวยังถอนหายใจ ส่งพลังของตัวเองออกมาเช่นกัน
ทว่าผลลัพธ์…กลับไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากเท่าใด
ก็เหมือนหุบเหวร่องหนึ่งแยกหยินหยางออกมา
กลิ่นอายพังทลายในรูปสลักมหาจักรพรรดิยังดำเนินต่อไป
พิธีการฟื้นคืนชีพครั้งนี้ ตอนนี้เดินไปทางความล้มเหลวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ดังนั้นความขมขื่นกลายเป็นทุกอย่างของโลกใบนี้
“ไยจึงเป็นเช่นนี้…”
จักรพรรดินีพลันเงยหน้า ในใจของนางยังคงไม่ยอมแพ้ ต่อให้ผลลัพธ์ทุกอย่างจะชี้ไปทางล้มเหลว แต่ในเสี้ยวขณะนี้นางก็ยังคงปะทุพลังแท่นเทวะออกมาทุกด้าน
ลองกระตุ้นพลังที่มากกว่าเดิมของตัวเอง จะพลิกหมุนทุกอย่าง
และในพริบตาที่นางจะเผาผลาญทุกอย่างจนหมดสิ้นที่นี่ เสียงถอนหายใจเก่าแก่ผ่านห้วงกาลเวลาก็ดังมาจากในโลกผลมรรคานี้ ดังสะท้อนก้องมาอย่างแผ่งเบา
“เด็กโง่”
เสียงคุ้นเคยนี้ทำให้สวี่ชิงร่างสะท้านเฮือก จิตใจแผ่ระลอก ภาพความทรงจำนับไม่ถ้วนในความจำปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
ทางจักรพรรดินีก็หายใจหอบถี่ไปในทันที เสียงนี้คือต้นกำเนิดความเป็นมนุษย์ของนาง
ดังนั้น สายตาของคนทั้งสองจึงมองไปทางรูปสลักมหาจักรพรรดิพร้อมกัน
รูปสลักที่ใช้ความทรงจำเผ่ามนุษย์ ขุนเขาสายธารและโชคชะตาเป็นสามจิต ใช้จักรพรรดิมนุษย์เป็นเจ็ดวิญญาณหลอมผสานเพิ่มพลังรูปนี้ ตอนนี้กลิ่นอายพลังชีวิตที่กำลังพังทลายก็พลันหยุดลง
จากนั้นรัศมีอำนาจก็พวยพุ่งขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้ไม่มีการขัดขวางแม้แต่น้อย กลับมาถึงจุดสูงสุดอีกครั้งทันที กลิ่นอายที่เป็นของผู้ครองกระบี่ เป็นของรัศมีอำนาจขั้นสูงสุดของมหาจักรพรรดิปะทุขึ้นในโลกใบนี้ทั้งใบ
ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมเมฆหอบทะลัก
โลกสั่นสะเทือน แดนศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียงคำรามลั่น แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์กำลังขานตอบเช่นกัน
ส่วนร่างของรูปสลักก็ถดถอยไปอย่างรวดเร็วโดยเห็นได้ด้วยตาเปล่า สุดท้ายก็กลายเป็นเลือดเนื้อ กลายเป็นร่างที่ไม่ได้พบเห็นมาอย่างยาวนาน
เขาลืมตาขึ้น
มหาจักรพรรดิครองกระบี่
เขายืนอยู่บนทะเลโปร่งแสง ร่างกายแม้จะแก่ชรา กลิ่นอายความตายแม้จะลอยอวล แต่หลังเหยียดตรง ร่างกายสง่างามแข็งแกร่ง
สายตาแฝงด้วยความอ่อนโยน จ้องมองทุกอย่างข้างหน้า ทะลุผ่านโลกใบนี้ มองข้ามแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร มองไปยัง…เผ่ามนุษย์
เขามองดินแดนเผ่ามนุษย์ในตอนนี้ มองเงาร่างของลูกหลานประชาชนทั้งหลายในเผ่ามนุษย์ มองขุนเขาสายน้ำ มองโชคชะตา มองซึ่งทุกสิ่ง
หลังจากแตกดับเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ในเสี้ยวขณะนี้ จากในวิถีสวรรค์ จากในสรรพชีวิตทั้งหลาย ทะลักเข้ามาในจิตใจเขา
เขารู้แล้ว หลังจากที่ตัวเองแตกดับ แดนศักดิ์สิทธิ์ลงมาเยือน
เขารู้แล้ว หลังจากที่ตนแตกดับ สงครามปะทุขึ้น
เขารู้ทุกอย่างแล้ว
ความเฉียบขาดกลุ่มหนึ่ง ตามสัมผัสรับรู้ของเขา ตามความเข้าใจของเขา พลันปะทุพวยพุ่งขึ้นมาจากร่างของเขา ดังก้องไปในฟ้าดิน
เพียงแต่…สวี่ชิงและจักรพรรดินีที่อยู่ไม่ไกล ตอนนี้มองเงาร่างมหาจักรพรรดิ ในใจเกิดความโศกเศร้าอย่างหนักหน่วงขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
เพราะ…บนร่างของมหาจักรพรรดิตลบอวลไปด้วยกลิ่นอายความตายอย่างสุดขีด
น้ำตาไหลรินจากหางตาของจักรพรรดินี
นางรู้ ตัวเอง…สุดท้ายแล้วก็ยังคงล้มเหลวอยู่ดี
มหาจักรพรรดิไม่ได้ฟื้นคืนชีพอย่างสมบูรณ์ พลังหล่อเลี้ยงชีวีจากผลมรรคา สามจิตเจ็ดวิญญาณที่มาจากเผ่ามนุษย์ทำให้เขากลับมาเพียงชั่วเวลาสั้นๆ เท่านั้น
ใจของสวี่ชิงเหมือนถูกคว้าเอาไว้ อารมณ์ความรู้สึกที่ไม่อาจพรรณาได้ทำให้ในใจของเขาขมขื่น ว่างเปล่า
“พวกเจ้านี่นะ…”
บนทะเลโปร่งแสง มหาจักรพรรดิส่ายหน้าเบาๆ สายตาที่มองไปยังโลกถูกเขาดึงกลับมา จับจ้องไปยังร่างของจักรพรรดินีและสวี่ชิง สีหน้าก็อ่อนโยนตามไปด้วย
“เซี่ยเอ๋อร์”
จากการดังออกมาของสองคำนี้ จักรพรรดินีเงยหน้าขึ้นอย่างสั่นเทา
นางในเสี้ยวขณะนี้ไม่ใช่เทพเจ้า ไม่ใช่จักรพรรดินี แต่เป็นหญิงสาวอ่อนแอที่ถูกช่วยเอาไว้ในตอนนั้น
น้ำตาของนางยังคงหลั่งริน มองไปยังเงาร่างของชายชราที่เป็นเหมือนบิดาคนนั้น ครรลองสายตารางเลือน
“เจ้าทำได้ดีมากแล้ว และเพียงพอแล้ว”
มหาจักรพรรดิเอ่ยเสียงแหบแห้ง เดินไปก้าวหนึ่ง ยืนข้างหน้าจักรพรรดินี ยกมือลูบศีรษะของนาง สายตาฉายแววเมตตาเอ็นดู เหมือนมองลูกสาวตัวเอง
“เพียงแต่แม้เจ้าจะรู้ทุกอย่าง แต่เจ้าไม่รู้เกี่ยวกับข้า”
มหาจักรพรรดิเอ่ยเสียงเบา
“ประวัติศาสตร์ของเผ่ามนุษย์แค่จดบันทึกเรื่องหลังจากร่างของข้าแตกดับ ใช้ร่างแยกปกป้องเผ่าพันธุ์ แต่ไม่ได้บันทึกถึงเหตุผล ช่วงนั้น ข้าลบมันไป”
“ความจริงคือ ตอนนั้นข้าต่อสู้กับเทพเจ้าของเผ่าที่ใจกลางของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เผ่านั้น กำจัดภัยที่เผ่ามนุษย์จะถูกนำไปเป็นทาสได้ แต่ค่าตอบแทนสาหัสนัก สิ่งที่แตกดับไม่ใช่แค่ร่างจริง แม้แต่ร่างแยกของข้า…ความจริงแล้วก็แตกดับไปในการต่อสู้ครั้งนั้นด้วย”
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา