บทที่ 109 เมื่อไฟชีวิต สาดส่องวังสวรรค์
คืนนี้ สวี่ชิงได้รับมาเต็มที่
เขาจับหอยโบราณมาประมาณเจ็ดร้อยกว่าตัว
ตอนนี้เมื่อมองไปยังหอยโบราณที่ถูกแช่แข็งแต่ละตัวในถุงเก็บของ สมองของสวี่ชิงก็ปรากฏตำรับพิษที่ใช้ของสิ่งนี้ปรุงร่วมกันถึงหกเจ็ดชนิด และพลานุภาพของทุกชนิดก็ไม่ธรรมดา
‘ยังมีแมงดาพรายปรารถนาของข้าอีก ถ้าผสานเข้ากับหอยโบราณ และถ้าจะให้ดีหากประกอบเข้ากับสมุนไพรเพียบพร้อมหยินหยางบางชนิดเข้าไปด้วย…บางทีอาจจะหลอมเอาผงพิษที่สังหารได้กระทั่งผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานเลยกระมัง’
สวี่ชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองคิดจะดูมองโลกในแง่ดีไปเสียหน่อย เขาหวนระลึกถึงตอนศึกที่สู้กับบรรพจารย์สำนักวัชระ ความสามารถต้านทานพิษของอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก คิดดูแล้วนี่ก็ไม่ใช่ตัวอย่าง
และจากการผสานกันของแมงดาพรายปรารถนากับหอยโบราณ น่าจะหลอมยาที่ดึงดูดสัตว์ร้ายออกมาได้ แน่นอนว่าพอมีหอยโบราณอยู่ จึงสามารถปรับระดับความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของแรงดึงดูดได้
“ดังนั้นข้าต้องการพิษที่แรงกว่า!” ในดวงตาสวี่ชิงเปล่งประกายเย็น หลังจากเตรียมตัวเสร็จเขาจะหาโอกาสเดินเรือออกทะเล ไปตามหาของมีพิษที่สร้างความแข็งแกร่งให้แก่วิถีพิษของตนเองเสียหน่อย
คิดถึงจุดนี้ เขาก็ถอนสายตาจากถุงเก็บของ หยิบแผ่นหยกสามแผ่นข้างๆ ที่ติงเสวี่ยมอบให้ขึ้นมา หลังจากถ่ายพลังวิญญาณลงไปก็เริ่มอ่าน
ครู่ต่อมา สี่หน้าสวี่ชิงก็ประหลาดไปเล็กน้อย พึมพำออกมาเสียงต่ำ
“สร้างฐานหนึ่งร้อยวัน?”
สวี่ชิงขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงนำแผ่นที่สองมาอ่าน เวลาก็ค่อยๆ ไหลผ่านไปหนึ่งวันเช่นนี้
ขณะที่แสงสายัณห์มาเยือนเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิตอีกครั้ง ในที่สุดสวี่ชิงก็เข้าใจเนื้อหาในแผ่นหยกสามแผ่นอย่างทะลุปรุโปร่ง เวลานี้วางทุกอย่างลง นวดขมับเล็กน้อย สายตายังคงเหลือแววพรั่นพรึงอยู่
“เมื่อไฟแห่งชีวิต สาดส่องวังสวรรค์!
“สร้างช่องร้อยวัน เสร็จสิ้นฝึกบำเพ็ญ!”
สวี่ชิงพึมพำ จากเนื้อหาบนแผ่นหยก ผู้บำเพ็ญโลกใบนี้ขณะที่ทะลวงระดับรวมปราณ ในขั้นตอนยกระดับขึ้นสู่สร้างฐาน มีเรื่องที่น่ากลัวอย่างมากอยู่ด้วย
เหมือนว่ามีความชั่วร้ายที่ไม่รู้จักคอยรบกวนการทะลวงพลังบำเพ็ญ
ขณะเดียวกันช่วงเวลาในการสร้างฐานก็นานมาก ถูกขนานนามว่าสร้างฐานหนึ่งร้อยวัน
ไม่ใช่บอกว่าต้องใช้เวลาหนึ่งร้อยวันจึงจะสำเร็จระดับสร้างฐาน แต่ว่าหากพอเริ่มสร้างฐานแล้ว เวลาที่นานที่สุดคือไม่เกินหนึ่งร้อยวัน และยิ่งเวลานานวันเข้าความน่ากลัวก็ยิ่งมากขึ้นตาม
ส่วนเรื่องที่น่ากลัวคือเรื่องอะไรนั้น แผ่นหยกทั้งสามชิ้นไม่ได้บอกรายละเอียด แต่เหมือนบอกไว้อย่างคลุมเครือว่าขณะที่ผู้บำเพ็ญกำลังสร้างฐาน จะดึงดูดสิ่งประหลาดมา หากพบเข้าส่วนใหญ่คือตาย และมักจะน่าเวทนาแสนสาหัส
ดังนั้น ผู้บำเพ็ญโลกใบนี้ตอนที่สร้างฐาน จะต้องคอยสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของเวลา เหมือนว่ากำลังคอยจ้องขโมยโอกาส และจะให้เจ้าของพบเข้าไม่ได้เด็ดขาด
เพื่อหลีกเลี่ยงการปรากฏตัวของความน่ากลัวนี้ในขณะเดียวกันนั้น ผู้บำเพ็ญทะลวงขั้นก็มักจะเลือกใช้อาวุธเวทพิเศษบางอย่างมาคุ้มครองตนเองให้รอดพ้นอันตราย
อาวุธเวทเหล่านี้พบเห็นได้บ่อย แต่ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในครอบครองของสำนักหรือตระกูลใหญ่ๆ ในสำนักเจ็ดเนตรโลหิตเองก็มี อยู่ในสถานที่ที่มั่นคงปลิดภัย ปกติแล้วศิษย์ของเจ็ดเนตรโลหิตหากคิดทะลวงขั้น ก็สามารถยื่นเรื่องขอรับได้
แต่ราคาที่ต้องจ่ายก็สูงมาก คิดค่าใช้จ่ายตามระยะเวลา หนึ่งชั่วยามก็เท่ากับหนึ่งร้อยก้อนหินวิญญาณ
ส่วนพวกผู้บำเพ็ญไร้สังกัด หรือพวกคนที่ไม่มีสถานที่สำหรับเช่ายืมอาวุทเวทมาคุ้มครอง หากพวกเขาคิดจะสร้างฐานก็จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายที่ใหญ่หลวง
อัตราความตายกับล้มเหลวสูงลิบ ดังนั้นการทะลวงขั้นที่ไม่มีอาวุธเวทคุ้มกัน จึงเป็นวิธีที่ถ้าไม่ถึงที่สุดแล้วจะไม่มีทางเลือกใช้เด็ดขาด
สวี่ชิงคิดไปถึงเสี้ยวหน้าเทพเจ้า ไม่จำเป็นต้องไปวิเคราะห์อะไร สาเหตุที่ขอบเขตการทะลวงขั้นเป็นเช่นนี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับองค์ท่านแน่นอน
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาสูดลมหายใจลึก หลับตาทั้งสองลง ในสมองก็เรียบเรียงเนื้อหาของแผ่นหยกทั้งสามต่อ
หลักการสร้างฐาน คือใช้ประโยชน์จากทะเลวิญญาณที่สะสมมาทะลวงเปิดช่องเวทในร่างกาย!
ส่วนช่องเวท ก็คือจุดเก็บวิญญาณแต่ละแห่งที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย ด้านในมีพลังที่ยอดเยี่ยมอยู่ หลังจากเปิดแล้วระดับของพลังชีวิตก็จะเปลี่ยนแปลงไป
ระดับรวมปราณกับสร้างฐานหากมองจากแก่นก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สิ่งที่รวมปราณฝึกบำเพ็ญคือสะสมทะเลวิญญาณ แต่สิ่งที่สร้างฐานฝึกบำเพ็ญ คือคอยเปิดช่องเวทในร่างกายตนเองอย่างต่อเนื่อง
หลังจากรวมปราณขั้นบริบูรณ์ ตอนที่ทดลองเหยียบเข้าสู่ช่วงสร้างฐาน ช่วงแรกสุดคือต้องสัมผัสถึงตำแหน่งและจำนวนของช่องเวทในร่างกายตนเอง
จากนั้นใช้ทะเลวิญญาณในร่างกายเข้าปะทะกับช่องเวทช่องหนึ่งจนมันเปิดออก กลายเป็นช่องเวทช่องที่หนึ่งที่เปิดออกในร่างกาย
พลังวิญญาณจะหลั่งไหลเข้าไปในช่องเวทนี้จนเกิดเป็นกระแสวน ก่อกำเนิดพลังเวทที่เหนือกว่าพลังวิญญาณออกมากระแสหนึ่ง!
รวมปราณในร่างกายคือพลังวิญญาณ สร้างฐานในร่างกายคือพลังเวท!
ระดับของทั้งสองอย่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวลึก
และเนื่องจากพลังวิญญาณของผู้บำเพ็ญมากน้อยไม่เท่ากัน พลังเวทที่เกิดขึ้นจากการเปิดช่องเวทก็แตกต่างเช่นกัน ตอนรวมปราณพลังวิญญาณยิ่งมากเท่าไร พลังเวทก็จะยิ่งเยอะตามเท่านั้น และในข้อได้เปรียบนี้ทุกครั้งที่ช่องเวทปรากฏออกมา หลังจากสะสม ความห่างชั้นก็จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
นอกเหนือจากนี้ จุดสำคัญของที่นี่ก็คือการสัมผัส
หากคิดจะเปิดช่องเวท จำเป็นต้องหาตำแหน่งของช่องเวทให้เจอก่อน หากคิดจะเปิดให้มากขึ้น ก็จำเป็นต้องสัมผัสจำนวนของช่องเวทให้มากขึ้น บทบาทของลูกกลอนสร้างฐานอยู่ที่นี่นั่นเอง
สิ่งนี้จะตัดสินว่าอนาคตจะเดินไปได้ไกลเท่าไร ดังนั้นสำหรับผู้บำเพ็ญแล้วจึงสำคัญอย่างมาก
ส่วนไอพลังประหลาดคืออุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการสัมผัสหาช่องเวท
ในโลกที่กลิ่นอายเทพเจ้ารุกล้ำเข้ามา นอกจากส่วนหนึ่งที่น้อยมากๆ แล้ว ในร่างกายสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ล้วนมีไอพลังประหลาดแฝงไว้ในระดับที่แตกต่างกัน
ถ้าผู้บำเพ็ญตอนสร้างฐานได้รับผลกระทบจากไอพลังประหลาด ช่องเวทก็จะยิ่งซ่อนลึกลงไปอีก
ตามปกติ หากสัมผัสได้แปดสิบช่อง ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
ถ้าหากสัมผัสได้ถึงเก้าสิบช่องก็ถือว่าโดดเด่น เรื่องนี้มีเพียงศิษย์สำนักใหญ่เท่านั้นที่สามารถทำได้
และการสัมผัสช่องเวทก็เหมือนกับควานหาของในความมืด ดังนั้นจึงมีเรื่องที่น่ากลัวอย่างการถูกจับตามองจากตัวตนประหลาดบางอย่าง
ดังนั้นจึงมีคำพูดที่ว่าสร้างช่องร้อยวัน เสร็จสิ้นฝึกบำเพ็ญออกมา
ส่วนขีดจำกัดของจำนวนช่องเวท คือหนึ่งร้อยยี่สิบช่อง แต่นี่เป็นเพียงขีดจำกัดทางทฤษฎี คนที่ทำได้มีอยู่น้อยถึงน้อยมาก


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา