เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 1129

บทที่ 1129 เวลาเป็นแขกผู้มาเยือนนับตั้งแต่โบราณกาลมา

ภายในเรือนที่ปิดแน่น ในโลกใบเล็กที่ศาลบรรพชนตระกูลหลี่ตั้งอยู่

การตบแต่งเรียบง่าย มีโต๊ะหนึ่งตัว เก้าอี้หนึ่งตัว และเตียงไม้หนึ่งหลัง

นอกจากนี้แล้ว ก็เป็นภาพตัวอักษรที่แขวนอยู่บนผนังภาพหนึ่ง

“เขาก็เหมือนนักแสวงบุญผู้ศรัทธา ตามหาศาลเจ้าที่อาจไม่มีอยู่จริงไปตลอดกาล”

โลกภายนอก เปลวไฟยังคงลุกโชน

ม้วนภาพในเตาหลอมยา ท่ามกลางการหลอมในทะเลเพลิงก็ค่อยๆ ส่องประกายลึกล้ำออกมา

ในความเลือนราง คล้ายว่ามีเสียงหนึ่งดังก้องอยู่ในม้วนภาพ

“ข้า ลืมสิ่งใดไป”

“เป็นความเสียใจหรือ”

“หรือถ้อยคำนั้น”

“บางที ข้าควรให้คนช่วยส่งต่อถ้อยคำให้ข้า”

เสียงค่อยๆ จางหายไป ถูกเผาไปในทะเลเพลิง

เปลวไฟยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โชติช่วงขึ้นเรื่อยๆ

ต้มหม้อดินที่วางอยู่ข้างบนจนแดงวูบวาบ ยาในนั้นภายใต้อุณหภูมิที่สูงลิ่วนี้ก็ค่อยๆ ข้าหนืดขึ้นมา

ประเดี๋ยวๆ ก็มีฟองอากาศผุดขึ้นมา เมื่อแตกออกกลิ่นยาก็ฟุ้งกระจายไปทั่วเรือนที่เรียบง่ายนี้

เรือนไม่ใหญ่นัก รอบด้านมีตู้ยาเรียงราย วางสมุนไพรนานาชนิดเอาไว้

ตรงกลางห้อง มีคนสองคนเป็นชายชราหนึ่งคนและเด็กหนุ่มหนึ่งคน

ชายชราสวมเสื้อคลุมยาวสีน้ำเงินเข้ม ทั้งศีรษะข้าขาวโพลน ใบหน้ามีร่องรอยความเฉยเมยที่เกิดจากการไหลผ่านของกาลเวลา ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้โยก ทอดสายตามองไปยังพระอาทิตย์อัสดงภายนอก ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่

ส่วนเด็กหนุ่มจ้องมองชายชรา รออยู่ชั่วครู่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก

“ท่านอาจารย์ จากนั้นเล่าขอรับ”

“จากนั้นอะไร” ชายชราถามกลับ

“เรื่องเล่าไงขอรับ ท่านเพิ่งพูดไปว่า ลืมอะไรไป เป็นความเสียใจหรือ หรือถ้อยคำนั้น ถ้อยคำนั้นคืออะไรขอรับ จะให้ใครส่งต่อให้ใคร ข้าไปบอกต่อได้นะขอรับ!”

ชายชราได้ยินดังนั้น สายตาก็จับมาที่หม้อยา

“ยาต้มได้ที่แล้ว เจ้าตักแบ่ง แล้วเอาไปส่งเถอะ”

เด็กหนุ่มได้ยินดังนั้น ก็รีบใช้กระบวยตักยาเหนียวข้นในหม้อดินออกมาทีละส่วน ใส่ลงในกล่องยา แล้วถือวิ่งออกไปข้างนอก

เพิ่งก้าวออกจากร้านยา เขาก็หยุดชะงัก หันกลับไปมองอาจารย์ เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้

“อาจารย์ พอข้าส่งยาเสร็จ ท่านจะบอกถ้อยคำนั้นให้ข้าได้ไหมขอรับ ข้าจะต้องบอกต่อไปถึงแน่นอน ข้าอยากรู้มากๆ เลย ถ้าท่านบอกข้า เช่นนั้น ข้าก็จะบอกความลับหนึ่งอย่างให้ท่านด้วย”

ชายชราพยักหน้า

เด็กหนุ่มคาดหวัง ถือกล่องยา วิ่งตื๋อไปไกลลิบ

มองดูเงาร่างของเด็กหนุ่มที่หายลับไปจากสายตา ดวงตาทั้งสองของชายชราก็ดูเลื่อนลอยไปบ้าง

“ถ้อยคำนั้นคืออะไร…ข้านึกไม่ออก”

ชายชราพึมพำ

หนึ่งคืนผ่านไป

เด็กหนุ่มที่จากไป ไม่ได้กลับมา

มีคนบอกว่า เห็นเซียนองค์หนึ่งพาเขาไป

แล้วก็มีคนบอกว่า ความมืดมิดกลืนกินเขาไป

และในชีวิตที่เหลือของชายชราหลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นเขาอีกเลย

ราวกับทุกสิ่งเป็นเพียงภาพลวงตาในความพร่าเลือนของเขา

จวบจนกระทั่งสิบปีต่อมา เมื่อเขากำลังจะจากโลกนี้ไป ก็นึกถึงศิษย์ตัวน้อยเมื่อครั้งนั้นได้บ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว

เพราะทั้งชีวิตนี้ของเขา ล้วนอยู่กับการพยายามระลึกถึงถ้อยคำนั้น

ถ้อยคำที่ดูเหมือนจะอยู่ในความทรงจำ แต่กลับหาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ

ในที่สุด วันที่เขาจากโลกนี้ไป ในยามที่ความทรงจำของเขากลายเป็นเถ้าธุลี สลายไปในโลกมนุษย์ เขาก็เพิ่งนึกถึงถ้อยคำนั้นได้

“ฟ้าดินคือที่พำนักของสรรพสิ่งมีชีวิต…”

“ประโยคถัดไปคืออะไร”

ชายชราไม่มีคำตอบ

เวลาได้พรากชีวิตของเขาไปแล้ว และยังพรากดวงจิตของเขาไปด้วย เหลือเพียงซากร่างที่ยังคงอยู่ในโลกนี้ ถูกฝังอยู่ในผืนดิน

ท่ามกลางการไหลผ่านของกาลเวลา ร่างกายและผืนดินก็รวมเป็นเนื้อเดียวกันโดยสมบูรณ์ ไม่แบ่งแยกกัน

ส่วนภายนอกนั้น ทะเลแปรเปลี่ยนเป็นไร่หม่อน โลกผันแปรเปลี่ยนแปลง เมืองเล็กๆ ในอดีตกลายเป็นซากปรักหักพัง แล้วก็กลายเป็นพื้นที่รกร้าง

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่…

จนกระทั่งวันหนึ่ง จอบเล่มหนึ่งถูกคนยกขึ้น แล้วขุดไปบนผืนดินในพื้นที่รกร้างแห่งนี้

ที่นี่ ถูกบุกเบิกเป็นไร่นา ปลูกพืชผลธัญญาหาร สร้างหมู่บ้านขึ้นมา

ผู้ที่ปลูกพืช ทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน จากหนุ่มกลายเป็นวัยกลางคน และในที่สุดก็เป็นชายชรา

ก่อนตาย เขาพลันบอกกับครอบครัวที่อยู่ข้างกายว่า เขาเคยเป็นขุนนางใหญ่ เคยเป็นพ่อค้าใหญ่ เคยเป็นโจรป่า และเคยเป็นหมอ แล้วก็ถูกฝังอยู่ที่นี่

ดังนั้น ชาตินี้ของเขา ก็ต้องถูกฝังอยู่ที่นี่ เพื่อต่อเวลาให้ตัวเองในอนาคตออกไปอีกหน่อย ให้การสลายของดวงจิตช้าลงอีกนิด

คำพูดก่อนตายนั้นแฝงไปด้วยจินตนาการ บางคนได้ยินแล้วก็เก็บไว้ในใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ถือเป็นเรื่องจริงจัง

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ร่างของเขาก็ถูกฝังลงในผืนดินแห่งนี้ในที่สุด

เขาช่างธรรมดาเหลือเกิน เหมือนน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทร ไม่กี่ปีหลังจากนั้น ก็ค่อยๆ ถูกลืมเลือนไป

ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงมาถึง หมู่บ้านกลายเป็นอำเภอ

ฤดูหนาวหนึ่งในหลายปีหลังจากนั้น ในช่วงเวลาพลบค่ำ บนท้องฟ้า มีผู้อาวุโสนักบำเพ็ญวัยกลางคนผู้หนึ่ง ได้เหยียบย่างสายลมมาถึงสถานที่แห่งนี้

เขาเป็นผู้บำเพ็ญไร้สังกัด ไม่มีพรรค ไม่มีสำนักใดๆ โอกาสครั้งหนึ่งโดยบังเอิญ เขาได้เข้าไปในแดนลับแห่งหนึ่ง และได้รับมรดก

มรดกนี้ คือเสี้ยววิญญาณกลุ่มหนึ่ง

หากอยากจะได้มรดก จำต้องทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของเสี้ยววิญญาณเป็นจริง

ดังนั้น ภายใต้การชี้ทางของเสี้ยววิญญาณ เขาก็มาถึงสถานที่แห่งนี้

อยู่เบื้องหน้าผืนดินแห่งนั้น เสี้ยววิญญาณก็เดินออกจากร่างกายของเขา แปรเปลี่ยนเป็นร่างเด็กหนุ่ม จ้องมองผืนดินแห่งนี้ จ้องมองอำเภอแห่งนี้

สรรพสิ่งยังคงอยู่ แต่ผู้คนเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

เมืองเล็กๆ ในอดีต กลายเป็นเมืองที่ใหญ่ขึ้น ร้านยาในอดีต ก็กลายเป็นโถงศึกษาแห่งหนึ่ง

จ้องมองสิ่งเหล่านี้ ในความเลือนราง ดวงตาของเด็กหนุ่ม ราวกับมองเห็นคืนนั้นเมื่อในวันวาน อาจารย์คนแรกของเขาในร้านยาคนนั้น รวมถึงเรื่องเล่าของอาจารย์

บทที่ 1129 เวลาเป็นแขกผู้มาเยือนนับตั้งแต่โบราณกาลมา 1

บทที่ 1129 เวลาเป็นแขกผู้มาเยือนนับตั้งแต่โบราณกาลมา 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา