เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 1130

บทที่ 1130 แปดวิถีสูงสุดวัฏจักรก่อกำเนิด

ในความว่างเปล่า กายเนื้อเป็นเรือ จิตโดยสารเรือ ทวนกระแสธารไปข้างหน้า

เส้นทางนี้ช่างยาวไกลนัก

เมื่อนึกย้อนวันวาน ขุนนาง พ่อค้า คนเถื่อน หมอ ชาวบ้าน เด็กหนุ่ม…

ดูเหมือนธรรมดา เป็นประสบการณ์ เป็นการเวียนว่ายตายเกิด เป็นชีวิต

นั่นเป็นเพราะอยู่ในห้วงนั้น จึงมองไม่ทะลุหมอกควัน

ในเสี้ยวขณะนี้ตื่นขึ้น หันกลับไปมอง

นั่นคือธาตุทั้งห้าชัดๆ

สวี่จินหงในฐานะอัครเสนาบดี แม้จะเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น แต่ทั้งชีวิตก็ใช้มาตรการอันเด็ดขาดค้ำจุนราชวงศ์ จิตใจดั่งมีทัพกล้าเรือนหมื่น เพรียบพร้อมด้วยศาสตราและม้าศึก ชีวิตของเขา คือสัญลักษณ์แห่งธาตุทอง

ความมั่งคั่งคือทอง อำนาจคือทอง อาวุธศัสตราคือธาตุทอง ชะตาก็เป็นธาตุทองเช่นกัน

สวี่หงผู้ฝันอยากเป็นพ่อค้าใหญ่และมั่งคั่ง ทั้งชีวิตใจบุญสุนทาน เคยมีทรัพย์สินมหาศาล เคยระหกระเหินพลัดพราก เผชิญโชคชะตาอันโหดร้าย ท้ายที่สุดก็แห้งเหือดสิ้นสูญ ชีวิตของเขา คือสัญลักษณ์แห่งธาตุน้ำ

ทรัพย์สินคือน้ำ แปรเปลี่ยนไหลเวียน มีทั้งความแห้งแล้งและน้ำท่วมสองขั้ว มีคำกล่าวว่าคุณธรรมสูงสุดคือดุจน้ำ ดังนั้นชะตาชีวิตของเขาก็คือธาตุน้ำ

สวี่ซานคนเถื่อน ภูเขานี้ไม่ใช่ดิน แต่มีความหมายของป่า ชีวิตดุจจอกแหน วัยเด็กเหมือนไม้ผุ วัยผู้ใหญ่กลายเป็นโจรป่า หลบซ่อนปะปนอยู่ในป่าเขา ชะตาชีวิตดุจไม้ผุ

สติปัญญาน้อยและอารมณ์โกรธง่าย สิ่งภายนอกง่ายต่อการกระทบอารมณ์ ดังนั้นชีวิตนี้ยอมยืนตายก็จะไม่ยอมคุกเข่าอยู่อย่างอัปยศ

หมอสวี่อวี้ รักษาผู้คนด้วยจิตเมตตา หัวใจของหมอผู้เมตตา ยินดีเป็นเตาหลอมแห่งฟ้าดิน หลอมสมุนไพร ร่างกายดุจไฟ ชีวิตดุจไฟ

นี่คือเปลวเพลิงแห่งดวงใจนกกระจอกเพลิง ประกายลุกไหม้อันงามสง่าที่ปกปักษ์คุ้มครองโชคชะตา

ทว่าในชาตินี้ เมื่อพลังแห่งลมและไฟแผดเผาออกมา หัวใจดับสิ้น กระทั่งยามตายหัวใจจึงหวนคืน และลมไฟจึงกลับคืนมา

สวี่คุนชาวบ้านธรรมดา ชีวิตเรียบง่าย ซื่อสัตย์และพูดน้อย เท้าเหยียบไอดินร้อน หลังโดนแสงตะวันแรงกล้าแผดเผา ใช้แรงไม่รู้จักร้อน แต่เสียดายที่ฤดูร้อนยาวนาน

หัวยันฟ้า เท้าเหยียบดิน เพื่ออนาคตข้างหน้า สั่งสมชะตาธาตุดิน

ส่วนเด็กหนุ่มและเสี้ยววิญญาณของผู้บำเพ็ญ คือคนเดียวกัน

รับภารกิจในการส่งสาร ดุจเส้นด้ายยาว

เริ่มต้นจากไฟของหมอ ผ่านดินของชาวบ้านธรรมดา แล้วจึงพบตัวตนที่แท้จริง

ข้ามผ่านกาลเวลา

นี่คือชะตาแห่งกาลเวลา

“ขาดเพียงมิติ…”

สวี่ชิงพึมพำ

“ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะเส้นทางนี้ยังไม่สมบูรณ์”

การเวียนว่ายตายเกิดอยู่เบื้องหน้า ส่วนต้นกำเนิดอยู่เบื้องหลังการเวียนว่ายตายเกิด ดังนั้นเขาจึงเดินไปพลาง มองไปพลาง

ไม่จมดิ่งอีกต่อไป

ดุจแขกผู้มาเยือน พบเห็นชีวิตร้อยแปดพันเก้า

สิ่งที่เห็นคือวิถีไร้ลักษณ์ จึงมีทั้งชายและหญิง มีทั้งคนแก่และเด็ก มีทั้งราชสำนัก และโลกยุทธภพ

ฉากแล้วฉากเล่า ปรากฏขึ้นตรงหน้า

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ไม่จดจำกาลเวลา

เส้นทางนี้ เมื่อเดินไปเรื่อยๆ มองไปเรื่อยๆ ฝีเท้าของสวี่ชิง ก็หยุดลงในที่สุด

สิ่งที่มองเห็นในสายตา สิ่งที่จิตใจจับจ้อง คือตัวเขาเองในการเวียนว่ายตายเกิด…ที่กลายเป็นนักแสดงละคร

……

ชีวิตนักแสดง แสดงบทบาทมากมาย

เมื่อวาน เสียงฆ้องกลองดังก้องไปทั่ว เพลิดเพลินกับการแสดงบนเวที ชายแขนเสื้อยาวสะบัดพลิ้วไหว

วันนี้ธงปลิวไสว ลมพัดมาแปดทิศ กำหนดความภักดีและความชั่วร้าย สีดำขาวแดง

ใบหน้าเดียวกัน การแต่งแต้มสีที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ก็กลายเป็นชีวิตในห้วงเวลาต่างๆ

มีการแสดงบทชีวิตที่ราบรื่น มีการแสดงบทตายที่น่าเสียดาย

ชีวิตก็เหมือนละคร เรื่องราวโลกีย์ในโลกมนุษย์มากมายในอดีตและปัจจุบัน ล้วนถูกขับร้องออกมาในการแสดง

ไม่รู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยสีสันนั้น มีหัวใจที่แท้จริงแบบไหน

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่รู้ว่านานไปแล้ว จะแยกแยะความจริงกับภาพลวงตาออกหรือไม่

มีเพียงในพริบตาที่การแสดงจบลงผู้คนแยกย้าย เมื่อลบสีสันทั้งหมดออก คนที่เดินออกมาก็แบกรับความคิดโศกเศร้า รำพึงรำพันสะท้อนใจถึงชีวิตในอดีตและอนาคตที่แสดงบทบาทความสุขและความเศร้า ชีวิตล่องลอยดุจฝัน กาลเวลาดุจสายน้ำ ค่อยๆ จางหายไปอย่างเงียบงัน ไม่ทิ้งร่องรอย…

ในที่สุด ก็ถอนหายใจเบาๆ

“ในโลกนี้มีบทบาทสุขเศร้ามากมาย คนผู้นี้อย่าได้กล่าวถึงความทุกข์ระทมเลย…”

“แยกไม่ออก…”

บทเพลงแห่งความสุขมักจะทำให้ผู้คนมึนเมา กาลเวลาในสายตายังดูพร่าเลือน

ความทรงจำแต่ละส่วนล้วนเป็นระลอกคลื่น เมื่อฝันตื่นขึ้น เดิมทีก็เป็นเพียงความฝันดอกเหมยที่พบกันเมื่อพันปีหมื่นปี

ดังนั้น การแสดงนี้ จากบทโหมโรงถึงบทสุดท้าย

ชีวิตนี้ จากเกิดถึงตาย

ความฝันนี้ จากการจมดิ่งถึงตื่นจากฝัน

สวี่ชิง ตื่นขึ้นมา

ในความว่างเปล่า พึมพำเบาๆ

“นี่มันคือละครที่ไหนกัน นี่คือชีวิตในห้วงกาลเวลา…”

“และคนมีเกิดมีตาย ละครก็มีเริ่มมีจบสิ้น ความแตกต่างของการเกิดกับตาย ก็เหมือนความแตกต่างระหว่างความฝันกับการตื่น ผันผวนเปลี่ยนแปลง ไม่สามารถสอบสวนหาข้อเท็จจริงได้”

“เช่นนั้น ข้ามผ่านการเวียนว่ายตายเกิด ก้าวออกจากชีวิต หลังตื่นจากฝัน ที่ปลายสุดของม้วนภาพนี้ สิ่งที่กำลังรอข้าอยู่คืออะไรกัน”

คำตอบ ได้ปรากฏแล้ว

เพราะเขาตลอดเส้นทางนี้ ก็ได้ก้าวขึ้นไปจนสุดปลายม้วนภาพแห่งการเวียนว่ายตายเกิดแล้ว และในที่สุดก็มองเห็นจุดกำเนิดของม้วนภาพนี้

และยังเป็นรากฐานแห่งวิถีที่รองรับการเวียนว่ายตายเกิดของม้วนภาพ

มัน เดิมทีก็คือภาพวาดภาพหนึ่ง

ภาพที่หลี่เมิ่งถู่เปิดออกเป็นเพียงเส้นเดียวเท่านั้น ทว่าสวี่ชิงในในเสี้ยวขณะนี้ สิ่งที่เห็นคือภาพวาดทั้งหมด

นั่นคือผลึกแก้วชิ้นหนึ่ง

ตกลงสู่ความอลหม่าน ปรากฏในความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด เปล่งประกายแสงเจิดจรัสอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แล้วก็แตกออกเป็นสิบส่วนที่ไม่สม่ำเสมอ

กระจัดกระจายไป

จากนั้น ก็ปรากฏผืนดินหนาขึ้นมา

นี่คือภาพที่เกิดจากผืนดินหนา และยังเป็นฉากที่บรรยายไว้เอาไว้บนอุกาบาตที่สวี่ชิงเคยเห็นผ่านจากสายตาของบรรพจารย์เซียนเมื่อครั้งที่สัมผัสรับรู้แปดวิถีสูงสุดในตอนนั้นอีกด้วย

การกำเนิดฟ้าดิน

และยิ่งชัดเจนขึ้น!

“ไม่คิดเลยว่า สิ่งที่วาดในม้วนภาพนี้ จะเป็นฉากนี้”

สวี่ชิงพึมพำ

“นั่นคือผลึกแก้วสีม่วงก้อนหนึ่ง”

เหมือนกับของเขาไม่มีผิดเพี้ยน

ดังนั้น สวี่ชิงจึงเงียบงัน

เขาในตอนนี้สัมผัสได้ถึงวิธีที่จะจากไป

เขาได้ผ่านการเวียนว่ายตายเกิดของม้วนภาพมาจนสุดทางแล้ว

ตอนนี้ขอเพียงแค่ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ก็จะออกไปจากม้วนภาพนี้ได้

แต่สายตาของเขา กวาดมองไปยังผลึกแก้วทั้งสิบส่วนที่แตกสลายนั่น

นานหลังจากนั้น ดวงตาของเขาก็เผยประกายอันแรงกล้า

“การถูกผนึกในม้วนภาพนี้ คือทั้งความเป็นความตาย และเป็นทั้งโชคชะตา!”

“วิถีกายเซียนของข้า มีต้นกำเนิดจากผลึกแก้วสิบส่วนที่แตกสลายนั่น ตอนนี้เมื่อเห็นอีกครั้ง อีกทั้งยังชัดเจนกว่าที่เคยเห็น ข้าสามารถ…ยืนยันวิถีของข้าได้อีกครั้ง!”

คิดถึงตรงนี้ สวี่ชิงก็ไม่ลังเล นั่งขัดสมาธิลง จิตเทพและแม้กระทั่งวิญญาณก็พลันแผ่ออกไป ดุจดาวตก พุ่งตรงไปยังผลึกแก้วสิบส่วนที่แตกสลายนั้น

เสี้ยวพริบตาต่อมา การเวียนว่ายตายเกิดก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ ไม่ใช่คนอีกต่อไป

……

ข้าคืออุกกาบาตที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้า

ตกลงบนดวงดาวที่มีนามว่าชะตาสวรรค์

ไม่รู้ว่าตนเองมาจากที่ใด

ที่นั่น กาลเวลาไหลผ่าน ข้าค่อยๆ เกิดสติปัญญาขึ้นมา ในความรางเลือนก็นึกถึงเรื่องราวในอดีตได้บ้าง

แต่ไม่ชัดเจนนัก คลุมเครือเหลือเกิน

จำได้เพียง ทะเลทรายแห่งหนึ่ง

บทที่ 1130 แปดวิถีสูงสุดวัฏจักรก่อกำเนิด 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา