เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 114

บทที่ 114 แผ่นดินต่างเผ่า

มองจากท้องฟ้า รูปร่างของเกาะเผ่าเงือกทั้งสี่ที่แสงสีม่วงปกคลุมเอาไว้ การฆ่าล้างสังหารที่ปะทุขึ้นถี่ และระลอกคลื่นพลังเวทตั้งเรียงเป็นเหมือนจันทร์เสี้ยว

เกาะทั้งสี่ที่จับกลุ่มเป็นทรงจันทร์เสี้ยวนี้ บนสุดคือเกาะหมีเอ้อ สองเกาะตรงกลางคือเกาะจวีอิงและเกาะอีเหม่ยฉี และเกาะข้างล่างสุดคือเกาะครองมรดก

ในนั้นเกาะอีเหม่ยฉีคือเกาะหลักของเผ่าเงือก ที่เหลือสามเกาะเป็นรอง

สวี่ชิงไม่ได้มีความเข้าใจกับเผ่าเงือกสักเท่าไรอยู่แล้ว ในแผ่นหยกที่หวงเหยียนให้แต่ก่อนมาที่นี่ก็มีคำอธิบายเกี่ยวกับเผ่าเงือกละเอียดมาก

ไม่ใช่แค่ทำสัญลักษณ์ไว้บนสถานที่ที่มีค่าต่างๆ เท่านั้น แต่ยิ่งบอกกล่าวถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเผ่าเงือกด้วย

ในวัฒนธรรมของเผ่าเงือก เมื่อคนในเผ่าตายแล้ว ก็จะเข้าไปในโลกอันแปลกพิศดารที่มีชื่อว่าทุ่งเมฆาผ่านจากศาลเจ้าแห่งหมีเอ้อ แดนเทพที่พวกเขาเรียกแห่งนั้นฝังเทพเจ้าบรรพกาลที่อยู่ในตำนานเทพนิยายของพวกเขาเอาไว้

เทพเจ้าองค์นี้ชื่อว่าหมีเอ้อ

ซึ่งก็เป็นที่มาของชื่อเกาะหมีเอ้อ ดังนั้นเสื้อเกราะที่บวงสรวงอยู่ในภูเขาไฟบนเกาะหมีเอ้อจึงมีชื่อว่าเกราะหมีเอ้อ

แม้หมีเอ้อในตำนานเทพนิยายของพวกเขาจะศักดิ์สิทธิ์มากแต่ถึงอย่างไรก็แตกดับไปแล้ว และความเชื่อของเผ่าเงือกก็ต้องการสื่อกลาง กระทั่งว่าในบรรดาผู้แข็งแกร่งบางคนของพวกเขาก็ต้องการสื่อกลางนี้เพื่อมาสำแดงวิชาเทพของตัวเอง

ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงบูชาผู้แข็งแกร่งอีกคนหนึ่ง บรรยายให้ลึกลับเกินจริง แล้วเรียกเขาว่าจวีอิง

เกาะจวีอิงก็ได้ชื่อมาด้วยเหตุนี้

และในแผ่นหยกที่หวงเหยียนให้มาก็ได้บอกว่าเทพจวีอิงที่ว่า ความจริงแล้ว…เป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตประเภทเทพที่อยู่ลึกในทะเลต้องห้ามก็เท่านั้น

แข็งแกร่งก็แข็งแกร่งอยู่ แต่เทียบไม่ได้กับระดับที่ได้ชื่อว่าเทพเจ้าเลย

ส่วนเกาะครองมรดกเป็นตัวแทนของที่ผู้ตายทิ้งไว้

เผ่าเงือกให้ความสำคัญกับของที่ผู้ตายทิ้งไว้และวัตถุที่ฝังไปกับคนตายมาก พวกเขาเชื่อว่ายิ่งวัตถุที่ฝังไปกับคนตายเยอะมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการพิสูจน์ถึงความยิ่งใหญ่ในตอนที่มีชีวิตอยู่ ดังนั้นจึงมักจะฝังคนที่ตายไว้ที่เกาะครองมรดก อีกทั้งยังฝังสิ่งของต่างๆ ตลอดช่วงชีวิตลงไปด้วย

แต่พวกเขาก็ไม่ได้กีดกันคนรุ่นหลังไปขุดค้น เพราะในวัฒนธรรมพวกเขาเชื่อว่า วัตถุที่ฝังไปกับคนตายที่ผู้มีวาสนาในเผ่าขุดออกมาได้และได้ตามคนคนนั้นไปร่วมสู้ด้วย นั่นคือการเกิดใหม่ในอีกความหมายหนึ่งของพวกเขา

สุดท้ายคือเกาะอีเหม่ยฉี

ในฐานะที่เป็นเกาะหลักของเผ่าเงือก จึงตั้งชื่อตามนามสกุลของหัวหน้าเผ่ารุ่นแรกของเผ่าเงือก และสกุลนี้ก็เป็นสกุลของเชื้อพระวงศ์เผ่าเงือก

นี่ก็คือเกาะทั้งสี่ของเผ่าเงือก อีกทั้งยังแฝงไว้ด้วยรากฐานทางวัฒนธรรมของพวกเขา

ในหัวสวี่ชิงมีเนื้อหาในแผ่นหยกเหล่านี้ผุดขึ้นมา ขณะเดียวกันก็นึกถึงเรื่องเล่าเบาะแสศาลเจ้าที่ซ่อนอยู่ในตะเกียงดับวิญญาณ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ระดับสร้างฐานที่เจ้าอ้วนน้อยพูดถึง

หลังจากที่หมีเอ้อเทพรุ่นแรกในตำนานของเผ่าเงือกตาย ศาลเจ้าหมีเอ้อก็ได้หายตามไปด้วย ว่ากันว่าในตะเกียงดับวิญญาณมีเบาะแสตามหาศาลเจ้าหมีเอ้ออยู่ แต่เนิ่นนานมานี้ก็ไม่มีใครค้นพบ

สวี่ชิงไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เขาสนใจเพียงราคาของตะเกียงดับวิญญาณเท่านั้น ดังนั้นหลังจากที่ข้อมูลพวกนี้แวบเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว เขาก็ไม่หยุดชะงักแม้แต่น้อย พุ่งตัวไปข้างหน้าในป่าอย่างรวดเร็ว

รวดเร็วว่องไว สวี่ชิงได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นจำนวนไม่น้อยอยู่ไกลๆ และสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นพลังวิญญาณ

นี่คือเสียงของลูกศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิตที่มาเกาะนี้ต่อสู้กับเผ่าเงือก

สวี่ชิงหรี่ตาลงเล็กน้อย กวาดไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว พุ่งไปข้างหน้าด้วยท่าทางเตรียมพร้อมโจมตีตามความเคยชิน เคลื่อนตัวไปบนยอดไม้แต่ละต้นๆ ท่องไปในจุดซ่อนเร้นมืดมิดในป่า ความเร็วไม่ลดลงเลย

เขาคุ้นเคยกับป่าไม้เป็นอย่างดี

ตอนนี้ในขณะที่วิ่งตะบึง ในที่สุดสวี่ชิงก็มั่นใจเรื่องที่คาดเดาและวิเคราะห์เรื่ององค์ชายสามกับสำนักในวันนั้น รู้ว่าไม่มีใครมาหาเรื่องที่ตนฆ่าเผ่าเงือกแล้ว

นี่ทำให้เขาจิตใจสงบ ร่างทะยานไปบนยอดไม้แห่งหนึ่ง กำลังจะอาศัยแรงพุ่งไปข้างหน้า จู่ๆ ม่านตาของเขาก็หดเล็ก

ความรู้สึกอันตรายกลุ่มหนึ่งพลันผุดขึ้นมาในใจ ร่างของเขาถอยไปข้างหลังทันที และในเสี้ยวพริบตาที่เขาถอยไปนั้น ในยอดพุ่มไม้ใหญ่ที่เขาอยู่เมื่อก่อนหน้านี้ ก็มีกิ่งไม้สีแดงกิ่งหนึ่งพุ่งมา

กิ่งไม้เหมือนรยางค์โหมกวาดมาในพริบตา

ในขณะเดียวกับที่กิ่งไม้ปรากฏขึ้น ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นก็แห้งเหี่ยวอย่างสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สิ่งที่แห้งเหี่ยวตามไปด้วยยังมีต้นไม้ใหญ่ที่คล้ายๆ อีกหลายสิบต้นรอบๆ

ในเสี้ยวพริบตาที่พวกมันแห้งเหี่ยว กิ่งไม้สีแดงมากมายก็พุ่งมาหาสวี่ชิงอย่างรวดเร็วจากทั่วทุกสารทิศ

สวี่ชิงสีหน้าเป็นปกติ ร่างกายเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างปราดเปรียว ไม่ได้ลงมือในทันที แต่หลังจากที่หลบกิ่งไม้รอบๆ แล้วก็ทะยานตัวขึ้น ทอดสายตามองบริเวณต้นกำเนิดของกิ่งไม้พวกนี้ที่อยู่ไกลลิบ

ดินโคลนบริเวณนั้นกำลังถล่มลงไป ต้นไม้ใหญ่หนาสีแดงเลือดต้นหนึ่งกำลังลอยขึ้นมาจากใต้ดินอย่างช้าๆ ก็มีแสงสีแดงสาดประกายตามการลอยขึ้นมาของมัน แต่มันกลับไม่อาจบดบังสายตาของสวี่ชิงได้ สวี่ชิงมองเห็นเศษชิ้นส่วนมากมายฝังอยู่ในกิ่งไม้นี่อย่างชัดเจน

มีเผ่ามนุษย์ และก็มีต่างเผ่า

เป็นสีดำคล้ำทั้งหมด

เหมือนว่าพวกเขาถูกฝังอยู่ที่นี่ เลือดเนื้อในร่างก็กลายเป็นสารอาการหล่อเลี้ยงต้นไม้ใหญ่ ในขณะเดียวกันก็กลายเป็นจุดกลายพันธุ์สำหรับกักเก็บไอพลังประหลาด

เพราะต้นไม้ใหญ่ลอยขึ้นมา สวี่ชิงจึงมองเห็นผลไม้ขนาดมหึมาหลายสิบผลบนนั้น

ผลไม้พวกนี้ล้วนออกผลอยู่บนกิ่ง มีลักษณะกึ่งโปร่งแสง สามารถมองเห็นได้ว่าทุกลูกมีผู้บำเพ็ญเผ่าเงือกอยู่

บทที่ 114 แผ่นดินต่างเผ่า 1

บทที่ 114 แผ่นดินต่างเผ่า 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา