บทที่ 115 เจดีย์สร้างฐานที่เป็นเป้าหมาย
เกาะจวีอิงไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก บนนั้นมีเมืองสามเมือง และฐานที่มั่นที่เหมือนกับหมู่บ้านมากมาย เป้าหมายของสวี่ชิงคือเมืองจวีอิงที่เป็นเมืองหลักของทั้งสามเมืองนี้
ตำแหน่งที่จะขึ้นเกาะเขาก็ได้เลือกเอาไว้แล้วเมื่อก่อนหน้านี้ ดังนั้นเมืองกระดูกปลาขนาดมหึมาที่เห็นอยู่ในตอนนี้ก็คือเป้าหมายของเขา
“เมืองจวีอิง…” แววตาสวี่ชิงฉายประกายวาววาม พุ่งไปยังเมือด้วยความเร็วสุดขีด
เกาะจวีอิงตอนนี้เละเทะไปทั่วทุกแห่งหน ทุกระยะห่างช่วงหนึ่งก็จะเห็นจุดพังถล่มและแหลกละเอียด นั่นเกิดจากการยิงโจมตีจากนายท่านเจ็ดและเรือของผู้บำเพ็ญสำนักเจ็ดเนตรโลหิตระดับสร้างฐานและระดับหลอมตันเถียน
ที่ไกลลิบๆ ควันดำลอยโขมง เสียงการต่อสู้ดังมาจากทั่วทุกสารทิศไม่ขาดสาย ทั้งเกาะอยู่ในสภาวะสงครามโกลาหล
สวี่ชิงเก็บสายตาลง พุ่งตรงไปยังเมืองกระดูกปลา ที่นั่นดูเหมือนไม่ไกล แค่ความจริงแล้วเมื่อเดินทางขึ้นมาจริงๆ ต่อให้ด้วยความเร็วระดับสวี่ชิงยังต้องใช้เวลาครึ่งชั่วยามถึงจะเข้าใกล้ได้
และจากการเข้าใกล้มา ความยิ่งใหญ่ของกระดูกปลาก็ยิ่งปรากฏออกมาให้เห็นอย่างน่าตกใจ
สวี่ชิงมองกระดูกนี่ เขายากจะจินตนาการได้ว่าปลาตัวนี้ตอนยังมีชีวิตอยู่ในทะเลต้องห้ามจะสะเทือนฟ้าดินถึงเพียงใด ต่อให้ตอนนี้ตายไปแล้ว แต่พลังกดดันก็ยังแข็งแกร่ง
แต่เห็นได้ชัดว่าพลังกดดันนี้ไม่มีภัยคุกคามอะไรกับเผ่าเงือก บางทีอาจเกี่ยวกับลักษณะพิเศษของเผ่าพันธุ์นี้ก็ได้ แต่สำหรับเผ่าพันธุ์อื่นแล้วไม่เหมือนกัน
ในใจเกิดระลอกคลื่นอารมณ์ภายใต้พลังกดดันนี้ พลังบำเพ็ญก็ถูกสะกดไปไม่น้อย เพียงแต่ทั้งฟ้าดินตอนนี้อยู่ในการปกคลุมของทะเลแสงสีม่วง ดังนั้นไม่ว่าพลังกดดันของกระดูกปลาจะเคยมีมากมายเพียงใด ตอนนี้ก็ถูกสะกดควบคุมไปกว่าครึ่ง
ส่วนที่เหลือแม้ในความรู้สึกจะแข็งแกร่ง แต่ผลกระทบต่อพลังบำเพ็ญก็ไม่ได้มากเท่าไรแล้ว
ในขณะที่เข้าไปใกล้ สวี่ชิงได้ยินเสียงระเบิดดังมาไม่ขาดสาย และสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นวิชาเวท เขารู้ว่ามีศิษย์จำนวนไม่น้อยชิงเข้าไปก่อนแล้ว ดังนั้นร่างจึงเพียงไหววูบก็ทะยานย่างเข้ามาในเมืองทันที
เมืองจวีอิงที่สร้างอยู่บนกระดูกปลาแห่งนี้รูปแบบของสิ่งก่อสร้างน่าอัศจรรย์มาก บ้างก็มีรูปร่างเหมือนบ้านเรือนของเผ่ามนุษย์ บ้างก็แปลกประหลาดเหมือนรังผึ้ง แล้วยังมีใช้พืชที่เหมือนเห็ดหรือไม่ก็สาหร่ายทะเลมาเป็นที่พักอาศัย
แล้วก็ยังมีอีกจำนวนหนึ่งเป็นซากเรืออับปางกับเปลือกหอยตั้งเอาไว้
ในนั้นสิ่งก่อสร้างอย่างเผ่ามนุษย์พวกนั้นเห็นได้ชัดว่ามีรูปแบบอย่างสำนักเจ็ดเนตรโลหิต อีกทั้งสิ่งก่อสร้างประเภทนี้ยังมีโครงสร้างเป็นอิฐและกระเบื้อง เหมือนว่าเจ็ดเนตรโลหิตเคยมาสร้างให้กับเผ่าเงือก
สวี่ชิงกวาดสายตาแต่ไม่ได้หยุดเคลื่อนที่ พุ่งตรงไปยังใจกลางเมือง
จุดมุ่งหมายของเขาคือเจดีย์สร้างฐานที่ใจกลางเมืองแห่งนี้
ตามเบาะแสที่หวงเหยียนให้มา ตะเกียงดับวิญญาณที่เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ระดับสร้างฐานอยู่ในเจดีย์สร้างฐานแห่งนี้ ที่แห่งนั้นปกติแล้วจะมีผู้แข็งแกร่งเผ่าเงือกเฝ้าอย่างเข้มงวด
‘ต้องหาวิธีเอามันมา หากไม่สามารถลงมือได้เช่นนั้นก็ไปคลังลูกกลอนที่อยู่เมืองนี้ ไปหาลูกกลอนสร้างฐาน’ สวี่ชิงรู้ว่าเวลาเร่งรีบมาก ตอนนี้จึงสำแดงความเร็วเต็มกำลัง เกิดเป็นเสียงแหวกอากาศ พุ่งตรงไปข้างหน้า
แต่เขาไม่ได้ใช้ยันต์บินทะยาน จะอย่างไรความแตกต่างระหว่างวิ่งตะบึงไปในเมืองก็แตกต่างกับการบินอย่างรวดเร็วบนฟ้าก็มากมายนัก แต่อย่างหลังดึงดูดสายตาเกินไป แม้ผู้บำเพ็ญเผ่าเงือกจะถูกสะกดพลังบำเพ็ญ อีกทั้งสวี่ชิงยังแข็งแกร่งมาก แต่นี่จะเป็นการดึงดูดสายตาเกินไป อย่างไรก็ไม่เหมาะ
ตอนนี้ในขณะที่เคลื่อนไปข้างหน้า จากการที่สวี่ชิงเข้าใกล้จุดมุ่งหมายเข้ามาเรื่อยๆ เขาก็ได้เห็นลูกศิษย์ของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตจำนวนหนึ่งมาตลอดทาง ลูกศิษย์เหล่านี้ส่วนมากล้วนเคลื่อนตัวไปในที่มืดและตามมุม กวาดค้นสิ่งของอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ ต่อให้เป็นการสังหารก็มักจะเกิดขึ้นจากผลประโยชน์
น้อยนักที่จะมีคนตั้งใจฆ่า
ต่อให้เกิดการกระทบกระทั่งจากของที่มีราคาชิ้นเดียวกัน แต่ก็มักจะเพียงปะทะก็เลี่ยงจากกันทันที อย่างไรเสียเมืองกว้างใหญ่ขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเล็กๆ
ในขณะเดียวกัน สวี่ชิงก็ได้เห็นสิ่งก่อสร้างที่เป็นสัญลักษณ์พิสูจน์ความสัมพันธ์เป็นพันธมิตรกันของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตและเผ่าเงือก ยกตัวอย่างเช่นหลักศิลาที่เขาเห็นตอนนี้
หลักศิลานี้สูงมาก รักษาเอาไว้ได้สมบูรณ์ บนนั้นมีชื่อสลักเอาไว้จำนวนมหาศาล
ดูจากตัวอักษรที่บรรยาย นี่คืออนุเสาวรีย์ฝังกระดูกที่หลงเหลือจากการที่สำนักเจ็ดเนตรโลหิตมาช่วยเหลือวิกฤตเผ่าเงือกเมื่อหลายปีก่อนครั้งนั้น
หลักศิลาสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ เหมือนมีคนมาทำความสะอาดอยู่บ่อยๆ
แต่เมื่อดูให้ละเอียด หลักศิลาที่สูญเสียพลังอำพรางภายใต้การส่องทะลุจากค่ายกลบนท้องฟ้า ก็จะเห็นว่ากระดูกทั้งหมดหายไปแล้ว
อีกทั้งยังเห็นร่องรอยได้ชัดว่าถูกขุดออกไป…
สวี่ชิงมองหลักศิลาแล้วเงยหน้ามองผู้บำเพ็ญบนเขาทั้งหลายของยอดเขาที่เจ็ด สำนักเจ็ดเนตรโลหิตที่อยู่บนท้องฟ้า เขาเข้าใจเหตุผลที่ทำไมผู้นำระดับสูงของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตถึงได้โกรธแค้นเช่นนี้แล้ว
แต่สำหรับสวี่ชิง เขามาสำนักเจ็ดเนตรโลหิตได้ไม่นานเท่าไร ทุกอย่างล้วนเพื่อผลประโยชน์ ดังนั้นจึงเทใจลงไปไม่มาก เพียงแต่ในใจรังเกียจพฤติกรรมเนรคุณแบบนี้ไปตามสัญชาตญาณก็เท่านั้น
ตอนนี้เขาดึงสายตากลับมา มือขวาพลันยกขึ้น หยดน้ำมหาศาลปรากฏขึ้นมาทันที ก่อนจะก่อตัวเป็นเกราะป้องกัน ขวางกั้นฟองอากาศสิบกว่าฟองที่จู่ๆ ก็พุ่งมายังหลักศิลาอย่างรวดเร็ว
ฟองอากาศพวกนี้เมื่อสัมผัสกับหยดน้ำก็สลายไปทันที เกิดเป็นระลอกคลื่นรุนแรงแผ่กระจายออกไป มีเงาร่างของผู้บำเพ็ญเผ่าเงือกห้าร่างพุ่งมาหาสวี่ชิงจากรอบด้านพร้อมด้วยความดุดันและเหี้ยมเกรียม
สวี่ชิงมองไปอย่างเย็นชา พลันสะบัดมือก็มีม่านน้ำแผ่ออกมาจากรอบตัวเขาทันที ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นธนูวารีที่มีความคมกริบ พุ่งออกไปหาพวกเขาฉับพลัน
ร่างของสวี่ชิงเพียงไหววูบก็หายไปจากตรงนั้น หลังจากที่เขาจากไป ร่างของผู้บำเพ็ญเผ่าเงือกทั้งห้าก็เป็นรูพรุน ล้มลงดับดิ้นกับพื้น ถุงหนังในตัวถูกหยดน้ำหอบม้วนไล่ตามสวี่ชิงไปอย่างรวดเร็ว สวี่ชิงคว้าเก็บเอาไว้เรียบร้อยในขณะที่วิ่งทะยานอยู่ ฝีเท้าของเขารวดเร็วราวบิน ใกล้เจดีย์สร้างฐานเข้ามาเรื่อยๆ
สวี่ชิงทำเช่นนี้ตลอดทาง เขาไม่มีความคิดจะฆ่าคน แค่มุ่งหน้าไปยังสถานที่เป้าหมาย แน่นอนว่าหากเจอคนไม่ดูตาม้าตาเรือเป็นฝ่ายหาเรื่องมาก่อน เขาก็ไม่รังเกียจที่จะได้ผลเก็บเกี่ยวเพิ่มอีกเล็กน้อย
สุดท้ายหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม สวี่ชิงก็เห็นเจดีย์สร้างฐานที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
ลักษณะของเจดีย์นี้ไม่เหมือนทั่วๆ ไป จากคำบรรยายในแผ่นหยกของหวงเหยียน เจดีย์นี้คือรูปร่างของจวีอิง เทพเจ้าของเผ่าเงือก

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา