เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 12

บทที่ 12 ข้อห้ามของพื้นที่ต้องห้าม

เผชิญหน้ากับการท้าทายของเงาโลหิต จิตสังหารในตาของเขี้ยวหงส์ก็มีมากขึ้น มองไปทางหัวหน้าเหลย

หัวหน้าเหลยสีหน้าปกติ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “กางเขน”

กางเขนได้ยินดังนั้นก็หยิบธนู ง้างยิงขึ้นฟ้าไปดอกหนึ่งในพริบตา

ลูกศรดอกนี้ราวกับสายอัสนีบาตกระพือเสียงคมแหลมหวีดหวิวด้วยความเร็วขีดสุด แทงทะลุเหยี่ยวที่บินวนอยู่บนท้องฟ้าตัวนั้นในพริบตา

เลือดสดสาดกระจาย เหยี่ยวตัวนั้นส่งเสียงกรีดร้องแหลม ร่วงลงมาบนพื้นระหว่างกลุ่มทั้งสองดังปัง

ขณะเดียวกัน คนหนึ่งในกลุ่มเงาโลหิต ทั่วร่างสั่นสะท้าน กระอักเลือดออกมาทีหนึ่ง สีหน้าขาวซีดทันทีทันใด

นั่นคือเหยี่ยวของเขา แตกต่างจากสุนัขที่เขี้ยวหงส์เลี้ยงไว้ เหยี่ยวตัวนี้เป็นสิ่งที่เขาใช้พลังวิญญาณตนเองเข้าควบคุม ตัวคนจึงได้รับบาดเจ็บหนักเพราะปฏิกิริยาย้อนกลับตอนนี้

คนอื่นๆ ในกลุ่มเงาโลหิตทยอยแผ่จิตสังหารออกมา แต่ก็ถูกหัวหน้ากลุ่มเงาโลหิตห้ามไว้ เขายืนขึ้นช้าๆ บนศพของสุนัข ไม่ได้มองไปทางเขี้ยวหงส์ แต่จ้องเขม็งไปทางหัวหน้าเหลย

หัวหน้าเหลยเองก็มองเขาด้วยสายตาเย็นชาเช่นกัน

ทั้งสองคนประสานตากันอยู่นาน จากนั้นต่างฝ่ายต่างส่งเสียงฮึเย็นชา

“ไปเถอะพวกเรา” หัวหน้าเหลยเอ่ยเสียงหนัก เดินตรงไปด้านหน้าต่อ พวกของเขี้ยวหงส์เดินตามหลัง สวี่ชิงเองก็อยู่ในนั้น

เขาสัมผัสได้ถึงจิตอริที่หยั่งลึกของทั้งสองกลุ่ม ก็เลยหันหน้ากลับไปมองกลุ่มเงาโลหิตเหล่านั้น มองเห็นว่าพวกเขากำลังรอเจ้าม้ากับเจ้าอ้วน น่าเสียดาย ที่สองคนนั้นไม่มีทางมาปรากฏตัวอีกแล้วตลอดกาล

สวี่ชิงนิ่งงันไม่ส่งเสียง เบนสายตากลับมา เดินตามพวกของหัวหน้าเหลยค่อยๆ ออกจากฐานที่มั่นไป

พื้นที่ต้องห้ามห่างจากฐานที่มั่นดูเหมือนไม่ไกล แต่อันที่จริงถ้าออกเดินก็ยังห่างกันอยู่ระดับหนึ่ง

พวกเขาเดินไปราวครึ่งชั่วยาม ถึงมองเห็นทิวป่าดำทมึนอยู่ไกลๆ

มองจากด้านนอกเข้าไป ผืนป่าพื้นที่ต้องห้ามนี้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ไม่รู้ว่าทอดยาวออกไปเท่าไร

ตอนนี้คือช่วงตะวันสายโด่ง แสงแดดเข้มข้น แต่ด้านในป่าพื้นที่ต้องห้ามก็ราวกับเป็นโลกที่สองแยกจากภายนอก

ไกลออกไปยังเห็นว่าบนฟากฟ้าสุดขอบป่าเหมือนมีลมพายุรวมตัวกันอยู่ สายอัสนีที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าหลายสาย แล่นแปลบปลาบ อยู่ท่ามกลางแสงเจิดจ้า ทำให้คนที่เข้ามาพื้นที่ต้องห้ามนี้รู้สึกอันตรายลึกลับบางอย่าง

สวี่ชิงมองรอบๆ ทั้งหมด เดินตามไปเงียบๆ ระหว่างทางกลุ่มสายอัสนีไม่มีใครพูดคุยกัน แต่ตามการเข้าใกล้พื้นที่ต้องห้ามขึ้นเรื่อยๆ สวี่ชิงก็สังเกตได้อย่างเฉียบแหลมว่ากล้ามเนื้อทั้งร่างของทุกคนเริ่มค่อยๆ ปูดโปนออกมา เขาเองก็เช่นกัน

จนเมื่อความรู้สึกเหมือนเหยียบย่างเข้าไปในโลกที่หนาวเย็นปรากฏขึ้นมาทั่วทั้งตัวสวี่ชิง ขณะที่ความอบอุ่นทั้งหมดบนตัวเขาถูกขจัดไปในพริบตา เขาก็เข้ามาด้านในพื้นที่ต้องห้ามแล้ว

ราวกับว่าสิ่งที่ถูกขจัดลบออกไป ยังมีภาพทั้งหมดที่เขามองเห็นในโลกปกติอีกด้วย

ความหนาวเย็นที่คุ้นเคยเสียดแทงกระดูก ปลุกความทรงจำที่เขาเคยอยู่ในซากเมืองท่ามกลางสายฝนเลือดขึ้นมา

เขาจึงสูดลมหายใจลึก ความหวาดระแวงในใจเพิ่มมากขึ้น ในมือก็กำเหล็กแหลมเอาไว้แน่นด้วยสัญชาตญาณ เหมือนกับตอนที่อยู่ในซากเมืองไม่ผิดเพี้ยน

สิ่งที่แตกต่างกันก็คือที่เมืองนั้นล่มสลายกลายเป็นเศษซาก แต่ที่นี่…

เงาต้นไม้บิดเบี้ยวจนเหมือนผีร้าย ดินโคลนเน่าจนเหมือนดินแห่งยมโลก กิ่งไม้ใบไม้แผ่ซ่านออกไปราวกับกรงเล็บที่บดบังฟ้า

แต่คนของกลุ่มสายอัสนีกลับดูคุ้นเคยกับที่นี่อย่างชัดเจน

พวกเขาสะพายอาวุธ เส้นทางที่เดินเห็นได้ชัดว่าเป็นทางที่เดินอยู่เป็นประจำ ทุกย่างก้าวล้วนมีรายละเอียด บางแห่งเห็นชัดๆ ว่าดูเป็นปกติดี พวกเขากลับเลี่ยงข้าม บางสถานที่มองแล้วเหมือนอันตราย แต่พวกเขากลับเดินย่ำเข้าไป

ยังมีบางพื้นที่ก็อ้อมไปอย่างไม่มีเหตุผล และเป็นเช่นนี้จึงเลี่ยงจุดที่อันตรายบางแห่งออกไปได้ตลอดทาง

สวี่ชิงติดตามอยู่ด้านหลัง สังเกตอย่างใกล้ชิด จดจำทั้งหมดเอาไว้

แต่เขาก็พบจุดที่แปลกประหลาดนิดหน่อยแล้ว ไม่ใช่ว่าจะมีหัวหน้าเหลยเป็นคนนำเส้นทางทั้งหมด บางครั้งก็เป็นผีเถื่อน บางครั้งก็เป็นเขี้ยวหงส์ สลับสับเปลี่ยนกัน

ความเร็วการเดินหน้าของแต่ละคนถึงแม้จะไม่เร็วนัก แต่ตลอดเส้นทางนอกจากได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้ายบ้าง ก็ยังถือว่าปลอดภัยอยู่

ต่อให้มีแมลงพิษอยู่บ้าง แต่หลังจากเขี้ยวหงส์จุดธูปมาดอกหนึ่ง ก็ไม่มีย่างกรายเข้ามาอีก

จนกระทั่งเดินมาราวหนึ่งชั่วยาม พวกเขาที่ไม่พูดคุยอะไรกันเลยตลอดทาง ก็เลือกหยุดลงที่ข้างบึงเลนแห่งหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างผ่อนลมหายใจ

สวี่ชิงสังเกตว่าเขี้ยวหงส์หยิบผงยาบางอย่างออกมาสาดลงไปในบ่อโคลน เพียงไม่นานแมลงพิษกลุ่มหนึ่งก็มุดออกมาจากด้านใน เหมือนตั้งท่าพร้อมโจมตี แต่นางก็ยังมีสีหน้าปกติ โบกมือหยิบผงอีกชนิดหนึ่งสาดลงไป แมลงพิษกระสับกระส่าย กระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทางอย่างรวดเร็ว บ่อโคลนถึงสงบลง

เมื่อจัดการเสร็จ กลุ่มคนก็ทยอยย่อตัวลง วักโคลนขึ้นมาทาตัวอย่างคล่องแคล่ว

“จำรายละเอียดบนเส้นทางได้หรือยัง” หัวหน้าเหลยทาตัวไปด้วย ส่งสัญญาณให้สวี่ชิงทำแบบเดียวกันไปด้วย

สวี่ชิงพยักหน้า เริ่มวักโคลนขึ้นมาทาตัวอย่างไม่ลังเล ขณะเดียวกันสายตาก็กวาดไปยังเขี้ยวหงส์ เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจถึงวิชาพิษอยู่บ้าง

“จุดที่หลีกเลี่ยง ก็เพราะจุดที่กิ่งไม้ใบไม้ทับถมหนาแน่นแต่ยังดูสมบูรณ์ดีเช่นนั้นบ่งชี้ว่าไม่มีสัตว์ร้ายเดินผ่าน อาจจะมีบางสิ่งที่ไม่รู้อยู่ก็เป็นได้

“ส่วนจุดที่ย่ำเข้าไป เป็นเพราะมีกองมูลของสัตว์ร้ายอยู่ และสัญชาตญาณสิ่งมีชีวิตจะเลือกขับถ่ายในพื้นที่ปลอดภัย จึงบ่งชี้ได้ว่าไม่มีอันตรายที่น่ากลัวหรือพวกบ่อโคลนกินคนอยู่

“ส่วนอาณาเขตที่อ้อมมา เป็นเพราะจมูกของผีเถื่อนฉับไวมาก สามารถได้กลิ่นตัวตนอสูรกลายพันธุ์ที่เป็นอันตรายได้ สิ่งที่เจ้าเรียนรู้ได้มีมากมายตลอดทางนี้ จำได้เท่าไรก็จำไปแล้วกัน”

สวี่ชิงพอได้ยินก็มองไปยังผีเถื่อนผาดหนึ่ง ขณะนั้นผีเถื่อนก็หันมาเช่นกัน พลางยิ้มยิงฟันให้สวี่ชิง

“ส่วนเรื่องบ่อโคลนนี่มีหนังกิ้งก่าราตรีที่เสียหายปนอยู่ซึ่งพวกเราพบเมื่อหลายปีก่อน ถ้านำมาทาทั่วร่างกายแล้วไม่เพียงสามารถปิดบังกลิ่นอายของพวกเราได้ ทั้งยังมีพลังคุกคามอยู่ระดับหนึ่งอีกด้วย

“ด้านหน้าเป็นที่ที่เราจะต้องไป เดินขึ้นไปทางเหนือ ที่นั่นมีบึงมังกรพิษอยู่ เนื่องจากผืนป่าพื้นที่ต้องห้ามมีสภาพพื้นที่ไม่เหมือนกัน จึงถูกเหล่าคนเก็บกวาดแบ่งออกเป็นหลายอาณาเขต

“บึงมังกรพิษคือหนึ่งในนั้น แต่ครั้งนี้พวกเราจะไม่ไปที่นั่น” ระหว่างที่หัวหน้าเหลยพูด ก็ทาตัวเสร็จแล้ว

สวี่ชิงก็ทาเสร็จแล้วเช่นกัน ตอนที่ลุกขึ้น กางเขนที่เดินผ่านเข้างกายเขาไป ถึงแม้เมื่อวานจะยังสงสัยในการติดตามของสวี่ชิง ทว่าก็ยังเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าเย็นชา

“คอยสังเกตจุดกลายพันธุ์ของเจ้าด้วย พื้นที่ต้องห้ามมีไอพลังประหลาดเข้มข้น ต้องคอยระมัดระวังตลอดเวลา หากเกินมาตรฐานการกลายพันธุ์ไป ใครก็ช่วยเจ้าไม่ได้”

สวี่ชิงพยักหน้า เขาสังเกตถึงจุดนี้ไว้นานแล้ว

เขาสัมผัสได้ว่าระดับความเข้มข้นไอพลังประหลาดในพื้นที่ต้องห้ามนี้สูงลิบ แต่เมื่อเทียบกับในซากเมืองก่อนหน้าตอนที่พุ่งขึ้นสูงสุดก็ยังห่างกันหลายขุม

เพียงแต่ว่าเขาเวลานี้ก็สะสมไอพลังประหลาดไว้แล้วไม่น้อย ดังนั้นตอนนี้ต่อให้ไม่ฝึกบำเพ็ญ จุดกลายพันธุ์บนแขนเขาก็เริ่มเจ็บปวดเสียดแทงขึ้นมาเพียงแค่หายใจเท่านั้น

จึงล้วงเอาลูกกลอนขาวเม็ดหนึ่งใส่เข้าไปในปาก ไม่ได้กลืนลงไป แต่อมเอาไว้ให้มันละลายช้าๆ

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา