บทที่ 13 เงาชั่วร้าย
“พวกเราไป!” สายตากางเขนกวาดไปทางหัวหน้าเหลย ส่วนร่างกายก็ถอยกลับอย่างไม่ลังเล หลวนยากับผีเถื่อนที่อยู่ข้างๆ ก็ถอยกลับอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
สวี่ชิงหรี่ตาลง มองร่างเงาของหัวหน้าเหลยที่เดินไปทางฝูงหมาป่า มองพลังวิญญาณที่ระเบิดมาจากตัวเขา ใช้อานุภาพสยบฝูงหมาป่า
เขาไม่ขยับเท้า ในมือชูเหล็กแหลมขึ้นเล็กน้อย คมเหล็กเย็นวาบออกมา
“เด็กน้อย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมหัวหน้าเหลยจึงเป็นหัวหน้า” กางเขนที่บินกระโจนออกห่างไปแล้ว ส่งเสียงแว่วกลับมา
“ไม่ใช่แค่เพราะหัวหน้าเหลยมีพลังบำเพ็ญรวมปราณขั้นหกที่สูงกว่าข้า แต่ที่มากกว่านั้นคือการแบกรับภาระและการตัดสินใจในช่วงจังหวะการเผชิญหน้าอันตรายของหัวหน้าอย่างเขาต่างหาก”
ตอนที่เสียงของกางเขนส่งเข้ามา ก็มีเสียงครืนครันเสียงหนึ่งดังก้องสะท้อนในจุดที่เขาอยู่
นั่นเป็นต้นไม้ใหญ่ขนาดสองร้อยจั้งต้นหนึ่งถูกกางเขนใช้ธนูในมือยิงจนหัก ร่วงโครมลงพื้น
ผีเถื่อนเองก็เช่นกัน เขี้ยวหงส์ก็ทำเหมือนกัน ต้นไม้ใหญ่กลายมาเป็นกำแพงกำบังทีละต้นๆ เหลือช่องว่างเป็นทางออกด้านหลังช่องหนึ่ง กางเขนกับเขี้ยวหงส์ไม่ได้หยุดนิ่ง แต่พุ่งทะยานออกไปอีกครั้ง
มีเพียงผีเถื่อนที่มือข้างหนึ่งถือโล่ อีกข้างถือกระบองหมาป่าเท่านั้นที่ยังอยู่ที่เดิม พิงอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งราวกับภูเขาขนาดย่อมคอยคุ้มกันอยู่ตรงนั้น
ขณะเดียวกัน ทางหัวหน้าเหลยก็ระเบิดพลังฉับพลัน สองมือส่องแสงเจิดจ้า พุ่งเข้าไปหาฝูงหมาป่า
เมื่อฝูงหมาป่าทุกตัวที่กระทบกับตัวเขาในทุกแห่งที่พุ่งผ่าน ก็ล้วนเสียเลือดเสียเนื้อจนตายกันหมด
เพียงแต่ฝูงหมาป่ามากเกินไป เพียงไม่นานเงาของหัวหน้าเหลยก็ถูกปกคลุมอยู่ด้านใน
มีเพียงเสียงครืนครันกับเสียงหมาป่าหอนออกมาต่อเนื่องไม่หยุดเท่านั้น เวลานี้เองกางเขนที่ห่างออกไปก็ คำรามเสียงต่ำออกมาด้วยเช่นกัน
“เด็กน้อย มารวมกับพวกเรา มีโอกาสให้เจ้าลงมือแล้ว!”
ในใจสวี่ชิงคาดเดาออกแล้วว่านี่คือแผนยุทธศาสตร์ของกลุ่มสายอัสนี จึงไม่ลังเลรีบพุ่งไปหาผีเถื่อน
ผีเถื่อนแสยะยิ้ม ชี้ไปยังร่องทางออกด้านหลังตนเอง สวี่ชิงมองเขาผาดหนึ่ง ก็มุดตัวผ่านร่องไล่ตามกางเขนกับเขี้ยวหงส์ไป
เพียงไม่นาน เขาก็มองเห็นเขี้ยวหงส์ที่กำลังสาละวนอยู่ในพื้นที่ที่ถูกสะสางไปแล้วผืนหนึ่ง มีท่อนไม้ขวางไว้ทั้งสี่ด้าน
นางหยิบผงฝุ่นในตัวออกมามากมายสาดออกไปรอบทิศ ทั้งยังกัดนิ้วจนแตก ใช้เลือดสดวาดบางสิ่งที่คนนอกมองไม่ออกบนพื้น
เมื่อเห็นสวี่ชิง นางเองก็ไม่มีเวลาพูดคุย สายตาส่งสัญญาณให้สวี่ชิงรีบเดิน
สวี่ชิงกวาดตาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล จนกระทั่งห่างจากเขี้ยวหงส์ไปทางด้านหลังสองร้อยจั้ง เขาก็มองเห็นกางเขนที่นั่งยองอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
ต้นไม้ต้นนี้สูงราวกับว่าเป็นจุดสูงสุดที่สามารถมองเห็นสนามรบโดยรอบได้ กางเขนที่นั่งยองอยู่ตรงนั้น มองสวี่ชิงที่เข้ามาใกล้ด้วยความเร็ว ส่งเสียงต่ำพูดออกมาว่า
“ด้านหลังของข้าที่ห่างออกไปสองร้อยจั้ง เจ้ารับผิดชอบเสีย!”
สวี่ชิงพยักหน้าหนักๆ เข้าใจแผนยุทธศาสตร์ของกลุ่มสายอัสนีจนกระจ่างแล้ว
เมื่อกระโจนออกไปถึงบริเวณเขตสองร้อยจั้ง เขาก็กวาดตามองไปรอบทิศทันที ไม่ได้ไปเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมใดๆ แต่ซ่อนตัวอยู่ในโคลนตมใต้ท่อนไม้แห่งหนึ่ง
ไม่ขยับเขยื้อนเหมือนกับตอนที่รอล่าเหยื่อในซากเมืองก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยน
พริบตาที่เขาซ่อนตัว ห่างออกไปก็มีเสียงครืนครันรางๆ ดังแว่วมา
สวี่ชิงมองไม่เห็นภาพที่ห่างออกไปแปดร้อยจั้งเพราะต้นไม้บดบัง แต่เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนแรงของการต่อสู้ที่นั่น
และความจริงก็เป็นเช่นนั้น ตอนนี้ร่างของหัวหน้าเหลยที่ห่างออกไปแปดร้อยจั้งพุ่งออกมาจากในฝูงหมาป่า แม้ว่าเขาจะระดับรวมปราณขั้นหก แต่ก็เลี่ยงความอับจนซมซานในสภาพที่ใช้พลังเยอะไม่ได้เช่นนี้ได้ยากเช่นกัน
ยังดีที่เขาควบคุมพลังวิญญาณตนเองได้เฉียบคม รักษาสภาพเอาไว้ครึ่งหนึ่ง ถอยกรูดไปทางผีเถื่อนท่ามกลางการไล่กวดโจมตีของหมาป่าเกล็ดดำ
ผีเถื่อนยิ้มเหี้ยมเกรียม ยกกระบองเขี้ยวหมาป่าในมือขึ้น พริบตาที่หัวหน้าเหลยกระโจนผ่านข้างกายเขาไปก็ฟาดหมาป่าเกล็ดดำที่ไล่เข้ามาอย่างจัง
กางเขนที่คุมอยู่บนจุดสูง สองตาก็จับจ้องเขม็งขึ้นในพริบตานั้น ง้างสายธนูแกร่งในมือขึ้นฉับพลัน
ลูกศรที่แปรมาจากพลังวิญญาณหลายดอกนำเสียงคมกริบหวีดหวิวพุ่งออกมาจนเป็นรอยทางลมหลายสาย สาดลงไปยังฝูงหมาป่าเพื่อสนับสนุนผีเถื่อน
ขณะที่เสียงกรีดร้องแหลมดังก้องขึ้นอีกครั้ง หัวหน้าเหลยก็ออกมาจากสถานที่ที่ผีเถื่อนอยู่ ตรงเข้าหาเขี้ยวหงส์ ด้านหลังของผีเถื่อนที่ยืนอยู่ราวกับขุนเขาเหนือพสุธา ขวางกั้นทั้งหมดเอาไว้เพียงลำพัง
และเช่นนี้ สวี่ชิงที่ซ่อนตัวอยู่ในบ่อโคลน เมื่อมองเห็นหัวหน้าเหลยเป็นคนแรกที่กลับมาพุ่งผ่านข้างกายเขี้ยวหงส์กับกางเขน
หัวหน้าเหลยตอนทะยานผ่านข้างกายสวี่ชิง สายตาก็เหลือบเห็นจุดที่เขาซ่อนตัวอยู่ แต่ไม่มีเวลาพูดจึงแค่พยักหน้า จากนั้นก็ตรงออกไปด้านหลังสองร้อยจั้ง นั่งลงขัดสมาธิแล้วกลืนลูกกลอนขาวลงไป ทำการปรับสภาพเพื่อเตรียมความพร้อมกับการลงมือรอบต่อไป
นี่คือแผนการถอยร่นของกลุ่มสายอัสนี
หัวหน้าเหลยในฐานะที่แกร่งที่สุด จึงเข้าขัดขวางเป็นคนแรก ผีเถื่อนเป็นตัวสกัดด่านที่สอง ตอนที่แรงใกล้จะหมดเขาก็จะถอยร่น จากนั้นภารกิจการสกัดฝูงหมาป่าก็จะถูกเขี้ยวหงส์รับช่วงต่อ จากนั้นก็เป็นกางเขน
และก็วนซ้ำกลับไปใหม่เช่นนี้ พวกเขาก็จะมีเวลาพักของตนเองได้
นี่เป็นวิธีการต่อสู้ที่เหมาะสมที่สุดของกลุ่มเล็กๆ ในพื้นที่ต้องห้ามที่ไอพลังประหลาดเข้มข้น
และคนที่เหนื่อยที่สุดในนี้ก็คือหัวหน้าเหลยกับกางเขน
คนแรกขวางเอาไว้นานที่สุด สังหารหมาป่ามากที่สุดเพื่อช่วงชิงเวลาที่มากขึ้นให้กับสหายด้านหลัง
ส่วนคนหลังนอกจากจะต้องเป็นคนที่คอยสกัดกั้นหมาป่าแล้ว ยังต้องรับประกันความปลอดภัยตอนที่สหายล่าถอยจากมุมสูงอีกด้วย
พูดได้ว่าการจัดวางตำแหน่งของทุกคนล้วนสำคัญอย่างมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการรู้ใจกันและความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันของพวกเขา!
“นี่คือกลุ่มของคนเก็บกวาดหรือ…”
สวี่ชิงสายตาเผยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ซ่อนตัวไม่ขยับเขยื้อน ตามเวลาที่ไหลผ่าน ไม่นานเขาก็มองเห็นร่างหอบหายใจของผีเถื่อนเข้ามาใกล้
และผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ก็เห็นร่างของเขี้ยวหงส์ที่กำลังกุมหน้าอก ใบหน้าซีดขาว
สุดท้ายที่วิ่งผ่านตัวเขาไป ก็คือกางเขน
เขาใบหน้าหล่อเหลาเย็นชา ดูแล้วเหมือนปกติดี แต่สวี่ชิงก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณที่เกือบจะเหือดแห้งไปแล้ว ฝูงหมาป่านับไม่ถ้วนกำลังคำรามไล่ด้านหลังของเขา
ตอนที่ผ่านสวี่ชิงไป กางเขนเหมือนจะผ่อนช้าลงเล็กน้อย
“ข้าไหว” สวี่ชิงเห็นถึงเจตนาจะไม่พูดของอีกฝ่าย จึงเอ่ยขึ้นเสียงหนัก
กางเขนไม่พูดอะไร โซซัดโซเซจากไป เพียงพริบตาเดียวฝูงหมาป่าก็คำรามกรูกันเข้ามา
ลมที่ถูกกระพือพัดขึ้นผ่านใบหน้าของสวี่ชิงมีกลิ่นสาปส่งมาด้วย โดยเฉพาะสิบกว่าตัวที่อยู่ด้านหน้าสุด ร่างดำขลับตาแดงฉาน ทั่วทั้งตัวแผ่ซ่านความโหดร้ายและบ้าคลั่งออกมา
เห็นได้ชัดว่าการจัดวางกลยุทธ์รอบแรกของกลุ่มสายอัสนี ทำให้พวกมันได้รับการบาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อยเลย ทำให้หมาป่าเกล็ดดำเหล่านี้บ้าคลั่งกันขึ้นมาเพราะถูกกระตุ้นจากกลิ่นคาวเลือด
เวลานี้พวกมันเหมือนกับไม่ได้สนใจสวี่ชิงที่กำลังซ่อนตัวเลย แต่กำลังวิ่งไล่กางเขน
และพริบตาตอนที่พวกมันมาถึง กริชเล่มหนึ่งก็ลอยออกไปฉับพลัน เสียงวูมเสียงหนึ่งเข้ามาใกล้ พุ่งแทงไปที่หน้าผากหมาป่าเกล็ดดำตัวหน้าสุด
ความแรงของระดับพลัง ทะลวงจนทะลุในพริบตา
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา