เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 138

บทที่ 138 นี่ก็คือสภาวะแสงนภา!

บนถนนที่มุ่งหน้าสู่กรมขนส่ง สวี่ชิงผ่านร้านยอดเขาที่หกที่วันนั้นพยายามจะวางแผนทำร้ายตน เมื่ออยู่ที่หน้าร้านนี้ ฝีเท้าของสวี่ชิงก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง

แทบจะในเสี้ยวพริบตาเดียวกับที่เขาหยุด จากความเคารพยำเกรงของผู้คนที่อยู่รอบๆ ผู้ดูแลและลูกจ้างในร้านสีหน้าเปลี่ยนไปมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน วิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว หมอบคารวะอยู่ตรงนั้นด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา

“คารวะผู้อาวุโส”

สวี่ชิงมองผู้ดูแลที่อยู่ข้างหน้าคนนี้อย่างเย็นชา ไม่ได้พูดอะไร

เหงื่อเย็นชื้นไหลจากหน้าผากผู้ดูแลหยดลงพื้น หลังของเขาเปียกชุ่ม ในตอนนี้จิตใจหวาดกลัวสุดขีดแล้ว

ความรู้สึกวิกฤตเป็นตายรุนแรงมหาศาล

เขาไม่แม้แต่จะฝันว่าสวี่ชิงคนนี้จะเป็นระดับสร้างฐานแล้ว…ก่อนหน้านี้คนที่เขากลัวคือองค์หญิงสองแห่งยอดเขาที่เจ็ด ไม่ได้สนใจสวี่ชิงสักเท่าไร

จะอย่างไรเขาก็เป็นผู้ดูแล เป็นผู้ติดตามของผู้ดูแลเมฆาอิสระแห่งยอดเขาที่หก ลูกศิษย์ล่างเขาไม่มีใครกล้าแตะเขา แต่หากอีกฝ่ายก็เป็นระดับสร้างฐานเหมือนกัน…เขาไม่คิดว่าเจ้านายของตัวเองจะยอมแตกหักกับผู้บำเพ็ญระดับเดียวกันเพื่อตน

ตอนนี้เขากำลังตัวสั่นสะท้าน สวี่ชิงดึงสายตากลับมา ไม่พูดอะไร ไปจากที่นี่

จวบจนเขาจากไปแล้ว ผู้ดูแลคนนี้ก็เข่าอ่อนไปทั้งตัวอยู่ตรงนั้น รู้สึกว่าตัวเองเดินวนรอบระหว่างความเป็นตายไปรอบหนึ่ง

สวี่ชิงไม่ฆ่าเขาเพราะค่อนข้างแพง

นอกจากนั้นเขาก็ไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น จะอย่างไรนักพรตเมฆาอิสระที่อยู่ข้างหลังอีกฝ่าย สวี่ชิงเค้นจากบรรพจารย์สำนักวัชระทางนั้นตั้งนานแล้ว กระทั่งว่าสลักชื่อของอีกฝ่ายไว้บนแผ่นไม้ไผ่ของตัวเองแล้วด้วย

แต่เขายังไม่มีโอกาส

ตอนนี้วางเรื่องนี้ไว้ก่อน ในที่สุดสวี่ชิงก็รู้ถึงสาเหตุแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้ตนจึงพบผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานข้างล่างเขาไม่มากนัก เพราะระลอกคลื่นที่เกิดจากการปรากฏตัวขึ้นของผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานยิ่งใหญ่มาก

เดินไปที่ใดล้วนเป็นจุดรวมของสายตานับไม่ถ้วน

นอกเสียจากจะเป็นคนที่เดิมทีก็ชอบโอ้อวดอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นแล้วจะทำให้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากในสภาวะเช่นนี้ โดยเฉพาะสวี่ชิงชอบเดินในเงามืด ถูกคนมากมายจับจ้องทำให้เขาไม่สามารถและไม่คิดจะปรับตัวเลย

ความจริงแล้วระดับสร้างฐานของยอดเขาที่เจ็ดล้วนเป็นคนเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการที่สังหารฟันฝ่าจากล่างเขามาทั้งนั้น ย่อมไม่ชอบแบบนี้อยู่แล้ว

“คนอื่นๆ ทำอย่างไร” สวี่ชิงพึมพำ ในใจเดาคร่าวๆ

ในขณะที่ขบคิด สวี่ชิงเร่งความเร็วตลอดทาง มุ่งตรงไปที่กรมขนส่ง ระหว่างเดินทางเขาก็ได้ใช้แผ่นหยกถามจางซาน และอีกฝ่ายก็ได้ตอบมาแล้วว่าอยู่ที่กรมขนส่ง

ดังนั้นเมื่อสวี่ชิงเห็นกรมขนส่ง เขาก็เห็นเงาร่างจางซานที่อยู่ในชุดนักพรตสีเทาทั้งชุด และเห็นนายกองที่ครึ่งท่อนล่างตอนนี้งอกออกมาแล้ว สวมชุดนักพรตสีเทาเหมือนกันอยู่ข้างเขา

คนงานที่ทำงานในกรมขนส่งสัมผัสไม่ได้ว่าทั้งสองคนมีอะไรที่แตกต่างออกไป แต่สวี่ชิงหลังจากที่ทะลวงขั้นสร้างฐานได้แล้วสัมผัสรับรู้แข็งแกร่งขึ้นกว่าอดีตมาก มองเพียงปราดเดียวก็รู้แล้วว่าสองคนนี้ทะลวงระดับสร้างฐานได้แล้วเช่นกัน เพียงแต่เก็บกลิ่นอายเอาไว้อยู่

ตอนนี้พวกเขานั่งยองๆ อยู่บนกระสอบทราย คนหนึ่งสูบบ้องยาสูบ คนหนึ่งกินผิงกั่ว แสงอาทิตย์ส่องบนร่างของพวกเขา สะท้อนให้ชุดนักพรตบนร่างของทั้งสองเกิดเป็นแสงพราวพร่างระยิบระยับเล็กน้อย

การมาถึงของสวี่ชิงดึงดูดสายตาของพวกเขา โดยเฉพาะหลังจากที่สังเกตเห็นชุดนักพรตสีม่วงของสวี่ชิง นายกองก็เผยสีหน้าได้ใจออกมา ส่วนจางซานนั้นกลับถอนหายใจ

“เจ้าแพ้แล้ว” นายกองเอ่ยพลางมองไปทางจางซานอย่างดีใจ

จางซานเอาหินวิญญาณออกมาก้อนหนึ่งให้นายกอง

สวี่ชิงมองภาพนี้แวบหนึ่ง มั่นใจในการคาดเดาเรื่องผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานล่างเขาของตัวเอง

“สวี่ชิงไยเจ้าจึงสวมชุดนักพรตสีม่วงเล่า พวกเราผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานของยอดเขาที่เจ็ดนอกเสียจากว่าจะมีงานใหญ่ มิฉะนั้นแล้วจะไม่สวมชุดนักพรตม่วงกัน มันเป็นจุดสนใจมากเกินไป”

จางซานยิ้มซื่อๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสนิทสนม ต่อให้ตอนนี้เป็นผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานแล้ว แต่เขาก็ยังไม่อาจลืมความเหี้ยมโหดของสวี่ชิงในการแข่งขันครั้งใหญ่ ดังนั้น ท่าทีจึงกระตือรือร้นมาก และบอกถึงเหตุผลที่ว่าทำไมเขากับนายกองจึงไม่ใส่ชุดนักพรตสีม่วง

“พอเจ้ากลับไปก็รีบๆ เปลี่ยนเสียเถอะ นอกจากนั้นแล้วก็อย่าไปอยู่บนเขาบ่อยๆ บนเขาเหงาจะตาย เจ้าค้นพบแล้วหรือไม่ ความจริงแล้วผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานบนเขามีไม่กี่คนหรอก ข้าจะบอกเจ้าให้ พวกเขาคนเจ้าเล่ห์พวกนั้นแต่ละคนล้วนสวมชุดนักพรตเทาซ่อนอยู่ล่างเขา เก็บซ่อนกลิ่นอายกันทั้งนั้น เมืองหลักที่นี่เจริญรุ่งเรือง คึกคัก สะดวกจะตาย”

สวี่ชิงพยักหน้าอย่างจริงจัง

ส่วนนายกองตอนนี้เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม มองสวี่ชิงแวบหนึ่งแล้วยิ้มเอ่ยขึ้นว่า

“สวี่ชิง ก่อนหน้านี้ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะเคยเจอผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานที่สวมชุดเทามาแล้วก็เป็นได้ เพียงแต่เจ้าไม่รู้เองก็เท่านั้น พวกเรายอดเขาที่เจ็ดมีไม่กี่คนที่สวมชุดม่วงอยู่ตลอด บินไปบินมาเหมือนอย่างผู้ดูแลหลี่หรอก แต่เขาติดตามผู้อาวุโสเจ้าถึงได้มาเป็นแบบนี้ ส่วนจางอวิ๋นซื่อนั่นคือความจำเป็นของการทำงาน ได้ยินมาว่าเขาชอบต้อนรับสมาชิกใหม่”

“นอกจากนั้น…” นายกองพูดถึงตรงนี้ก็กัดผิงกั่วคำโต ก่อนจะกระแอมออกมา

“รองเจ้ากรมสวี่ หินวิญญาณหมื่นก้อนที่เจ้าติดข้าเจ้ากรมคนนี้เมื่อไรจึงจะคืนเล่า”

สวี่ชิงเมื่อได้ยินก็มองนายกองแวบหนึ่ง ระลอกคลื่นในตัวอีกฝ่ายมองด้วยพลังบำเพ็ญระดับสร้างฐานของตัวเขาเองในวันนี้ ก็เหมือนกับในอดีต ล้วนมองไม่ทะลุ

“เจ้ากรมหรือ” สวี่ชิงถามขึ้น

“ใช่แล้ว พอข้ากลับมาก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้ากรมของกรมปราบพิฆาต รองเจ้ากรมสวี่ เจ้าต้องรีบหาหินวิญญาณนะ ข้าเจ้ากรมคนนี้ช่วงนี้ค่อนข้างจะตึงมือ”

บนใบหน้าของนายกองเผยแววได้ใจเล็กน้อยพลางมองสวี่ชิง เหมือนอยากเห็นความอิจฉาของสวี่ชิง

“ขอแสดงความยินดีกับนายกองด้วย” สวี่ชิงกวาดตามองร่างที่สมบูรณ์ของนายกอง ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องให้อีกฝ่ายเตือน ก็เอ่ยปากขานรับ

“ฮ่าๆ รองเจ้ากรมสวี่คุยเล่นแบบนี้ ข้าเจ้ากรมคนนี้มีความสุขนัก แต่ว่าข้าต้องแก้เจ้าสักหน่อย ต้องเรียกข้าว่าเจ้ากรม”

“ได้ขอรับนายกอง” สวี่ชิงพยักหน้า

“เจ้ากรม!” นายกองกัดผิงกั่วคำหนึ่งอย่างแน่วแน่ เอ่ยแก้

“อืม” สวี่ชิงพยักหน้า หยิบผิงกั่วออกมาจากกระเป๋าเสื้อสามลูก ให้นายกองและจางซานคนละลูก

บทที่ 138 นี่ก็คือสภาวะแสงนภา! 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา