เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 139

บทที่ 139 สุดแต่บุญวาสนาของเจ้าแล้ว

มองเรือใหญ่เวทกิ้งก่าทะเลข้างหน้าลำนี้ จิตใจสวี่ชิงเกิดคลื่นซัดโถม

เขาเคยเห็นกิ้งก่าทะเลระดับสร้างฐาน

และเพราะเคยเห็น ดังนั้นตอนนี้หลังจากที่เขาเห็นเรือใหญ่เวทของตนถูกจางซานหลอมเป็นรูปร่างเหมือนกิ้งก่าทะเล และรับรู้จากประสาทสัมผัสแล้ว เรือใหญ่เวทของตนกับกิ้งก่าทะเลของจริงแม้จะมีความแตกต่างอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ทางด้านกลิ่นอายแทบจะไม่แตกต่างกันเลย

ตัวเรือห้าสิบจั้ง ขาที่มีกรงเล็บคมกริบสี่ข้าง และยังมีหัวที่สมจริงมีชีวิตชีวา อีกทั้งหางที่ยังกำลังส่ายไปมาเบาๆ

สิ่งเหล่านี้เหมือนกับกิ้งก่าทะเลทุกประการ

ที่ไม่เหมือนกันคือมีปีกเนื้อเพิ่มขึ้นมา

ปีกเนื้อนั่นใหญ่มาก สวี่ชิงกะด้วยสายตาหากมันกางออกอย่างน้อยๆ ก็กว้างเท่ากับตัวเรือ สามารถจินตนาการเมื่อกางสยายจะต้องเกิดเป็นพายุลมกรดอย่างแน่นอน

ส่วนตำแหน่งในตัวเรือซึ่งก็คือหลังของกิ้งก่าตัวนี้ นั่นคือหอเล็กสามชั้นนั่น ดูแล้วไม่ได้งดงามวิจิตรอะไร แต่กลับให้ความรู้สึกแข็งแรงทนทาน

“เรือเวทของยอดเขาที่เจ็ดแบ่งเป็น เรือเล็ก เรือใหญ่ เรือศึก และเรือกล สี่ประเภท เรือของเจ้าลำนี้ยกระดับถึงเรือใหญ่เวทแล้วโดยสมบูรณ์ ถึงขั้นที่สามแล้ว แต่เนื่องจากคราบกิ้งก่าคุณสมบัติเวทและเลือดเนื้อจวีอิง ดังนั้นพลังบางส่วนเหนือกว่าที่แสดงออกมาให้เห็นภายนอก”

จางซานอยู่ข้างๆ กวาดสายตามองท่าทางตื่นตะลึงของสวี่ชิง ในใจรู้สึกเบิกบานเป็นอย่างยิ่ง เชิดหน้าขึ้นอย่างได้ใจ มองผลงานชิ้นเอกที่อยู่ข้างหน้าพลางเอ่ยขึ้น

“จุดที่แย่คือส่วนกระดูกงูกับวัสดุบางอย่างของตัวเรือ แล้วก็แหล่งกำเนิดพลังหลัก เลือดเนื้อจวีอิงแม้จะล้ำค่า แต่นายกองให้มากน้อยมากๆ อีกทั้งคุณสมบัติเทพในนั้นยังไร้รากฐาน ดังนั้นข้าคิดว่าหากเจ้าสามารถหาหัวใจของสิ่งมีชีวิตประเภทเทพมาได้ เรือเวทลำนี้จะมีมูลค่าสูงยิ่งขึ้น

“แต่ว่า วัตถุดิบของเรือเวทระดับสร้างฐานราคาสูงกว่าระดับรวมปราณมากๆ อีกทั้งชิ้นส่วนที่เรือเวทต้องใช้ก็ซับซ้อนกว่า โดยพื้นฐานแล้วราคาทั้งหมดที่ต้องใช้ในการยกระดับหนึ่งขั้นโดยใช้วัสดุระดับสร้างฐานที่ราคาต่ำที่สุด ก็ต้องใช้หินวิญญาณสามถึงห้าหมื่นก้อน

“หากเปลี่ยนเป็นวัสดุราคาสูงอย่างกิ้งก่าทะเลระดับสร้างฐานของเจ้า ยกระดับหนึ่งขั้นอย่างน้อยก็ต้องใช้หินวิญญาณหนึ่งแสนห้าหมื่นก้อนขึ้นไป ซึ่งข้าไม่มีความสามารถหลอมมันได้แล้ว…หากระดับสูงยิ่งกว่านั้นก็จะเป็นมูลค่ามหาศาล ดังนั้น คิดจะยกระดับเรือใหญ่เวท เจ้าต้องหาเงินแล้วสวี่ชิง

“นอกจากนั้น เหตุที่เรือใหญ่เวทระดับสร้างฐานน่าตื่นตะลึงก็เพราะหลังจากที่ถึงขั้นแปดแล้วก็จะมีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับสภาวะแสงนภา เพียงแต่ประโยชน์ของมันคือควบคุมสภาวะแสงนภาของฝ่ายศัตรู และยิ่งวัสดุของเรือดีมากเท่าไร ผลของการควบคุมก็จะมากขึ้นเท่านั้น!”

สวี่ชิงฟังถึงตรงนี้จิตใจก็ตื่นตะลึง

ก่อนหน้านี้นายกองเปิดสภาวะแสงนภาก็ทำให้ความร้อนรุ่มของเขารุนแรง ตอนนี้ได้ยินพลานุภาพของเรือใหญ่เวท ในดวงตาของเขาก็ฉายประกายวาววับออกมา

“อึ้งเลยล่ะสิ ไม่อย่างนั้นทำไมผู้บำเพ็ญยอดเขาที่เจ็ดพอถึงระดับสร้างฐานแล้ว จะยังคงพยายามยกระดับเรือเวทของตัวเองกันเล่า เจ้าต้องรู้ว่าพวกเรายอดเขาที่เจ็ดถูกคนข้างนอกเรียกว่าผู้บำเพ็ญเรือนะ” จางซานหัวเราะพลางเอ่ย

“แล้วก็ยังคำนึงถึงว่าเรือเวทของเจ้าเมื่อครั้งที่แล้วเสียหายไปครึ่งหนึ่ง ดังนั้น ครั้งนี้ในด้านความแข็งแกร่งและการป้องกันข้าก็ได้เพิ่มไปอีกไม่น้อย ตอนนี้เรือใหญ่เวทของเจ้าลำนี้ร้ายกาจกว่าก่อนหน้านี้มากโขเลยทีเดียว

“ไม่ว่าจะเป็นเดินสมุทร บิน ดำน้ำล้วนแต่สำแดงพลังน่าตื่นตะลึงออกมาได้ทั้งนั้น

“สุดท้ายข้ายังเพิ่มเกราะชั้นนอกให้เรือเวทของเจ้าลำนี้อีกชั้นหนึ่ง แรงบันดาลใจมาจากคราบกิ้งก่าทะเล เรือเวทของเจ้าเมื่อเจอกับการโจมตีที่ไม่อาจหักล้างได้ เกราะชั้นนอกก็จะระเบิดออกเป็นเศษซากประดุจนางฟ้าโปรยดอกไม้ ดูแล้วอยากให้น่าสังเวชเท่าใดก็น่าสังเวชได้เท่านั้น แบบนี้คนอื่นก็คงเสียดายพลังเวทไม่ลงมือเป็นครั้งที่สองแล้ว

“แต่ความจริงแล้วมันสามารถประกอบขึ้นใหม่ได้เพียงเสี้ยวนึกคิด แต่ทักษะนี้ตอนนี้ข้ายังไม่ชำนาญนัก ดังนั้นจะทำหลายครั้งไม่ได้ ข้าลองวิเคราะห์ดูแล้ว เรือของเจ้าลำนี้สามารถทนการแยกส่วนแล้วประกอบใหม่ได้สองครั้ง

“ถึงตอนนั้นไม่ว่าเจ้าจะแกล้งตายหรือจะโจมตีกลับ ล้วนแต่เหนือความคาดหมายทั้งสิ้น”

สวี่ชิงมองจางซานพลางมองเรือใหญ่เวทของตัวเอง เขาสัมผัสได้ว่าจางซานทุ่มเทกายใจเพื่อช่วยตนหลอมเรือจริงๆ เรื่องนี้ในสภาพแวดล้อมอย่างสำนักเจ็ดเนตรโลหิตแบบนี้เป็นสิ่งที่ล้ำค่านัก

สวี่ชิงประสานหมัด โค้งคารวะสุดตัว

“ขอบคุณศิษย์พี่จางซานมากขอรับ!”

“เกรงใจอะไร ข้าก็ลงทุนเหมือนกัน ตอนนี้ดูเจ้ากับนายกองข้าเลือกลงทุนถูกแล้ว ดังนั้นก็หวังว่าความเป็นไปได้ที่พวกเจ้ามีชีวิตรอดจะมากหน่อย ในเมื่อ…ข้ารู้สึกว่าพวกเจ้าสองคนบ้าระห่ำมาก แต่ข้าก็คิดว่านายกองน่าจะตายเร็วกว่าเจ้า” จางซานถอนหายใจ

สวี่ชิงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะถามว่า

“วัตถุดิบทำโลงที่เตรียมให้นายกอง ยังอยู่ในเรือใหญ่เวทหรือไม่” ไอรีนโนเวล

“อยู่สิ นั่นมันของดีเชียวนะ ครั้งที่แล้วเสียหายไปเล็กน้อย ที่เหลืออยู่จะสิ้นเปลืองไม่ได้” จางซานกระแอมเล็กน้อย ยิ้มพลางมองสวี่ชิง

สวี่ชิงไม่พูดอะไร ประสานหมัดคารวะอีกครั้ง หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอาหินวิญญาณสองหมื่นก้อนออกมาแล้วยื่นไปให้

จางซานก็ไม่เกรงใจ การหลอมครั้งนี้ วัตถุดิบที่เขาใช้ไม่ได้มีแค่ของพวกนี้ หลังจากเก็บลงไปก็โบกมือให้สวี่ชิง ก่อนที่ทั้งสองคนแยกย้ายกันไป

สวี่ชิงเก็บเรือใหญ่เวทของตัวเองลงไป มองมหาสมุทรที่อยู่ไกลๆ ในใจเต็มไปด้วยความวาดหวัง

“พรุ่งนี้เมื่อฟ้าสางก็เดินเรือออกทะเลทันที!” หลังจากที่สวี่ชิงตัดสินใจแน่วแน่แล้วก็ไปจากกรมขนส่ง ระหว่างทางในใจก็คำนวณหินวิญญาณของตัวเอง

“ระดับสร้างฐานมีค่าใช้จ่ายมากมายเหลือเกิน ตอนนี้ในกระเป๋าก็เหมือนว่าจะเหลือหินวิญญาณไม่ถึงห้าหมื่นก้อนแล้ว แล้วก็มีตะเกียงดับวิญญาณต้องรีบขายออกไป ถ้าขายไปได้ก็จะรวยแล้ว”

สวี่ชิงระหว่างครุ่นคิดก็บินมุ่งหน้าไปยังยอดเขาที่เจ็ด ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ผู้คนสัญจรไปมาในเมืองหลักไม่มีแล้ว ดูแล้วว่างโล่ง มีเพียงจิตชั่วร้ายในค่ำคืนที่แผ่ลามไประหว่างลูกศิษย์ล่างเขาด้วยกันเอง

แต่ว่าเรื่องพวกนี้ตอนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับสวี่ชิง ลำพังเพียงแค่ฆ่าคนร้ายประกาศจับไม่เพียงพอต่อความต้องการของเขาแล้ว ทว่าร่างของเขาในยามที่อยู่กลางเมืองหลักจู่ๆ ก็หยุดชะงักกลางอากาศ

สวี่ชิงก้มหน้ามองคนที่นอนอยู่บนถนนว่างโล่งข้างล่าง

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา