เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 199

บทที่ 199 สองดาราเกี้ยวเดือน

ลูกศิษย์เชิดชูเกียรติสำนักที่ว่าก็คือคนที่เป็นหน้าเป็นตา เป็นตัวแทนของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตต้อนรับแขก

เช่นนี้แล้วต่างเผ่าที่มาเยี่ยมเยือนสำนักเจ็ดเนตรโลหิตล้วนได้เห็นสวี่ชิงและนายกอง และทุกครั้งที่ได้เห็นพวกเขาก็จะคิดถึงเรื่องน่าอับอายของเผ่าสิงซากสมุทร

ดังนั้นในช่วงเวลาต่อมา จากการมาเยือนจำนวนมากมายของคนต่างเผ่า สวี่ชิงและนายกองก็ยุ่งจนหัวหมุนอย่างเลี่ยงไม่ได้

สวี่ชิงในตอนนี้ยืนอยู่ที่ท่าเรือที่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบหก รอคอยคนต่างเผ่าที่ใกล้จะมาถึงอย่างเงียบๆ ในช่วงเวลาพลบค่ำนี้

ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง ใบหน้าที่มากพอจะทำให้คนทั้งหลายหลงใหล งดงามจนเกินปกติ จากลมทะเลที่พัดมาไรผมเล็กละเอียดที่หน้าผากปลิวพริ้ว ประดุจม่านสีดำที่สั้นยาวไม่เท่ากัน แอบซ่อนความเย็นชาและหงุดหงิดเอาไว้

นี่เป็นต่างเผ่ากลุ่มที่เจ็ดที่เขามาคอยต้อนรับในช่วงเวลาครึ่งเดือนหลังจากได้รับคำสั่งจากบรรพจารย์แล้ว

แต่สวี่ชิงก็ไม่สามารถชินได้เสียที ในใจของเขาต่อต้านหน้าที่นี้

เขาไม่ชอบโดดเด่นเกินไปต่อหน้าคน นี่ทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัย แต่สวี่ชิงก็รู้ดีว่าชื่อเสียงจอมปลอมอย่างลูกศิษย์ลูกศิษย์เชิดชูเกียรติสำนักนี้ก็คือการปกป้องตนอย่างหนึ่ง

ชื่อเสียงจอมปลอมชั้นนี้จะกำจัดความคิดประสงค์ร้ายที่คอยคิดจ้องลงมือมากมาย ในเมื่อ…เขาคือหน้าตาที่เป็นตัวแทนของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต

แต่ก็เนื่องจากเป็นหน้าตา ดังนั้นถ้าไม่เกิดอันตรายเลย ก็จะเป็นภัยอันตรายร้ายแรงอย่างแน่นอน

แล้วยังมีอันดับคำเรียกนี้ สวี่ชิงก่อนหน้านี้เคยได้ยินคนพูดว่าสำนักเจ็ดเนตรโลหิตมีส่วนที่เหมือนกับเผ่าสิงซากสมุทร และก็มีส่วนที่แตกต่างกัน ในเมื่อในอันดับนี้ ก่อนหน้านี้มีเพียงลูกศิษย์สืบทอดสายตรงของเจ้ายอดเขาทั้งเจ็ดเท่านั้น ถึงจะเข้ามาอยู่ในอันดับได้

หากได้อยู่ในอันดับ ก็เท่ากับมีฐานะที่พิเศษ ผู้ชิงตำแหน่งเจ้ายอดเขาในอนาคตก็คือแก่งแย่งกันจากในอันดับนี้

ในขณะเดียวกันด้านสิทธิพิเศษก็ไม่เหมือนกับลูกศิษย์ทั่วไป ส่วนสวี่ชิงก็พูดได้ว่าเป็นคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของเจ้ายอดเขาก็ได้เข้าสู่รายชื่อจัดอันดับแล้ว

‘อันดับของเฉินเอ้อร์หนิวเลื่อนขึ้น…นายกองน่าจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่แล้ว’ ในใจสวี่ชิงยืนยันเรื่องนี้ แต่ว่าเขาก็รู้สึกรางๆ ว่าเบื้องหลังนายกองน่าจะมีความลับที่ยิ่งใหญ่กว่านี้

รอด้วยความคิดเช่นนี้ แม้สวี่ชิงจะจนปัญญาแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธคำสั่งของบรรพจารย์ตรงๆ ได้

“ทำไมยังไม่มาอีก” ผมยาวที่ลมทะเลพัดปลิวพริ้วระขนตาสวี่ชิง ขัดจังหวะความคิดของเขา เขาเงยหน้ามองไปทางทะเล ความหงุดหงิดในใจเพิ่มมากขึ้น

“ศิษย์พี่สวี่ เผ่าดาราสมุทรนี้ได้ยินคนพูดกันว่ามีปลาดาวแปลกประหลาดดวงหนึ่งที่หลังทุกตน โดยปกติไม่ชอบแสงอาทิตย์ ดังนั้นพวกเขาอาจจะใกล้ๆ ฟ้ามืดถึงจะปรากฏตัว”

สวี่ชิงไม่ได้อยู่ที่นี่คนเดียว ลูกศิษย์ข้างหลังเขามีถึงยี่สิบกว่าคน นี่คือหน้าตาที่นายกองจัดการให้ สำหรับคำสั่งของบรรพจารย์ นายกองกระตือรือร้นกว่าเขามาก

ลูกศิษย์จำนวนไม่น้อยในสำนักถูกนายกองเรียกให้มาเข้าร่วม ขณะเดียวกันสวี่ชิงก็เหมือนเป็นไพ่ตายของนายกอง หากแขกที่มาเป็นผู้บำเพ็ญหญิงเป็นหลัก นายกองมักจะเรียกสวี่ชิงทันที

และการปรากฏตัวทุกครั้งของสวี่ชิงก็ทำให้ผู้บำเพ็ญต่างเผ่าหญิงที่มาชมจมูกบรรพจารย์ศพต่างตื่นตะลึงในรูปโฉม สงสัยใคร่รู้ในตัวเขามาก

สวี่ชิงเดิมจะปฏิเสธ แต่คิดถึงว่าแบบนี้จำนวนครั้งที่ตนต้องออกมาก็จะน้อยมาก ดังนั้นจึงยอมรับการจัดการนี้

แต่นายกองก็เหมือนจะกังวลว่าสวี่ชิงจะโดดเดี่ยว ดังนั้นจึงจัดสหายร่วมสำนักที่เขาคุ้นเคยดีสองคนมาให้อย่างเอาใจใส่ เพื่อเป็นผู้ช่วยด้วย

คนหนึ่งก็คือกู้มู่ชิงที่กำลังพูดอยู่ตอนนี้

กู้มู่ชิงเอ่ยเสียงเบา ใบหน้าของนางสง่างามอ่อนโยน ประดุจดอกบัวในแก้ว รูปโฉมหยาดเยิ้ม มีชีวิตชีวา

ตอนนี้มุมปากของนางมีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏ คิ้วตายังมีความเป็นเด็กหลงเหลืออยู่นิดๆ แฝงด้วยความมีชีวิตชีวายิ่งนัก ชุดนักพรตสีส้มทั้งร่างขับเน้นร่างสูงโปร่งของนาง ประดุจเมฆพรายรุ้ง เป็นประกายระยิบระยับ

“ศิษย์พี่สวี่ เผ่าดาราสมุทรทำเกินไปนิดจริงๆ กล้ามาสายเสียได้ แต่ว่าไม่เป็นไร ข้าเพิ่งได้รับการตอบรับจากสมาพันธ์เจ็ดสำนัก รอเมื่อสงครามจบสิ้นข้าก็จะไปได้เรียนวิชาสมุนไพรแล้ว เมื่อไปถึงที่นั่นข้าก็มีคุณสมับติให้เผ่าดาราสมุทรมาขอโทษศิษย์พี่ด้วยตัวเอง!

“แล้วก็ศิษย์พี่ นี่คือสิ่งที่ข้าได้จากการเรียนในช่วงนี้ ศิษย์พี่ท่านช่วยข้าตรวจหน่อยสิเจ้าคะ”

เห็นกู้มู่ชิงพูดกับสวี่ชิงแบบนั้น ติงเสวี่ยก็ก้าวออกมาพูดกับสวี่ชิงบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นยังหยิบตั๋ววิญญาณปึกหนึ่งและแผ่นหยกอีกชิ้นหนึ่งออกมาอีกด้วย

นางยิ้มงดงาม ข้อมือขาวกว่าหิมะ ผมดำประดุจปุยเมฆ ริมฝีปากเล็กๆ สีกุหลาบใต้จมูกโด่งเผยอเล็กน้อย ประดุจดอกกุหลาบที่งดงามเฉิดฉัน

เสียงที่ดังออกมาไพเราะก้องกังวาน ฉายความไร้เดียงสา ส่วนดวงตาก็เป็นประกายระยับ คิ้วเรียวละเอียดดุจไหม ดวงตาที่เหมือนกระชากวิญญาณคู่นั้น เหมือนเพียงแค่ชั่วแวบเดียวก็ทำให้คนจมอยู่ในนั้นจนถอนตัวไม่ขึ้น

ติงเสวี่ยก็คือผู้ช่วยคนที่สองที่นายกองจัดเตรียมให้สวี่ชิง

หญิงสาวสองคนนี้ยืนอยู่ข้างซ้ายขวาของสวี่ชิง ต่างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เหมือนดอกเหมย ดอกกล้วยไม้ ต้นไผ่ เบญจมาศ ที่ยากจะตัดสินว่าใครเลิศล้ำกว่า

และข้างหลังพวกเขาสามคน ในบรรดาลูกศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิตสามสิบกว่าคนนี้มีเจ้าจงเหิงด้วย

ครึ่งเดือนนี้เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่รู้ต่อกี่ครั้ง ถึงจะทำให้ตัวเองยังรักษารอยยิ้มเอาไว้ได้ ส่วนลูกศิษย์คนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ต่างมองสวี่ชิงทางนั้นราวมองเทพ

ในครึ่งเดือนนี้ ระหว่างกู้มู่ชิงและติงเสวี่ยดูเหมือนสามัคคีกันแต่ความจริงแล้วการแก่งแย่งชิงดีซึ่งกันและกันบางอย่างก็เห็นได้ชัดขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้กู้มู่ชิงปรายตามองติงเสวี่ยแวบหนึ่ง

ติงเสวี่ยก็ไม่อ่อนข้อ หลังจากกวาดตามองไปก็คิ้วงามก็เลิกขึ้น จากนั้นก็ทำท่าน้อยอกน้อยใจออกมา

บทที่ 199 สองดาราเกี้ยวเดือน 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา