เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 203

บทที่ 203 เลื่อนขั้นอีกครั้ง

เวลาคล้อยเคลื่อน เพียงพริบตาก็ผ่านไปเจ็ดวัน

เด็กสาวชุดดำจากเกาะบูรพาสงัดถูกคุมขังอยู่ในหน่วยนิลกาฬ ต่อให้ทั้งร่างถูกเพิ่มอีกสิบห่วง นางก็ยังคงไม่ยอมจำนน คำสาปแช่งต่างๆ ล้วนก่นด่าสาปแช่งสวี่ชิงทั้งสิ้น เพียงแต่คุกที่นางอยู่เสียงลอดออกมาไม่ได้

แต่เห็นได้ชัดว่าพลังของนางเปี่ยมล้น ต่อให้ผ่านไปแล้วเจ็ดวัน นางพบว่าสำนักเจ็ดเนตรโลหิตไม่ปล่อยนางออกไปก็ยิ่งคลุ้มคลั่งกว่าเดิม

หลังจากสวี่ชิงรู้เรื่องนี้ก็สั่งการลงมา เพิ่มให้นางอีกสิบห่วง พลังผนึกมหาศาลทำให้เด็กสาวชุดดำยิ่งคลั่งแค้น แต่พลังไม่เหลือเท่าไรแล้ว ดังนั้นคำก่นด่าของทุกวันย่อมน้อยลงไปบ้าง

สวี่ชิงไม่ได้ไปดู แค่อ่านรายงานสภาพความเป็นอยู่ของอีกฝ่ายจากม้วนเอกสารเท่านั้น ก็ไม่ได้ไปสนใจอะไร

ส่วนจะปล่อยเด็กสาวคนนี้ไปเมื่อไร สวี่ชิงรู้สึกว่าไม่ต้องรีบร้อน อีกทั้งท่าทีของสำนักต่อเรื่องนี้ก็น่าสนใจนัก นอกจากวันนั้นแล้วก็ไม่ได้ถามไถ่อะไรอีก

เหมือนว่าทุกอย่างจะปล่อยให้เขารับผิดชอบจริงๆ ความรู้สึกอัศจรรย์เช่นนี้ สวี่ชิงเพิ่งเคยสัมผัสในสำนักเจ็ดเนตรโลหิตเป็นครั้งแรก

“เหตุจากรายชื่อจัดอันดับหรือ” สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด แต่ว่าเขาก็รู้จักประมาณตน ย่อมไม่ทำเรื่องโง่ๆ อย่างการฆ่าเด็กสาวชุดดำไปแบบนี้

หากจะฆ่า ก็ต้องรอหลังจากที่ปล่อยตัวไป สังหารในตอนที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว

ดังนั้นเขาก็รอสำนักประกาศแผนการที่จะตามมาของเรื่องนี้ และเรื่องนี้ก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางเลิกราง่ายๆ แบบนั้น จะอย่างไรสำนักเจ็ดเนตรโลหิตก็เป็นฝ่ายมีความชอบธรรม ยิ่งต้องการศักดิ์ศรีหน้าตา

ต่อให้ตอนนี้เป็นช่วงสงคราม ศักดิ์ศรีก็ยังคงสำคัญอย่างมาก

สวี่ชิงรู้สึกว่าก็คงเป็นแบบนี้ ต้องรู้ว่าไม่แสดงทีท่า ความจริงแล้วก็คือการยอมรับกลายๆ

ในขณะเดียวกัน ในเจ็ดวันนี้ สวี่ชิงในฐานะที่เป็นลูกศิษย์เชิดชูเกียรติสำนักก็ไปทำหน้าที่สองครั้ง ต้อนรับแขกต่างเผ่าภายนอกเข้าสำนัก และในเวลาที่เป็นลูกศิษย์เชิดชูเกียรติสำนักในช่วงนี้ ชื่อเสียงของเขาก็ผงาดขึ้นด้วยอีกวิธีหนึ่ง

กระทั่งว่าบางครั้งผู้หญิงต่างเผ่าที่มาจากภายนอกพวกนั้นยังกระตือรือร้นขอร้องนายกองว่าอยากพบสวี่ชิง ในช่วงนี้ผู้บำเพ็ญหญิงต่างเผ่าที่เคยเห็นสวี่ชิงส่วนมาแล้วตกตะลึงในความงามของเขามากทั้งนั้น

แม้จะต่างเผ่ากัน แต่เผ่ามนุษย์ในฐานะที่เป็นผู้ปกครองในอดีตของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ต่อให้ปัจจุบันตกต่ำ แต่การยอมรับและมาตรฐานความงามที่สลักในสายเลือดต่างเผ่าก็ยากจะลบเลือน

ดังนั้นของกำนัลที่สวี่ชิงได้รับก็เก็บจนเต็มถุงเก็บของทั้งใบ

นี่ทำให้ในขณะเดียวกับที่ติงเสวี่ยและกู้มู่ชิงต่างระมัดระวัง ความหงุดหงิดรำคาญที่แต่เดิมมีในใจของสวี่ชิงลดลงไปมา ถึงอย่างไรของกำนัลที่ได้รับมา มูลค่าล้วนใช้ได้เลย

แต่ว่าเรื่องดีแบบนี้ก็ดำรงอยู่ไม่นานเท่าไร อย่างไรเสียกระแสที่เกิดจากจมูกของบรรพชนศพเผ่าสิงซากสมุทร หลังจากที่เป็นที่สนใจจับตามองอยู่ช่วงหนึ่ง คนที่มาก็ค่อยๆ น้อยลง อีกทั้งส่วนมากก็จากไปแล้ว

มีเพียงพันธมิตรบางกลุ่มที่มีจำนวนไม่มากอย่างเผ่าดาราสมุทร พวกเขายังไม่จากไป หลักๆ แล้วจะจับจ่ายซื้อของมากมายในเมืองหลัก และเด็กสาวเผ่าดาราสมุทรคนนั้นก็เหมือนจะสนอกสนใจสวี่ชิงทางนี้มาก มาเยี่ยมเยียนหลายต่อหลายครั้ง

แต่นอกจากของกำนัลที่ให้ในตอนแรกที่พบหน้า การมาเยือนในภายหลังก็ไม่ได้มอบของกำนัลอะไรให้อีก กลับถามนู่นถามนี่ด้วยท่าทีสดใสไร้เดียงสา เหมือนว่าอยากรู้อยากเห็นในตัวสวี่ชิงนัก อยากเข้าใจเขาในทุกๆ ด้าน

ดังนั้นหลังจากที่สวี่ชิงตอบรับครั้งหนึ่ง การขอเยี่ยมเยียนภายหลังล้วนปฏิเสธสิ้นหลังจากนั้นการเลื่อนตำแหน่งของสวี่ชิงและนายกองก็มีคำสั่งลงมาจากคุณงามความชอบครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้ ตำแหน่งของสวี่ชิงได้เลื่อนขั้น จากรองเจ้ากรมปราบพิฆาตเลื่อนขึ้นเป็นเจ้ากรม!

ควบคุมกรมปราบพิฆาตของทั้งยอดเขาลำดับเจ็ด

ทางนายกองทางนั้น แต่เดิมต้องเลื่อนขั้นเป็นรองหัวหน้าศูนย์ที่ควบคุมดูแลกรมปราบพิฆาตของทั้งเจ็ดยอดเขาสำนักเจ็ดเนตรโลหิต แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาทำอย่างไร กลับไม่ได้ไปที่ศูนย์ แต่มาเป็นเจ้ากรมของกรมข่าวกรองของยอดเขาลำดับเจ็ด

กรมกับศูนย์มีความแตกต่างกันอย่างมาก อย่างเช่นกรมปราบพิฆาตยอดเขาทั้งเจ็ดล้วนมีกรมนี้ แต่เหนือพวกเขาคือศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมของเจ็ดเนตรโลหิต หนึ่งศูนย์ควบคุมเจ็ดกรม

“คนโง่เท่านั้นถึงจะไปที่ศูนย์ กรมข่าวกรองดีจะตาย นั่นเป็นสถานที่ที่ข้าเฝ้าใฝ่ฝันถึงแม้ในฝัน ที่นี่จะไม่มีอะไรที่ข้าไม่รู้ ไม่ว่าจะเป็นสายลับที่ส่งไปแทรกซึมอยู่ข้างนอก หรือจะเป็นสืบหาหนอนบ่อนไส้ภายใน หรือจะสืบรายงานข่าวนอกเผ่า นี่ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ข้าเชี่ยวชาญ ยิ่งสะดวกต่อการที่ข้าจะขุดวาสนาบางอย่าง!”

ในวันแรกที่เป็นเจ้ากรมข่าวกรอง นายกองก็เรียกจางซาน มาหาสวี่ชิงอย่างหน้าชื่นตาบาน ทั้งสามคนนั่งดื่มเหล้าด้วยกัน จางซานมองสวี่ชิงและนายกองต่างได้เลื่อนขั้น ในขณะที่ดีใจ ก็อิจฉาอยู่นิดๆ

“ครั้งหน้าตอนที่พวกเจ้าออกไประห่ำ ความจริงก็พิจารณาเรียกข้าไปด้วยได้ นายกองเจ้าว่าจริงหรือไม่ มีข้าอยู่ด้วย อย่างน้อยหลังจากที่เจ้าตัวหายไปครึ่งท่อนก็ยังมีคนแบกกลับมา นี่ไม่ดีหรือ” จางซานเอ่ยสะท้อนใจ

นายกองกินผิงกั่ว ยิ้มตาหยีพลางตบไหล่จางซาน

“น้องสามอย่างได้หึงไป อย่างไรพี่ชายก็รักเจ้า!”

พูดจบนายกองก็มองสวี่ชิง พบว่าสวี่ชิงนั่งเหม่ออยู่ตรงนั้น เหมือนกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ ดังนั้นจึงนึกสงสัย

“น้องสอง เจ้ากำลังทำอะไร”

สวี่ชิงเงยหน้ามองนายกองแวบหนึ่ง แล้วมองไปทางจางซานที่สงสัยใคร่รู้เช่นกัน ก่อนจะเอ่ยอย่างสงบนิ่ง

“เอ้อร์หนิว ข้ากำลังคิดว่าจะปรับปรุงยาพิษอย่างไรดี ทำให้มันเป็นภัยคุกคามต่อผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณได้”

ปัญหานี้สวี่ชิงคิดมานานมากแล้ว ความจริงช่วงนี้เขาล้วนขบคิดอยู่ตลอด ส่วนทิศทางก็คือแมลงสีดำพวกนั้นที่เขาได้มา

แม้สู้กับเด็กสาวชุดดำจะใช้แมลงสีดำไปกว่าครึ่ง แต่ที่เหลือพวกนั้นหลังจากที่สวี่ชิงรวบรวมอีกครั้ง เขาก็พบว่าใช้แบบนี้พลังอ่อนด้อยเกินไป

กระทั่งรู้สึกเลาๆ ว่าตัวเองยังไม่ได้สำแดงศักยภาพของแมลงสีดำนี่โดยสมบูรณ์เลย อย่างไรเสีย…นี่เป็นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการลงมือของผู้แข็งแกร่งระดับแก่นลมปราณ ไม่มีเหตุผลที่หลังจากที่ตนใช้อีกครั้งพลังจะลดลงไปไม่น้อย จนแม้แต่ผู้บำเพ็ญไฟชีวิตสามดวงยังไม่สามารถสะกดได้ในทันที

จางซานได้ยินก็สูดลมหายใจ เขารู้สึกว่าสวี่ชิงต่างไปจากเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้เรื่องที่ขบคิดคือจะจัดการกับผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณอย่างไร…และเมื่อคิดถึงพิษของสวี่ชิง เขาก็เขยิบไปข้างหลังโดยสัญชาตญาณ ให้ห่างไปจากสวี่ชิงเล็กน้อย

นายกองเบิกตากว้างเช่นกัน จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าประโยคนี้ของสวี่ชิงเท่มาก ในความสงบนิ่งก็สามารถทำให้เอกลักษณ์โดดเด่นออกมา ดังนั้นจึงแอบจดจำไว้ในใจ จากนั้นก็กระแอมขึ้นมาแล้วหยิบยาลูกกลอนออกมาเม็ดหนึ่ง ก่อนจะกลืนลงไปป้องกันก่อนที่เหตุร้ายจะเกิดขึ้น

“เรื่องนี้เจ้าต้องค่อยๆ ศึกษาค้นคว้าแล้ว ข้าพูดเรื่องสำคัญก่อน ครั้งนี้ข้าในฐานะที่เป็นเจ้ากรมข่าวกรอง สวี่ชิงในฐานะที่เป็นเจ้ากรมของกรมปราบพิฆาต ทั้งสองศูนย์นี้แต่ก่อนไม่ถูกกัน แต่ตอนนี้พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”

“ข้ามีแผน ในเมื่อพวกเราดูแลทั้งสองกรมนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ต้องทำผลงานออกมา พยายามก่อนที่สงครามจะจบลง อาศัยสองกรมนี้กุมอำนาจยอดเขาลำดับเจ็ดทั้งยอดเขา ลองเป็นเจ้ายอดเขาให้หนำใจสักหน!

“แบบนี้หลังสงครามต่อให้ตาแก่กับคนอื่นๆ กลับมาก็ทำอะไรไม่ได้ในทันที พวกเราสองคนก็จะกลายเป็นผู้บำเพ็ญที่กุมอำนาจแท้จริง แบบนี้สะดวกพวกเราทำการใหญ่ในวันหลังยิ่งขึ้น”

สวี่ชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

“นายกอง ช่วงนี้ข้าว่าจะปิดด่านสักหน่อย ตั้งใจศึกษาค้นคว้าพิษนี้”

บทที่ 203 เลื่อนขั้นอีกครั้ง 1

บทที่ 203 เลื่อนขั้นอีกครั้ง 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา