บทที่ 231 ชื่อของสวี่ชิง
พลังมหาศาลยากจะบรรยายกลุ่มหนึ่งก็ปะทุจากค่ายกลจากเสียงที่ดังขึ้นทันที เหมือนเกิดเป็นมือใหญ่ที่มองไม่เห็นข้างหนึ่ง พุ่งลงมาจากฟ้าขณะที่สีหน้าผู้คุ้มครองของซือหม่าหลิงเปลี่ยนไปมหาศาลในเสี้ยวพริบตา
เสียงบึ้มดังขึ้น ผู้คุ้มครองชราที่เมื่อครู่ยังโอหังหยิ่งผยองร่างสะท้านเฮือก ร่างที่อยู่กลางอากาศกำลังจะก้าวมาถูกตบกดลงบนพื้นทันที
พื้นดินส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ไม่ว่าผู้คุ้มครองชราพลังบำเพ็ญระดับแก่นลมปราณคนนี้จะดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ถูกสยบอย่างแน่นหนาบนพื้น เสียงคำรามดังก้อง
“สำนักเจ็ดเนตรโลหิตคิดจะกบฏหรือไร เจ้า…”
“หนวกหู!” สวี่ชิงเอ่ยเสียงราบเรียบ เสี้ยวพริบตาต่อมาค่ายกลสำนักก็ส่งเสียงเลื่อนลั่นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่สยบ ทว่าเป็นการขับไล่
ทันใดนั้นผู้คุ้มครองชราคนนั้นก็ทนไม่ไหว ร่างถูกพลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งพัดกวาดออกไป จุดเทียนกงในร่างกายสั่นสะเทือน จิตใจคับข้อง เป็นถึงผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณ แต่กลับถูกควบคุมขับไล่เช่นนี้ นี่ทำให้ไฟโทสะสุมแน่นอก แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ถูกโยนออกไปนอกสำนักเจ็ดเนตรโลหิต
สวี่ชิงไม่สนใจ ตอนนี้เพียงไหววูบก็ไล่ตามซือหม่าหลิงที่กำลังหนีอย่างหวาดกลัวทันที ฝ่ามือหนึ่งซัดลงมา ซือหม่าหลิงทางนั้นร้องน่าสังเวช ร่างกระตุกเกร็งรุนแรง กระแทกไปบนสิ่งก่อสร้างแห่งหนึ่ง ไฟชีวิตสี่ดวงในกายสั่นระริก ดับไปดวงหนึ่ง
“สวี่ชิง!!” ซือหม่าหลิงผมเผ้ากระเซอะกระเซิง แทบจะคุ้มคลั่ง พิษในร่างและสิ่งแปลกประหลาดที่ปั่นป่วนวุ่นวายทั่วทั้งร่างทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความตายอยู่ใกล้เพียงแค่นี้เป็นครั้งแรก
แต่ซือหม่าหลิงก็เป็นคนที่ร้ายกาจ ในดวงตาฉายแววบ้าคลั่ง พลันกัดปลายลิ้น พ่นเลือดใส่สวี่ชิง
เลือดนี้กลายเป็นคนตัวเล็กนับไม่ถ้วนกลางอากาศ ทุกตัวล้วนมีกลิ่นอายชั่วช้า ส่งเสียงร้องแสบแก้วหูพุ่งไปหาสวี่ชิง ยิ่งในตอนที่พุ่งไป คนตัวเล็กพวกนี้ก็แปรเปลี่ยนเป็นตราประทับสี่เหลี่ยมรูปว่าว แฝงด้วยพลังผนึก วนล้อมอย่างรวดเร็ว
“มรรคาผนึกโลกันต์!” ซือหม่าหลิงคำรามเสียงต่ำเหี้ยมเกรียม มือทั้งสองขณะที่ประสานปางมือ ความเร็วของคนตัวเล็กพวกนั้นก็เพิ่มขึ้น เข้าประชิดอย่างรวดเร็ว ต่อให้สวี่ชิงถอยไปเร็วรี่ก็ยังไม่อาจหลบได้ เพียงพริบตาตราประทับทรงสี่เหลี่ยมรูปว่าวแต่ละดวง ก็พุ่งมารวมตัวประกอบอยู่รอบๆ ตัวเขาทั้งหมดทันที ก่อเป็นเปลือกไข่ที่มีตราประทับสี่เหลี่ยมรูปว่าวนับไม่ถ้วน
ในเสี้ยวพริบตาที่สวี่ชิงอยู่ในนั้น สองมือของซือหม่าหลิงก็พลันสะบัด ผนึกสวี่ชิงไว้ในเปลือกไข่นั้นทันที แล้วลอยขึ้นฟ้าไป จากความเหี้ยมเกรียมในดวงตา เสียงคำรามเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ระเบิด!”
ทันใดนั้นเปลือกไข่ก็ระเบิดกลางอากาศเป็นสามส่วนไม่สามารถระเบิดต่อไปได้ มือของสวี่ชิงยื่นออกมาจากเปลือกไข่ ยับยั้งการแตกสลาย เขามองซือหม่าหลิงที่ดวงตาฉายแววบ้าคลั่งดิ้นรนจะยืนขึ้นบนพื้นอย่างเย็นชา เพียงไหววูบก็มาถึงข้างหน้าอีกฝ่ายในพริบตา
ไม่รอให้ซือหม่าหลิงได้ตั้งตัว มือขวาของสวี่ชิงก็ยกขึ้นคว้าคอของเขา หลังจากยกขึ้นสูงก็เหวี่ยงลงบนพื้นอย่างโหดเหี้ยม
พื้นสั่นสะเทือนเกิดเป็นรอยแยก ซือหม่าหลิงร่างสั่นสะท้าน มุมปากมีเลือดไหลออกมา ไฟชีวิตในร่างมอดดับไปทันที ทั้งคนสลบเหมือด
สิ่งแปลกประหลาดทั้งหมดในตัวปะทุขึ้นทันที เหมือนจะกัดกินร่างของซือหม่าหลิง แต่แสงอ่อนโยนกลุ่มหนึ่งที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างซือหม่าหลิงต้านทานอย่างบ้าคลั่ง
สวี่ชิงกวาดตามองอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง
“ใส่ห่วงเวทให้เขายี่สิบห่วง ส่งตัวไปคุมขัง”
“น้อมรับคำสั่ง!”
ภาพนี้ทำให้ลูกศิษย์กรมปราบพิฆาตทั้งหมดที่เห็นต่างรู้สึกพลุ่งพล่าน แต่ละคนดวงตาฉายแววฮึกเหิม ต่อให้เป็นลูกศิษย์กรมปราบพิฆาตยอดเขาอื่นก็ล้วนเป็นเช่นกัน ในตอนที่มองมาทางสวี่ชิงก็แฝงไว้ด้วยความเคารพบูชาอย่างลึกซึ้ง
ต่อให้เป็นเจ้ากรมของยอดเขาลำดับหนึ่งและสามก็ยังต้องสูดปาก ก้มคารวะสวี่ชิง
จากนั้น ในตอนที่ลูกศิษย์กรมปราบพิฆาตบางคนเข้ามาใส่ห่วงเวทให้กับซือหม่าหลิงที่สลบไปแล้วอย่างเชี่ยวชาญ สวี่ชิงก็ลุกขึ้น เอ่ยเสียงเรียบนิ่ง
“จับกลุ่มนกเขาราตรีที่นี่ทั้งหมดทุกคน ผู้ขัดขืนฆ่าทิ้งไม่ละเว้น!”
ทันใดนั้นสมาชิกกรมปราบพิฆาตรอบๆ ก็กระจายตัวกันทันที การสังหารและเสียงร้องโหยหวนน่าสังเวชก็ดังก้องไปทั่ว
เรื่องราวหลังจากนี้สวี่ชิงไม่ได้เข้าร่วมต่อ ไม่มีการปรากฏตัวของอัจฉริยะฟ้าประทานเจ็ดสำนักอีก สำหรับการสังหารกลุ่มนกเขาราตรี กรมปราบพิฆาตเชี่ยวชาญเป็นอย่างยิ่ง และปฏิบัติการครั้งนี้ก็ดำเนินไปค่อนคืน
ในขณะที่ทั้งในเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิตออกปฏิบัติการ กลุ่มนกเขาราตรีจำนวนมหาศาลถูกจับ และมีจำนวนมากที่ถูกสังหารจากการขัดขืน ช่วงฟ้าใกล้สาง ในตอนที่สวี่ชิงกลับมาพักผ่อนที่เรือเวทก็ออกคำสั่งกรมปราบพิฆาต
“แขวนหัวกลุ่มนกเขาราตรีทุกคนไว้บนกำแพงเมือง”
ตอนนั้น ปฏิบัติการล่ากลุ่มนกเขาราตรีของกรมปราบพิฆาตก็ทำเช่นนี้ ตอนนี้สวี่ชิงเป็นเจ้ากรม เขาคิดว่าธรรมเนียมปฏิบัตินี้ดีมาก สมควรรักษาเอาไว้
ดังนั้น หลังจากฟ้าสาง กำแพงเมืองเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิตก็มีหัวของกลุ่มนกเขาราตรีเกือบพันหัวแขวนอยู่บนนั้น คนที่พบเห็นต่างสยดสยองครั่นคร้ามนัก และเรื่องที่เกิดขึ้นตอนกลางคืนก็ไม่อาจปกปิดได้ แพร่ไปทั่วสำนักเจ็ดเนตรโลหิตตั้งนานแล้ว
ฮือฮาไปทั่วทิศ
ต่างเผ่าทุกเผ่า พันธมิตรทุกฝ่าย ลูกศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิตทุกคน คนของพันธมิตรเจ็ดสำนักแห่งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ทุกคนต่างตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ในใจยิ่งเกิดระลอกคลื่นอารมณ์รุนแรง
สิ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงไม่ใช่ปฏิบัติการล่ากลุ่มนกเขาราตรีของกรมปราบพิฆาต ยิ่งไม่ใช่หัวที่แขวนอยู่บนกำแพงเมือง แต่เป็น…ซือหม่าหลิงแห่งสำนักล่าสิ่งประหลาดถูกกรมปราบพิฆาตควบคุมขัง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา